คุณชายเหวินเอ้อร์ตะลึงงัน จากนั้นก็พูดอย่างนึกดูถูกว่า “อย่าคิดจะสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา ตัวข้า…”

 

 

คนชุดดำจำนวนหนึ่งทิ้งตัวลงต่อหน้าเขาอย่างเงียบเชียบไร้ซึ่งเสียง ไม่รอให้คนของเขาได้ทันตั้งตัว ก็ลงมืออย่างรวดเร็ว

 

 

คุณชายเหวินเอ้อร์ตื่นตกใจ ฝีมือวิทยายุทธ์ของเขาไม่ต่ำเตี้ย แต่กลับไม่รู้สึกถึงตัวตนของคนกลุ่มนี้

 

 

และส่วนกลุ่มคนเหล่านั้นที่เขาพามา เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่ตื่นตะลึงก็เสียหายไปกว่าครึ่งแล้ว

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวนั่งอยู่ในห้องโดยสารนิ่งเงียบไม่ไหวติง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนก็กลับมานั่งอยู่ภายในห้องโดยสารเช่นเดียวกัน พูดเสียงเบาว่า “ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร นางพยักหน้า เงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกอย่างตั้งใจ

 

 

ด้านนอกไม่มีเสียงต่อสู้ใดๆ เลยสักนิด

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรู้สึกแปลกใจ คิดจะแหวกม่านหน้าต่างรถดูสถานการณ์ด้านนอก

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนจับมือของนางเอาไว้ พูดเสียงเบาว่า “อย่าดูเลย ระวังพรุ่งนี้จะกินข้าวไม่ลง”

 

 

ชาติที่แล้วมีสภาพคนตายแบบไหนกันที่เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เคยพบเห็น ได้ยินเขาพูดเช่นนี้กลับทำให้นางเกิดความรู้สึกแปลกใจขึ้นมา จะแหวกม่านหน้าต่างรถดูให้ได้

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนรีบจับมือของนางเอาไว้ ขัดขวางนาง

 

 

ระหว่างที่ทั้งสองคนชะงักแข็งไปนั่นเองเสียงที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา “ซื่อจื่อ จัดการหมดเรียบร้อยแล้วขอรับ คนเองก็ปล่อยไปตามคำสั่งท่านแล้วขอรับ”

 

 

“ตามเขาไป เจอสถานที่ซ่อนตัวของเขาแล้วมารายงานข้า” หวงฝู่อี้เซวียนสั่งเขา

 

 

ชายผู้นั้นรับคำถอยออกไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนปล่อยมือเมิ่งเชียนโยว

 

 

เมิ่งเชียนโยวแหวกม่านหน้าต่างรถออก หันไปมองทางด้านหน้ารถม้า สะอาดเรียบร้อยไม่เห็นมีอะไร นางหันมองรอบด้านด้วยความไม่นึกเชื่อก็ไม่เห็นร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน เห็นเพียงแต่กัวเฟย ชิงหลวนและจูหลีอยู่อึ้งตะลึงอ้าปากกว้างอยู่กับที่

 

 

“กัวเฟย เกิดเหตุอันใดขึ้น คนเหล่านั้นเหล่า” เมิ่งเชี่ยนโยวถามขึ้น

 

 

กัวเฟยเหมือนตกใจตื่นจากความฝัน ชี้ไปยังด้านหน้ารถม้า พูดติดอ่างกลับไปว่า “นาย…นายท่าน พวก…พวกเชา…”

 

 

กัวเฟยเป็นหัวหน้าองครักษ์หลวง ระดับวิทยายุทธ์ไม่ต่ำต้อย เคยพบเห็นเหตุการณ์นองเลือดหลากหลายมานับไม่ถ้วน การต่อสู้เมื่อครู่นี้กลับทำให้เขาตกใจได้ถึงเพียงนี้ เมิ่งเชียนโยวยิ่งเกิดความรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น ถามว่า “เมื่อครู่นี้เกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่”

 

 

“กัวเฟย ปิดปากของเจ้าให้แน่น หากเจ้ากล้าพูดออกมาแม้แต่นิดก็จัดการหาทางให้ตนเองไปเถอะ” เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นมา

 

 

ปากที่เพิ่งอ้าออกของกัวเฟยหุบลงในทันใด

 

 

เมิ่งเชียนโยวหันกลับมาถลึงตาใส่หวงฝู่อี้เซวียนทีหนึ่ง พลางหันไปถามชิงหลวนและจูหลีอย่างอดไม่ได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

ชิงหลวนและจูหลีเหลือบไปมองหวงฝู่อี้เซวียนทีหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่แสดงการกระทำแบบเด็กน้อยออกมา ใช้มือปิดปากของตนเองเอาไว้ไม่พูดจา

 

 

