ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 441 เยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่จากตะวันตก!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เสียงที่ดังมาจากสถานที่ซึ่งอยู่ไกลออกไป ทั้งสงบและเรียบเฉย

เสียงนั้นไม่ดังมาก แต่คล้ายกับดังขึ้นที่ข้างหูของทุกคนในสำนักเมฆาโลหิต สำนักเพลิงโหม และสำนักอัสนีคำรนพร้อมกัน

ในตอนที่ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน ก็เห็นประกายแสงที่อยู่ห่างออกไปยิ่งมายิ่งส่องสว่าง ยิ่งมายิ่งเจิดจ้า

นั่นเป็นประกายกระบี่สายหนึ่งซึ่งพุ่งมาจากเส้นขอบฟ้าทางทิศตะวันตก

เสียงมังกรคำรามดังขึ้นทะลุหมู่เมฆ กลบเสียงฟ้าฝ่า และเสียงร้องของอีกาเพลิงลงไปพร้อมกันตามหลังประกายประบี่

ประกายกระบี่มีความเร็วสูงยิ่ง แค่ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าทุกคน พุ่งไปยังทุกคนในสำนักเมฆาโลหิตเป็นอันดับแรก ก่อนจะทำลายเมฆสีเลือดในหนึ่งกระบี่!

หัวใจของชายชราผมขาวค่อยๆ หนักอึ้ง ‘ตอนที่อยู่ประเทศฟู่หราน คนต่างแดนเหล่านี้มิได้เอาจริงอย่างที่คิดไว้’

ประกายกระบี่สว่างขึ้น จู่ๆ ก็หายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือชายหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมสีขาว สวมทับด้วยเสื้อสีน้ำเงิน ตรงขอบเสื้อสีน้ำเงินปักชุนขอบสีดำ

คนหนุ่มผู้นั้นย่อมเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ

ชายชราผมขาวมองเยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยปากถาม “เจ้าคือคนต่างแดนที่มีความสัมพันธ์กับสำนักกระเรียนหิมะหรือ”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างเรียบเฉย “ถูกต้อง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราผมขาวก็กล่าว “เจ้าปรากฏตัวที่นี่ และลงมือด้วยตนเองเช่นนี้ เพื่อไม่ให้พัวพันถึงสำนักกระเรียนหิมะและสำนักเขามังกรเขียวใช่หรือไม่”

ชายหนุ่มเอียงศีรษะเล็กน้อย มองคนในสำนักทั้งสามแห่งโลกลอยน้ำ “ตามคำพูดของพวกท่าน ก็เป็นแค่การหาข้ออ้างที่ดูดีในการทำลายสำนักเขามังกรเขียวเท่านั้น ข้าจะปรากฏตัวที่นี่หรือไม่ พวกท่านก็ต้องโจมตียอดเขามังกรและภูเขาสะพานหยกอยู่ดี”

ในเมฆสายฟ้ามีเสียงสายฟ้าลั่นครืนๆ “เจ้ามองได้ชัดเจนนัก ข้ายังมองออกด้วยว่าพลังฝึกปรือของเจ้าไม่ธรรมดา เหนือกว่าที่ร่ำลือเสียอีก แต่ไม่มีประโยชน์ วันนี้นอกจากสามปีศาจจะรวมตัวกัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครหน้าไหนต้านทานการเดินหน้าของพวกข้าได้!”

“ถ้าเข้าใจสถานการณ์ ก็มอบปี่เซียะภูเขามาเสียดีๆ บางทีอาจจะไว้ชีวิตเจ้า แต่สำนักเขามังกรเขียวและสำนักกระเรียนหิมะถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องสูญสิ้น!”

มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในกองทัพอีกาอัคคี “เหตุใดต้องพูดไร้สาระกับคนตายด้วยเล่า”

เพลิงโหมไหม้พลิกตัว กลายเป็นปีกเพลิงสองข้าง ม้วนพัดมาหาเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นผู้อาวุโสสำนักเพลิงโหมท่านหนึ่งลงมือ

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กลางอากาศ ไม่เคลื่อนไหว ปล่อยให้เปลวไฟโดนตัว

แต่ว่าในตอนที่เข้าใกล้ร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอ เปลวไฟเหล่านี้ก็สลายไปเอง

ชายหนุ่มเหมือนไม่เห็นเปลวไฟเบื้องหน้าอยู่ในสายตา เขากล่าวอย่างใจเย็น “พวกท่านเข้าใจผิดไปเรื่องหนึ่ง ข้าไม่สนใจจะป้องกันภัยพิบัติแทนสำนักเขามังกรเขียวหรอก สำนักเขามังกรเขียวจะอยู่หรือจะไปล้วนไม่เกี่ยวข้องกับข้า”

“ที่ข้ามาปรากฏที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน ในที่สุดข้าก็เข้าใจเรื่องหนึ่ง”

