ภาค 5 ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า บทที่ 442 ไร้เทียมทาน!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เจ้าสำนักเมฆาโลหิต หลู่หมิงในตอนนี้มีอารมณ์ดุร้ายสุดขีด

ครั้งนี้สามสำนักยาตราทัพมาทางตะวันตก เป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือสำนักเขามังกรเขียว หนึ่งในสี่สำนัก

นอกจากนี้แล้ว ยังมีสำนักกระเรียนหิมะที่ดูเหมือนอ่อนแอ แต่ความจริงมีพลังไม่ธรรมดาด้วย

นี่จึงเป็นเป้าหมายที่พวกผู้มีอำนาจแห่งสามสำนักเช่นพวกหลู่หมิงมุ่งหวัง

ในความคิดก่อนหน้านี้ของพวกหลู่หมิง เยี่ยนจ้าวเกอเป็นเพียงตัวแถม เทียบกันแล้ว พวกเขาต้องการปี่เซียะภูเขาที่ชายหนุ่มครอบครองอยู่มากกว่า

แต่ตอนนี้ ความจริงกลับฟาดใส่พวกหลู่หมิง จนพวกเขาไม่ได้สติอยู่ค่อนวัน

เทียบกับการได้รับความคุกคามถึงชีวิตในตอนนี้แล้ว ความต่างชั้นทางด้านจิตใจทำให้เหล่าผู้นำระดับสูงที่ปกครองโลกลอยน้ำเหล่านี้มิอาจรับไหว

กระบี่บึงมรกต อาวุธวิญญาณชั้นสูงในมือเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นประกายสีมรกตดุจมังกร คำรามพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ

หลู่หมิงตั้งสติ เห็นเยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ใส่น้ำเต้าเมฆาโลหิตซึ่งเป็นของวิเศษของสำนัก และรีบส่งเสียงกู่ร้อง

เขาใช้ฝ่ามือตบใส่น้ำเต้าเมฆาโลหิต ปากน้ำเต้าพลันมีแสงสีเลือดสาดออกมา

หลู่หมิงกระอักเลือดคำหนึ่ง เลือดเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวกลางอากาศ ครอบคลุมน้ำเต้าเอาไว้

แสงสีเขียวกับแสงสีเลือดผสมกันและส่องแสงแวววาว กลายเป็นพายุหมุน ในพายุมีแรงดูอันแข็งแกร่งส่งออกมา

“อึก! อึก! อึก!”

พายุหมุนนี้ในตอนนี้คล้ายกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นสัตว์ยักษ์ที่หิวโหย คิดจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า

เสียงอึกๆ นั้นเหมือนกับเป็นเสียงที่ส่งออกมาจากในท้องของสัตว์ที่หิวโหย

ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งร่างของจอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตปรากฏลายแสงละลานตาลอยขึ้นมาหลายสาย ก่อนจะเคลื่อนตัวไปมาบนผิวอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลู่หมิงชายชราผมขาวเป็นผู้ชักนำ

ลายแสงส่องสว่าง แสงสีเขียวมากมายเกี่ยวกระหวัด จากนั้นก็กลายเป็นร่างแสงของนกสีเขียวขนาดยักษ์ตัวหนึ่งเหนือศีรษะ ตรงกลางเมฆสีเลือด และสยายปีกขึ้น!

เจ้าสำนักหลู่หมิงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเมฆาโลหิต เป็นผู้นำรวบรวมพลังของยอดฝีมือระดับสูงเกินกว่าครึ่งของสำนักเมฆาโลหิต ใช้กระบวนทัพที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเป็นวิชาในสำนักเมฆาโลหิต ทัพพญาปักษาร่ำร้อง!

ร่างของพญาปักษาชิงเหนี่ยวส่งเสียงร้องไพเราะ สยายปีกทั้งสองข้างปกคลุมฟ้า ครอบคลุมแผ่นดิน แล้วพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ!

ขณะเดียวกัน ในเมฆดำที่อยู่ไกลออกไป ก็มีเสียงสายฟ้าคำรามดังขึ้น

เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอเหี้ยมหาญถึงเพียงนี้ เจ้าสำนักอัสนีคำรนก็ไม่สนอย่างอื่นอีก เขารีบนำจอมยุทธ์ของสำนักตัวเองโจมตีมาพร้อมกัน

แสงสายฟ้าหลายสายสว่างวาบ ร่างแสงของสัตว์ยักษ์ที่เหมือนกับราชสีห์และพ่นเมฆได้ ปรากฏตัวท่ามกลางเมฆสายฟ้า มองไปมีลักษณะเหมือนตัวซวนหนี[1]