เมิ่งเชียนโยวรู้ว่าตนเองถามไปก็ไม่ได้คำตอบ นางยกขาขึ้นเตะหวงฝู่อี้เซวียนทีหนึ่ง สั่งกัวเฟยด้วยความโมโห “กลับจวน”

 

 

กัวเฟยรีบกระชับบังเ**ยน บังคับรถม้ากลับจวนอย่างรวดเร็ว

 

 

หวงฝู่อี้ได้รับคำสั่งจากหวงฝู่อี้เซวียนมาพักใหญ่แล้ว รู้ว่าจะนอนค้างอยู่ที่นี่ ดังนั้นหลังจากที่หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวออกมาแล้วจึงได้ตัดสินใจซ่อนตัวอยู่ภายในหลืบประตูห้อง หัวเราะยิ้มแย้มพูดกับคนเฝ้าประตูว่าคืนนี้ตนเองจะต้องรบกวนเขาแล้ว

 

 

เมื่อมีประสบการณ์ครั้งที่แล้ว ครั้งนี้คนเฝ้าประตูสงบนิ่งขึ้นมาก เขาจัดการหาผ้าห่มฟูกนอนให้เขา ตนเองยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูรอพวกเมิ่งเชียนโยวกลับมา ขัดกลอนประตูกลับห้องของตนเองไปนอนพักผ่อน

 

 

กัวเฟยบังคับรถม้ามาถึงหน้าประตูจวน หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวลงจากรถม้า เดินตรงเข้าไปข้างในไปพลาง กำชับเขาไปพลาง “เข้ารีบไปบอกพี่รองว่าโยวเอ๋อร์กลับมาแล้ว วันนี้เหนื่อยเกินไป จะกลับห้องไปนอนพักเสียก่อน มีเรื่องอันใดพรุ่งนี้ค่อยสนทนากัน”

 

 

กัวเฟยรับคำ จัดการบังคับรถม้าเข้าจวนจากประตูหลัง ไปยังเรือนของเมิ่งฉีเพื่อรายงาน

 

 

เมื่อครู่ตอนที่กินข้าวด้วยกันหวงฝู่อี้เซวียนได้บอกเมิ่งฉีไว้แล้วว่าตนเองจะพาเหวินฮูหยินลับไปส่งพร้อมกับเมิ่งเชียนโยว เมิ่งฉีจึงไม่ได้เป็นกังวลพวกเขาเท่าไรนัก ตอนนี้เมื่อทราบว่าเมิ่งเชียนโยวกลับมาและได้กลับไปพักผ่อนที่เรือของตนเอง เขาคิดว่าวันนี้นางเองก็คงจะเหนื่อยมากแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไรมาก เป่าตะเกียงภายในห้องของตนแล้วหลับไป

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวทั้งสองคนมาถึงภายในห้องของเมิ่งเชียนโยว ชิงหลวนยกน้ำมาให้พวกเขาได้เช็ดหน้าเช็ดตาทำความสะอาดกันครู่หนึ่ง หวงฝู่อี้เซวียนก็ถอดเสื้อนอกออก นอนลงฝั่งริมนอกของเตียง พลางใช้มือตบเตียงฝั่งในสองสามที แสดงท่าทางให้เมิ่งเชียนโยวเข้ามานอน

 

 

เมิ่งเชียนโยวไม่ขยับตัว ยกมือขึ้นกอดอกมองเขา

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนพูดล่อลวงนาง “เจ้ามานอนให้ดี แล้วข้าจะบอกเจ้า”

 

 

ยังดีที่เขายังไม่กล้าปิดบังตนเอง เมิ่งเชียนโยวถอดเสื้อนอกเช่นเดียวกัน ทิ้งตัวลงนอนฝั่งด้านในเตียง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือออกไปรวบตัวนางไว้ในอ้อมกอด ประชิดเข้าหานางกระซิบข้างหูพูดเสียงเบาว่า “คนเหล่านั้นคือองครักษ์มังกร มีเอาไว้ลอบปกป้องเสด็จลุงโดยเฉพาะ ไม่แสดงตัวออกมาง่ายๆ วิธีการรับมือกับคนนั้นโหดเ**้ยมยิ่งนัก ระยะนี้ข้ากำลังจัดการเรื่องหนึ่งอยู่ เสด็จลุงกลัวว่าข้าจะมีอันตรายถึงได้ให้ข้ายืมพวกเขามาใช้สองสามวัน ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของคุณชายเหวินเอ้อร์ด้วย หากว่าเขาอดทนไว้ได้ ผ่านไปอีกไม่กี่วันค่อยมาหาเรื่องพวกเรา คนของเขาก็คงจะไม่ถูกกำจัดอย่างง่ายดายเพียงนี้”

 

 

