ตอนที่ 858 - การปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดของหวูซื่อ

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.858 – การปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดของหวูซื่อ
  เสี่ยวเหยากล่าวอย่างใจเย็น
  “แม่นางหลิงหากเจ้าอยากได้วารีผงกลั่นดวงใจ เจ้าก็ต้องประมูลเอาไปเท่านั้น”
  เขาถาม
  “หรือว่าเจ้าคิดว่าด้วยฐานะของเจ้า เจ้าจะได้มันไปล่วงหน้า? เราจะส่งของของคนอื่นโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของไม่ได้ นั่นจะเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่! เจ้าที่เป็นเจ้าของโรงประมูลก็น่าจะรู้นะ!”
  หลังพูดจบเสี่ยวเหยาเกือบจะหัวเราะเสียงดังออกมา เขารู้สึกยินดีปรีดาจนในที่สุดก็ย่ามใจได้เสียที
  แม่นางหลิงจ้องมองเสี่ยวเหยาอยู่นานก่อนจะยืนขึ้นช้าๆและกัดฟันพูด
  “จะอย่างไรก็ขอบคุณเจ้าตำหนักเสี่ยว”
  นางคว้าบัตรพิเศษบนโต๊ะและจากไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีผู้ประเมินใหญ่และเฒ่าเฉียนพันมือรีบตามนาง ทั้งสองก้มหน้าโดยแทบไม่กล้าหายใจ
  ทันทีที่พวกเขาออกจากโรงประมูลตำหนักโลหิตผู้ประเมินใหญ่ก็พูดอย่างลังเล
  “ท่านหลิงมันก็แค่โอสถขวดเดียว! มันไม่ได้มีผลกับโรงประมูลเทียนหยาของเราหรอก! ทำไมท่านถึงหมกมุ่นกับวารีผงกลั่นดวงใจนัก?”
  เขามิอาจรู้ได้เลยเพราะถึงแม้วารีผงกลั่นดวงใจจะมอบความร่ำรวยให้กับพวกเขา แต่มันก็เป็นเพียงหยดวารีในมหาสมุทรเมื่อเทียบกับความมั่งคั่งที่โรงประมูลเทียนหยามีอยู่แล้ว
  ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันเกินควรจนเกินไปแต่ด้วยเหตุผลกลบางอย่างทำให้แม่นางหลิงถึงกับมาโรงประมูลตำหนักโลหิตด้วยตัวเองเพื่อให้มีโอกาสได้มัน
  “ข้าไม่สนเรื่องนั้น!ข้าแค่สนคนที่มีหญ้าใจสลายตั้งแต่แรกแล้ว! ต้นไม้นั่นสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ยุคโบราณ มันไม่มีเหลืออยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ข้าต้องการหญ้าใจสลายเพราะข้าจะปรุงโอสถที่ยอดเยี่ยมแต่ข้าขาดมันแค่อย่างเดียว! ถ้าข้าเจอคนที่ปรุงโอสถนั่น ข้าก็จะได้ข่าวเรื่องที่อยู่ของวัตถุดิบ!”
  นางอธิบายด้วยความโมโห
  ผู้ประเมินใหญ่เข้าใจทุกอย่างแล้วเขากล่าว
  “ข้าจะไปหาข้อมูลถึงเรื่องคนที่นำโอสถมาขาย!”
  แม่นางหลิงพยักหน้า
  “ดีแต่อย่าให้เขารู้ตัว เขาอาจจะรับผิดชอบแค่เรื่องการขายเท่านั้น ส่วนคนที่ปรุงยาจริงๆน่ะ จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถมาก”
  “เข้าใจแล้ว…”
  ผู้ประเมินใหญ่ตอบ
  แม่นางหลิงเหลือบมองเฒ่าเฉียนพันมือด้วยสายตาเย็นชา
  “เราต้องเข้มงวดกับผู้ประเมินของเรามากขึ้นกำจัดคนที่ทำให้มาตรฐานของเราตกต่ำซะ!”