สายเลือดราชสีห์วิเศษซวนหนีที่มีระดับสูงที่สุดของสำนักอัสนีคำรน แม้จะเป็นเลือดผสม แต่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ไม่ด้อยกว่าพญาปักษาชิงเหนี่ยวและอีกาอัคคีเลย

กระบวนทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามเริ่มทำงาน สายฟ้าอันบ้าคลั่งพุ่งเฉียงๆ ใส่เยี่ยนจ้าวเกออย่างสับสน

แสงสายฟ้าคล้ายกับกลายเป็นกระแสน้ำสูงเทียมฟ้า

“ฟ้าร้องดัง ฝนตกปรอย[2]” เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นแค่นหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง บนตัวพลันมีแสงสายฟ้าสีเงินยวงที่แปลกประหลาดสว่างวาบขึ้น

แสงสายฟ้าสีเงินยวงหายไปอย่างรวดเร็ว อึดใจต่อมา เงาสีดำสายหนึ่งก็ลอยออกมาครอบคลุมร่างแสงของราชสีห์วิเศษซวนหนีที่พุ่งเข้ามาหาตนไว้

เหล่าคนสำนักอัสนีคำรนพลันรู้สึกว่าเบื้องหน้ากลายเป็นสีดำสนิท

เสียงสายฟ้าที่ดังสนั่นแสบแก้วหูก่อนหน้านี้ กลับทุ้มต่ำลงในชั่วพริบตา แล้วกลายเป็นไร้สุ้มไร้เสียง

จากนั้น แสงสายฟ้าสีเงินยวงก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ระเบิดร่างแสงของราชสีห์วิเศษซวนหนีเป็นผุยผง!

สายฟ้าอนธการ!

ศัตรูตกอยู่ในราตรีนิรันดร์อันมืดมิดและเงียบสงัด จนกระทั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้น สายฟ้าสายหนึ่งระเบิด จึงค่อยเห็นเดือนเห็นตะวัน

และในตอนที่เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ก็เป็นเวลาสูญสิ้นของศัตรู!

หลังจากใช้สายฟ้าอนธการรับมือกับกระบวนทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มขึ้น ประกายกระบี่หมุนเวียน คล้ายกับมังกรปรากฏตัว

มังกรลืมตา ส่งเสียงกู่ร้องชนิดที่สามารถทะลุก้อนเมฆ ทำลายศิลา

มังกรสะบัดตัว เปิดเกล็ดออก มังกรเขียวที่เกิดจากการประกายกระบี่ปล่อยลมปราณอันแข็งแกร่งแท้จริงออกมาสายหนึ่ง

ราวกับมังกรโบราณตัวจริงซึ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล ระเบิดความโกรธชนิดทำลายฟ้าทำลายดินออกมาใส่คนที่บังอาจรบกวนตัวมัน

ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือนเพราะเสียงคำรามของมัน!

ญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอและประกายกระบี่บึงมรกต รวมกันอยู่ในกระบวนท่ากระบี่มังกรเขียวในแขนเสื้อ

มังกรแท้ไปยังที่ใด เหล่าสรรพสัตว์ต้องยอมศิโรราบ ร่างแสงของพญาปักษาชิงเหนี่ยวสลายในทันที!

พายุหมุนที่เหมือนกับสัตว์หิวโหยนั้นคิดจะกลืนกินมังกรแท้

ประกายกระบี่สีเขียวทะลุเข้าไปในพายุหมุน จากนั้นก็หมุนวนบดขยี้!

พลังงานอันน่ากลัวระเบิดออกมาจากส่วนลึกของพายุหมุน ทำให้มันคงสภาพต่อไปไม่ไหวในทันที สลายลงโดยสิ้นเชิง!

ประกายกระบี่ดุจมังกรคล้ายกับฉีกกระชากท้องนภา และขี่เมฆพุ่งออกไป หลังจากทำลายพายุหมุนแล้ว ก็ยังคงฟันใส่น้ำเต้าเมฆาโลหิตต่อ

น้ำเต้าเมฆาโลหิตส่งเสียงโหยหวน คล้ายกับสิ่งมีชีวิตของจริง ก่อนจะเบี่ยงหลบไปด้านหลังเหมือนรู้สึกกลัว

แต่เสียแรงเปล่า

“ตูม!”

เสียงหนึ่งดังกังวาล น้ำเต้าเมฆาโลหิต ของวิเศษที่ได้รับการขนามนามเคียงคู่กับสายเลือดพญาปักษาชิงเหนี่ยวของสำนักเมฆาโลหิตมาโดยตลอด แตกเป็นสองส่วน!

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอบรรลุเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณแล้ว กระบวนท่าสังหารที่เกิดจากมังกรเขียวในชายเสื้อก็ทำให้ท้องฟ้าถึงกับเปลี่ยนแปลง!