เมิ่งเชียนโยวเข้าใจในทันใด มิน่าเล่านางถึงไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แท้จริงแล้วองครักษ์มังกรกลุ่มนี้ก็ใช้วิธีสกปรกจัดการนี่เอง

 

 

สำหรับจะเป็นวิธีการอะไร ก็คงจะหนีไม่พ้นไม่กี่ประเภทเหล่านั้น เมิ่งเชียนโยวไม่มีความสนใจจะถามต่อไป ดึงผ้านวมที่อยู่ด้านข้างมาคลุมบนร่างพวกเขาสองคนเอาไว้ พูดว่า “นอนเถิด พรุ่งนี้เจ้ายังต้องรีบตื่นกลับจวนแต่เช้า หากพี่รองรู้เข้าว่าเจ้าหลอกลวงเขา คาดว่าหลังจากนี้ไปเจ้าคงไม่ต้องคิดกลับเข้ามาอีก”

 

 

เมิ่งฉีพูดเตือนพวกเขาสองคนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ให้ทำเรื่องที่ขัดต่อจารีตประเพณีอีก หากว่าปล่อยให้เมิ่งฉีรู้เข้าจริงๆ ว่าหวงฝู่อี้เซวียนมานอนพักอ้างแรมอยู่ในห้องเมิ่งเชียนโยว คาดว่าเขาคงจะเอามีดมาฆ่าหวงฝู่อี้เซวียนเป็นแน่

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน เมิ่งเชียนโยวพูดเช่นนี้ หวงฝู่อี้เซวียนย่อมต้องหลับตาอย่างว่าง่ายเชื่อฟัง กระชับกอดเมิ่งเชียนโยวเข้าสู่ภวังค์แห่งความฝัน แต่วันนี้เขากลับไม่ทำเช่นนั้น แต่กลับดันตัวขึ้นมาพิงหัวเตียง ลืมตากลมโตเป็นประกาย ถามอย่างเต็มไปด้วยความหวังว่า “โยวเอ๋อร์ ข้าจุมพิตเจ้าได้หรือไม่”

 

 

สิ่งที่ตอบเขาคือเท้าข้างหนึ่งของเมิ่งเชียนโยว

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่ทันได้ป้องกันตัว ตึ้ง! เสียงดังสนั่นตกลงไปนอนอยู่ใต้เตียง

 

 

เมิ่งเชียนโยวได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนั้น รู้ว่าเขาล้มไปไม่เบา คิดอยากจะลุกขึ้นดูอาการเขาอย่างรวดเร็วด้วยความสงสาร พลางคิดถึงคำขอของเขาเมื่อครู่นี้ถึงได้ทำใจแข็งนอนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับ

 

 

ชิงหลวนและจูหลีที่นอนพักผ่อนอยู่ในห้องรองได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวผิดปกติจึงรีบเดินไปยังหน้าประตูห้องเมิ่งเชียนโยวในทันใด ชิงหลวนถามขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “นายท่านเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไปหรือ จะต้องให้บ่าวเข้าไปช่วยเหลืออะไรหรือไม่เจ้าคะ”

 

 

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องเข้ามา กลับไปนอนเถิด” เมิ่งเชียนโยวรีบตอบกลับ

 

 

ชิงหลวนและจูหลีล้วนเป็นหญิงสาวยังไม่ออกเรือน ย่อมไม่รู้ว่าข้างในเกิดเหตุอันใดขึ้น แม้จะเกิดความสงสัยขึ้นในใจ แต่ก็เดินกลับห้องตนเองไปอย่างเชื่อฟัง

 

 

“พวกข้าไม่เป็นอะไร คืนนี้ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไรก็ตามแต่ไม่ต้องเข้ามา!” หวงฝู่อี้เซวียนที่นอนอยู่บนพื้นเอ่ยสั่งทั้งสองคน

 

 

ทั้งสองคนยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ แต่กลับไม่กล้าส่งเสียงถามไถ่

 

 

ครั้งนี้หวงฝู่อี้เซวียนร่วงลงบนพื้นอย่างเต็มกำลัง ล้มจนศีรษะวิงเวียน เขาแยกเขี้ยวยิงฟัน หลังจากที่สั่งกำชับชิงหลวนและจูหลีทั้งสองคนแล้วถึงได้รู้สึกดีขึ้น เขาพยายามออกแรงลุกขึ้น ยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาประกายหลุบมองเมิ่งเชียนโยวจากด้านบน

 

 

เมิ่งเชียนโยวสบตาตอบ พูดเสียงเบาว่า “คิดจะอยู่ที่นี่ก็มานอนให้ดี มิเช่นนั้นก็กลิ้งกลับจวนอ๋องฉีไป”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเม้มปาก ไม่พูดอะไร ภายในดวงตากลับประกายแสงเจ้าเล่ห์ออกมา