  ผู้ประเมินใหญ่ใจสั่นเมื่อได้ฟังเขาเหลือบมองเฒ่าเฉียนพันมือ ชะตาของเขาถูกตัดสินแล้ว หลังจากแม่นางหลิงต้องอับอายในวันนี้ นางย่อมยังคงโกรธอยู่
  “ย่อมได้!”
  ผู้ประเมินใหญ่ประสานมือ
  …
  ที่โรงประมูลตำหนักโลหิตเสี่ยวเหยามองตามคนจากโรงประมูลเทียนหยาที่เดินออกไป เขาพูด
  “เฒ่าหยูเฒ่าซุน พวกเจ้าดูซือหยูเซี่ยนให้ใกล้ชิด เจ้าต้องส่งยอดฝีมือของโรงประมูลไปปกป้องเขาอย่างลับๆด้วย อย่าให้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นกับเขา!”
  เพราะซือหยูเซี่ยนคือหนทางเดียวในการติดต่อกับยอดฝีมือลึกลับและถ้าหากเขาถูกสังหาร ทุกอย่างจะจบเห่!
  …
  หลังจากที่ซือหยูออกจากโรงประมูลตำหนักโลหิตเขารีบไปที่ร้านยาตงหลิน เขาใช้เวลาเข้าเมืองส่วนในนานกว่าที่คิด เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งวันเต็ม เขาจะต้องรีบกลับไป!
  เขากลับไปที่เมืองส่วนนอกและถนนที่ร้านของตนตั้งอยู่แต่หลังจากไปถึงร้านก็ต้องเลิกคิ้ว เขาพบว่าร้านตงหลินของเขาถูกบางคนทำลาย!
  โอสถทั้งหมดถูกขโมยแม้แต่ชั้นวางก็ถูกทำลาย! ตอนนี้ซือหยูเห็นฉิงหลิวที่ใบหน้าชุ่มไปด้วยเลือด เขากำลังเกาะยอดฝีมือคนหนึ่งที่กำลังจะขโมยหม้อปรุงยาจากร้าน!
  “ยังโดนข้าตบไม่พอใช่ไหมเจ้าหนู?ไสหัวไป!”
  ยอดฝีมือนั้นตะโกนและแยกเขี้ยวใส่ฉิงหลิว
  เขาแตะท้องของฉิงหลิวจนกระเด็นออกไปฉิงหลิวกระแทกกับกำแพงพร้อมกระอักเลือดออกมา
  เขาจับท้องของตัวเองและกลิ้งไปมาบนพื้นแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับ
  “พับผ่า!มีพลังแค่นี้กลับอยากจะหยุดข้าเรอะ!”
  ยอดฝีมืออีกคนถ่มน้ำลายเหยียดหยาม
  “เป็นเพราะเจ้าของร้านเจ้าที่ไม่มีดวงตาบังอาจมายั่วกลุ่มสามสังหาร! ความฉิบหายย่อมเกิดกับตัวมันเอง!”
  เขาหัวเราะเบาๆอย่างชั่วร้ายและเมื่อเขากำลังจะจากไป ชายคนหนึ่งก็มาปรากฏตรงหน้าเขาราวกับผี ชายคนนี้มิได้เปล่งพลังใดออกมา คนที่มาทำลายร้านตกใจ
  “อ๊ะะ!”
  เขากรีดร้องราวกับสาวน้อยที่ตกใจกลัว
  เมื่อกลับมาได้สติเขารู้สึกอับอายและโกรธแค้น เขาตะโกนเสียงดัง
  “เจ้าตาบอดงั้นเรอะ?”
  ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
  “ข้ามันเป็นเจ้าของร้านไร้ดวงตาที่เจ้าพูดถึงข้าควรจะตอบว่าใช่สินะ? ตามที่เจ้าพูด ข้าก็คงจะตาบอดนั่นแหละ”
  ยอดฝีมือผู้นั้นตกใจเขาหัวเราะอย่างชั่วช้า
  “เจ้ากล้าออกมาเรอะ?ข้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่เต่าตาขาวที่รีบขุดรูหนีไม่ปรากฏตัวกายให้ใคร แต่เจ้ามาก็ดีแล้ว ข้าจะเอาตัวเจ้าไปให้หัวหน้า”
  เมื่อเขาพูดเขายื่นมือไปที่ไหล่ของซือหยู เขาเป็นภูติระดับสี่ เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะจัดการกับซือหยู แต่ก่อนที่มือจะถึงตัว แสงสีทองก็ส่องประกายรอบข้อมือของเขา จากนั้นมือทั้งมือของเขาก็ร่วงลงไปกับพื้น
  เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดออกมาในเวลาเดียวกัน
  “อ๊ากกก!มือข้า! มือข้า!”
  มือของเขาถูกตัดทิ้งไปอย่างเงียบเชียบบาดแผลที่ถูกฟันของเขานั้นแบนราบ จากนั้นเสียงร้องของเขาก็หยุดลงเพราะหัวของเขาก็ถูกฟันทิ้งไปเช่นกัน หัวของเขาตกลงกับพื้นและกลิ้งไปมา!
  แสงสีทองเปล่งประกายอีกครั้งกระบี่ทองพุ่งกลับไปที่ชายเสื้อของซือยหู เขาไม่สนใจกองเลือดบนพื้นและสายตาหวาดกลัวของคนรอบข้าง เขากลับไปในร้านและมองโดยรอบ
  ฉิงหลิวขนลุกไปทั้งตัวคนที่ซือหยูเพิ่งจะสังหารไปคือหนึ่งในสิบยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสามสังหาร
  เขาเป็นคนชั่วช้าที่ไม่รู้สึกผิดบาปในการทำชั่วเขาเป็นคนที่เมืองส่วนนอกหวาดกลัว หลายคนมีเรื่องบาดหมางกับเขา
  แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรไม่ว่าจะด้วยเหตุไหนนั่นก็เพราะเขาแข็งแกร่งมาก ด้วยเหตุนี้ ฉิงหลิวจึงไม่คิดว่ามันจะจบลงเช่นนี้ โดยเฉพาะการถูกสังหารโดยคนที่เป็นแค่เจ้าของร้าน!
  เขาสงสัย…ถ้าหากซือหยูสังหารภูติระดับสี่ได้ในพริบตาจริงๆแล้วเขาแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
  เมื่อซือหยูสะบัดแขนเสี้ยวพลังชีวิตก็เข้าไปในร่างของฉิงหลิวและฟื้นฟูบาดแผลของเขาอย่างรวดเร็ว ความเจ็บปวดของฉิงหลิวลดลง สภาพอาการของเขาดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
  เขาตกใจเป็นอย่างมากเขารีบยืนขึ้นและกล่าว
  “เจ้าของร้านซือข้าขออภัยที่ไร้พลังและดูแลร้านไม่ได้ โปรดลงโทษข้าด้วย!”
  ซือหยูบังคับให้สีหน้าสงบนิ่ง
  “ไม่เป็นไรบอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นก็พอ”
  ขณะที่พูดเขาพยายามจะไม่อารมณ์เสีย เพราะเขาเพิ่งจะไปแค่วันเดียว แต่ร้านของเขากลับถูกทำลายเสียทั้งร้าน!
  “ฝีมือฉินซี!”
  ความชิงชังปรากฏในดวงตาฉิงหลิว
  “พอมันพิการเพราะท่านมันก็ไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มสามสังหาร พอมันมาถึง คนในกลุ่มพวกมันก็ทำลายร้าน เขาขโมยโอสถในร้านไปหมดเลย พวกมันยังลักพาตัวหยิงหลวนไปด้วย!”
  ซือหยูสีหน้าเยือกเย็น
  “พวกมันจับตัวหยิงหลวนรึ?”