ขณะที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด ในกองทัพอีกาอัคคีมีเสียงแค่นหัวเราะดังมา เปลวไฟที่บ้าคลั่งกว่าก่อนหน้าพุ่งขึ้นมา จู่โจมมาที่เขา

เจ้าสำนักเพลิงโหม ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่ถูกจัดอยู่ในสิบอันดับแรกของโลกลอยน้ำลงมือแล้ว

เปลวไฟบ้าคลั่งที่แท้จริงม้วนตัวเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกออย่างมืดฟ้ามัวดิน

เขามองเปลวไฟซึ่งกระจายอยู่เต็มไปหมด เผชิญหน้าด้วยความใจเย็น จุดลมปราณทั่วร่างสั่นไหว ญาณจริงแท้ของตนเองกลายเป็นความเย็นสุดขีดจนหมด

กระแสอากาศที่เย็นเยียบเสียดแทงกระดูกเกิดขึ้นจากจุดลมปราณของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็กลายเป็นมังกรไฟมากมาย แผดคำรามขึ้นพร้อมกัน!

เมื่อถูกมังกรน้ำแข็งเหล่านี้คำรามใส่ จอมยุทธ์เลือดปีศาจทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ได้แก่สำนักเมฆาโลหิต สำนักอัสนีคำรน และสำนักเพลิงโหม ไม่ว่าจะมีพลังฝึกปรือสูงหรือต่ำ ล้วนเกิดความรู้สึกสั่นกลัวในส่วนลึกของจิตวิญญาณ

พวกเขาต่างเกิดความรู้สึกพรั่นพรึงและศิโรราบอย่างควบคุมไม่อยู่ คล้ายกับคนทั่วไปเผชิญหน้ากับองค์ราชา!

“สายเลือดมังกรแท้?! เป็นไปได้อย่างไรกัน? หรือเขาจะเป็นจอมยุทธ์เลือดปีศาจเหมือนกัน อีกทั้งยังหลอมรวมสายเลือดเผ่ามังกรแท้ที่เหนือกว่าชั้นที่หนึ่งในร่างกายด้วย!”

คนทั้งหมดงงงันในชั่วพริบตา แต่ว่าต่อมาก็เกิดความโลภไร้สิ้นสุด

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่เจ้าสำนักเพลิงโหมเท่านั้น แม้แต่ชายชราผมขาวหลู่หมิง เจ้าสำนักเมฆาโลหิต และเจ้าสำนักอัสนีคำรนล้วนต้องการลงมือ

เยี่ยนจ้าวเกอยังมีสีหน้าสงบดังเดิม หลอมรวมพลังที่เกิดขึ้นจากเลือดเนื้อและสารจำเป็นของซากมังกรน้ำแข็งให้กลายเป็นญาณจริงแท้ของตนเองจนหมด ความเย็นสุดขีดอันน่าสะพรึงกลัวแช่แข็งฟ้าดินในชั่วพริบตา

อัคคีร้อนแรงที่เจ้าสำนักเพลิงโหมใช้ ถูกแช่งแข็งกลายเป็นสสารที่สัมผัสได้

ความเย็นสุดขีดทำให้ความฮึกเหิมในใจของทุกคนดับมอดลง

ชายหนุ่มพูดต่อโดยไม่สนใจใคร “ก่อนหน้านี้มีอยู่หลายครั้งที่ข้ารู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เพียงแต่ไม่แน่ใจมาโดยตลอด แต่ไม่นานมานี้ ในที่สุดข้าก็ยืนยันความสงสัยในใจได้”

ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้น นิ้วชี้และนิ้วกลางชี้ขึ้นเป็นกระบี่ ฟันประกายกระบี่ที่เกิดจากญาณจริงแท้ออก

มังกรน้ำแข็งหลายตัวคำรามพร้อมกับบินวนขึ้น ประกายกระบี่กลายเป็นมังกรทะลุท้องฟ้า เป้าหมายคือเจ้าสำนักเพลิงโหม!

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน เปลวไฟคุ้มกันกายของเจ้าสำนักเพลิงโหมถูกฟันทำลาย!

ลายแสงทั่วร่างของเขาลอยขึ้นมา ดวงตาทั้งสองกลายเป็นสีแดงเพลิงละลานตา แต่ยังมิอาจต้านทานประกายกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ประดุจมังกรคำรามได้

เสียงอันไม่ยี่หระของเยี่ยนจ้าวเกอดังขึ้น ท่ามกลางเสียงมังกรคำราม “เมื่อมาถึงโลกที่แปลกหน้าโดยสิ้นเชิง ข้าเลือกที่จะทำตัวไม่โดดเด่น สังเกตด้วยความอดทน และรวบรวมข้อมูลข่าวสารเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ เช่นนี้ถึงจะกำหนดตำแหน่งของตัวเองได้อย่างแม่นยำ”