มังกรส่งเสียงร้องสนั่น ฟากฟ้าพลันเปลี่ยนสี!

กลางท้องฟ้าพลันมีฝนเลือดสาดกระจาย จอมยุทธ์เมฆาโลหิตพากันกระอักเลือด

จอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตที่มีพลังฝึกปรือต่ำ ถูกพลังอันแข็งแกร่งบดขยี้ร่างกาย ชีวิตดับสิ้นไป

น้ำเต้าเมฆาโลหิตแหลกสลาย เมฆสีเลือดอันยิ่งใหญ่กลางท้องฟ้าสลายตัวทันที จอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตสูญเสียที่ค้ำจุน ร่วงลงไปเบื้องล่าง

เจ้าสำนักเพลิงโหมส่งเสียงกู่ร้อง โจมตีโดยใช้กระบวนทัพอัคคีโหมกำจัดปีศาจอีกครั้ง

อานุภาพของเพลิงไหม้รุนแรงยิ่งกว่ากระบวนทัพพญาปักษาร่ำร้อง และกระบวนทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามมากนัก!

อีกาอัคคีมากมายสยายปีกสูง แล้วพุ่งลงมาหาเยี่ยนจ้าวเกอด้วยอย่างมืดฟ้ามัวดิน

ลักษณะนั้นเหมือนกับลูกไฟกระจายไปทั่วฟากฟ้า

เยี่ยนจ้าวเกอไม่สนใจโดยสิ้นเชิง

ประกายสีเขียวหายไป ประกายสีม่วงปรากฏขึ้นแทน

ชายหนุ่มเก็บกระบี่บึงมรกต ในมือปรากฏอาวุธวิญญาณชั้นสูงชิ้นหนึ่ง

ธนูนภาอลหม่าน!

‘ข้ากลายเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณ โดยที่ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นนัก’

เขาดีดสายธนู ก่อนจะยิ้มพลางง้างสายตึง

ญาณจริงแท้หลายสายรวมตัวกัน กลายเป็นคันศรน้ำแข็งคันหนึ่ง

วินาทีถัดมา เสียงสายฟ้าสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้น แสงคันศรสีน้ำเงินสายหนึ่งเจาะทะลุท้องฟ้า

แสงคันศรสีน้ำเงินระเบิดกลางอากาศ กลายเป็นพายุหิมะกระจายเต็มท้องฟ้า

น้ำค้างมากมายนับไม่ถ้วนกลายเป็นศรคมนับหมื่นนับพัน ยิงอีกาอัคคีจนหมด ไม่ปล่อยให้เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว!

เยี่ยนจ้าวเกอไม่รอให้เจ้าสำนักเพลิงโหมนำจอมยุทธ์ของสำนักตัวเองสร้างกระบวนทัพอีกครั้ง เขาโบกมือครั้งหนึ่ง เสาระเบียงวังเทพพลันลอยออกมา จากนั้นก็ฟาดลงด้านล่าง!

ทุกคนในสำนักเพลิงโหมรู้สึกเพียงว่าท้องฟ้าพลันมืดมัวลง

ก้นเสาศิลาอันมโหฬารใหญ่ขึ้นจนใหญ่คับท้องฟ้า เหมือนปกคลุมนภา กดดันลงมาด้วยอานุภาพอันมิอาจหยุดยั้ง

ราวกับฟากฟ้ากำลังพังทลายก็ไม่ปาน!

ทุกคนในสำนักเพลิงโหมคิดจะหนี ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หนีไม่พ้นหรอก”

ฟ้าดินทางนั้นคล้ายกับถูกพันธนาการไว้

ทุกคนในสำนักเพลิงโหมจะหนีอย่างไร ก็หนีไม่พ้นอาณาเขตบดขยี้ของเสาระเบียงวังเทพ

เสาศิลาต้นหนึ่งกดอัดกองทัพอัคคีโหมทำลายปีสาจไว้ด้านล่าง ดุจภูเขาเทพหล่นจากฟ้า

“หนึ่งในความปรารถนาตอนที่อยู่บ้านเกิด ก็คือมีสักวันหนึ่งที่ข้าไร้เทียมทาน” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างสบายอารมณ์ “แต่คิดไม่ถึงเลยว่า พอมาถึงที่นี่ ข้าจะได้ลองชิมรสชาตินี้ก่อน”

……………………………………….

[1] ซวนหนี เป็นลูกของมังกรทั้งเก้าในตำนาน มีลักษณะคล้ายสิงโต

[2] ฟ้าร้องดัง ฝนตกปรอย หมายถึง ภายนอกดูดี ดูน่าเกรงขาม แต่ความจริงแล้วกลับธรรมดา