  ซือหยูไม่สนใจกับโอสถธรรมดาๆแต่หยิงหลวนคือลูกจ้างของเขา!
  “ใช่แล้ว!เป็นรองกลุ่มสามสังหาร! มันจับหยิงหลวนไปแล้วเรียกค่าไถ่นางเป็นแก้วพันดวง ไม่อย่างนั้น…มันพูดว่ามันจะให้คนในกลุ่ม ‘เล่น’ กับนางจนนางตาย”
  ฉิงหลิวเล่าเรื่องราวอย่างโกรธแค้น
  จิตสังหารปรากฏในดวงตาของซือหยูเมื่อได้ฟังคำเล่าและรู้สถานการณ์กลุ่มสามสังหารมิได้แก้แค้นให้ฉินซีเพราะฉินซีอ่อนแอเกินไปจนไร้ความหมาย เขาตอนนี้เขากำลังสงสัยว่าเพราะอะไรกลุ่มสามสังหารถึงส่งคนจำนวนมากมาล้างแค้นเขา?
  เหตุผลเดียวก็เพราะพวกเขารู้ว่าเจ้าของร้านคนใหม่นี้ร่ำรวยพวกเขาจึงอยากใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการปล้นซือหยู
  ฉิงหลิวรีบพูดเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของซือหยู
  “เจ้าของร้านใจเย็นลงก่อน!ท่านควรจะไปติดต่อตำหนักโลหิตหาคนมาเจรจากับพวกมัน”
  ฉิงหลิวพูดต่อ
  “พวกมันมียอดฝีมือนับไม่ถ้วนรองหัวหน้าเป็นภูติระดับเก้า หัวหน้าเป็นจ้าวเทวะ และพวกมันก็คุ้นเคยกับพื้นที่ในเมืองส่วนนอก ยากที่จะมีคนกำจัดพวกมันได้ ตำหนักโลหิตพยายามจะกำจัดพวกมันแต่ก็ล้มเหลว พวกเขาเสียแม้กระทั่งจ้าวเทวะไปหนึ่งคน”
  ฉิงหลิวหายใจเข้าลึกและพูดต่อ
  “เพราะเรื่องนี้เลยไม่มีใครอยากจะยุ่งกับพวกมันกลุ่มสามสังหารกลายเป็นผู้ปกครองเมืองส่วนนอก ไม่มีกลุ่มโจรใจนอกจากพวกมันอีกแล้ว เพราะพวกมันจะถูกกลุ่มสามสังหารกลืนกินไป!”
  ฉิงหลิวสรุป……..novel-lucky
  “เจ้าของร้านอย่าไปที่นั่นคนเดียวพวกมันพูดคุยด้วยไม่ได้ มันอาจจะฆ่าท่านด้วย มันจะเอาทุกอย่างในแหวนมิติท่านไป!”
  ตั้งแต่ครั้งโบราณเป็นเรื่องอยากที่ผู้ปกครองทำให้กลุ่มโจรอยู่ในการควบคุม กลุ่มสามสังหารคือกลุ่มโจรของเมืองส่วนนอกซึ่งแม้แต่ตำหนักโลหิตก็มิอาจจัดการได้
  ซือหยูพยักหน้า
  “เอาเถอะข้ารู้แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องร้านแต่ไปหาที่ปลอดภัยซ่อนตัวซะ ข้าจะเดินทางสั้นๆแล้วรีบกลับมา”
  ฟึ่บ!
  หลังจากซือหยูได้ที่อยู่ของกลุ่มสามสังหารเขาก็เริ่มบินเข้าไป หลังจากผ่านไปห้านาทีเขาก็ถึงกลางเมืองส่วนนอก มันคือลานประลองที่ถูกทำลาย
  ถ้าหากมองจากท้องฟ้าจะเห็นกลุ่มโจรยืนป้องกันอยู่ทั่วบริเวณมีคนมากมายที่นี่และคนธรรมดาๆอีกหลายพันคน ลานประลองตั้งอยู่ในที่เปิด พวกเขาจะเห็นผู้บุกรุกทันทีที่มีคนเข้ามา
  ซือหยูแปลกใจเล็กน้อยเขาคิดทันที…ถ้าพวกมันถูกล้อมในที่แบบนี้ก็ยากที่จะหนีไม่ใช่รึ? ทำไมถึงไม่มีใครกำจัดมันได้กัน?