“ถึงอย่างไร การอยู่ที่นี่ก็ไม่เหมือนกับสถานที่ที่ข้าเกิด ด้านหลังข้ามีผู้อาวุโสในสำนักคอยช่วยเหลือ”

แสงกระบี่สั่นสะเทือนฟ้า เจ้าสำนักเพลิงโหมมิอาจต้านทานได้อีกต่อไป ระหว่างที่เขาร้องเสียงแปลกประหลาด กองทัพอีกาอัคคีด้านหลังเข้าปะทะพร้อมกัน พลังทั้งหมดส่งเสริม ช่วยให้เจ้าสำนักของตัวเองป้องกันมังกรเขียวในชายเสื้อ ซึ่งเป็นกระบวนท่าที่น่ากลัวและยอดเยี่ยมที่สุดของเยี่ยนจ้าวเกอ

สำนักเพลิงโหมไม่เหมือนสำนักเขามังกรเขียวที่มีโซ่กระดูกมังกร ไม่เหมือนสำนักเมฆาโลหิตที่มีน้ำเต้าเมฆาโลหิต และพญาปักษาชิงเหนียว

สิ่งที่พวกเขาใช้พึ่งพิงในการยืนตระหง่านอยู่บนโลกลอยน้ำ ก็คือกองทัพอันดับหนึ่งของโลกลอยน้ำ กองทัพอัคคีโหมกำจัดปีศาจ!

ประกายกระบี่ถูกหยุดเอาไว้ ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจ “แต่ความจริง คนอย่างข้าไม่ชอบการทำอะไรระมัดระวังเช่นนี้นัก เพราะความอิสระเป็นนิสัยของข้า”

“ตอนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรก ข้ารู้สึกกังวล และหวังว่าที่นี่จะไม่มีการคุกคามต่อสถานที่ที่ข้าเกิดมา” ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอหมุนวน ก่อนจะสาดออกไป “แต่หลังจากนั้นข้าจึงค่อยๆ พบว่า ไม่ใช่เรื่องน่าหวั่นเกรงนัก”

เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางโยนโครงกระดูกหนึ่งออกไป

เมื่อคนในสำนักเมฆาโลหิตเห็น ม่านตาล้วนหดลง

นั่นเป็นโครงกระดูกของเสือดาวสายฟ้าหกขาขนาดยักษ์โครงหนึ่ง

ชายหนุ่มกล่าวอย่างเชื่องช้า “ได้ยินมาว่าสำนักเมฆาโลหิตมีศิษย์อาจารย์รู่หนึ่งที่ฝึกสายเลือดเสือดาวสายฟ้าหกขา ‘ราชันเสือดาว’ หลินกังผู้เป็นอาจารย์ คือผุ้อาวุโสในสำนัก มีความสามารถอยู่บ้าง ส่วน ‘ราชันเสือดาวน้อย’ เหอไท่เฉิงซึ่งเป็นลูกศิษย์ คือยอดฝีมือที่โด่งดังมานาน”

“นี่จึงทำให้ข้าคิดมาโดยตลอดว่า คนที่ถูกฆ่าสังหารได้อย่างง่ายๆ เป็นเหอไท่เฉิง”

เขาชี้จอมยุทธ์เลือดปีศาจคนแรกที่ต่อสู้กับตนในคราวแรก ผู้ซึ่งกำลังวาดเป็นเส้นโค้งกลางอากาศ

“สุดท้ายข้าถึงได้รู้ว่า คนผู้นี้มิใช่ ‘ราชาเสือดาวน้อย’ ที่เป็นลูกศิษย์ แต่เป็น ‘ราชาเสือดาว’ ที่เป็นอาจารย์ ซึ่งถูกเรียกว่าผู้อาวุโสของสำนักเมฆาโลหิต”

เยี่ยนจ้าวเกอมองเจ้าสำนักเมฆาโลหิตหลู่หมิง “ท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ข้ารู้สึกอย่างไร”

สายตาของหลู่หมิงกลายเป็นเคร่งเครียด เห็นเยี่ยนจ้าวเกอสะบัดมือขวาในทันใด ประกายกระบี่กระจ่างใสสายหนึ่งพุ่งออกมา คมกระบี่เป็นสีแดงแวววาว

อาวุธวิญญาณชั้นสูง กระบี่บึงมรกต!

เขาใช้กระบี่แรกกดดันกองทัพอัคคีโหมทำลายปีศาจของสำนักเพลิงโหม ส่วนกระบี่ที่สองฟันมาทางสำนักเมฆาโลหิต!

เมฆสีเลือดพลันแตกสลาย ประกายกระบี่อันน่าพรั่งพรึงฟันใส่น้ำเต้าวิเศษสีแดงฉาน!

ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “เมื่อครู่เหมือนพวกท่านกล่าวว่า ข้าเป็นคนก่อให้เกิดภัยพิบัติในโลกลอยน้ำใช่หรือไม่”

“พูดได้ถูกต้องแล้ว”