  จากนั้นดวงตาของซือหยูได้เปล่งแสงขาว ลานทั้งหมดปรากฏต่อหน้าต่อตา เขามองทะลวงทุกสิ่งและเห็นภายในอย่างชัดเจน
  หลังจากมองดูอย่างละเอียดซือหยูก็เข้าใจทุกอย่างพื้นใต้ลานทั้งหมดถูกเจาะ มีอุโมงค์ซับซ้อนมากมายอยู่ข้างล่าง อุโมงค์เหล่านั้นกระจายไปยังทุกทิศทาง ตราบเท่าที่ซ่อนตัวอยู่ได้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีกองทัพไหนมาสังหารพวกมันจนหมด!
  ซือหยูนับคร่าวๆและพบว่ามีอุโมงค์มากกว่าร้อยอุโมงค์นั่นหมายความว่ามีคนราวพันคนที่สามารถหนีได้พร้อมกัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกมันจะหนีรอดจากการกวาดล้างได้หลายครั้ง! ถ้าหากคนที่มาบุกไม่รู้เรื่องอุโมงค์ใต้ดินก็ไม่มีวันความหมายไม่ว่าจะจู่โจมกี่ครั้งกี่ครา!
  แต่ก็น่าสงสารที่พวกมันต้องมาเจอกับซือหยู…
  ซือหยูเริ่มมองหาหยิงหลวนไม่ว่านางจะถูกซ่อนไว้ที่ใด ซือหยูก็จะหานางได้ด้วยเนตรวิญญาณที่เห็นทุกสิ่ง
  ไม่นานเขาก็พบนางนางถูกซ่อนอยู่ในคุกใต้ดิน มีหลายคนอยู่กับนาง ทั้งหมดดูเหมือนตัวประกันที่ถูกกลุ่มสามสังหารจับตัวมา!
  “งานพวกมันชั่วช้าจริงๆ!ทำเงินโดยไม่ต้องลงทุน แถมยังได้กำไรเสียมาก!”
  ซือหยูถอนหายใจแรงอย่างเยือกเย็น
  ถ้าหากพวกมันไม่ยุ่งกับซือหยูซือหยูก็จะไม่ยุ่งกับพวกมัน แต่หากพวกมันมาบุกทำลายร้านของเขา ซือหยูก็ตั้งใจว่าจะล้างบางพวกมันให้หมด!
  เขามองเหล่าตัวประกันทีละคนด้วยเนตรวิญญาณเขาดูให้แน่ใจว่ามีคนที่ซุ่มโจมตีอยู่หรือไม่ แต่เขาก็มิอาจหยุดมองตัวประกันคนหนึ่งได้
  นางมีร่างเล็กผอมบางนางสวมชุดดำฟูฟ่องและมีใบหน้าน่ารัก นางดูราวกับตุ๊กตาหยกที่น่ารักอ่อนหวาน
  นางมีดวงตากลมโตเป็นประกายดวงตาคู่นั้นดูบริสุทธิ์ แต่ถ้าหากมองให้ดีจะพบว่าในดวงตานั้นมีความเจ้าเล่ห์ฉายออกมาอยู่บ่อยครั้ง
  ซือหยูตกตะลึง
  “กงซุนหวูซื่อ!”
  ทีแรกเขาคิดว่าเขาจำผิดว่าเป็นคนอื่น แต่หลังจากมองนานขึ้นไป เขาก็แน่ใจว่านางคืออสูรน้อยไม่มีผิดเพี้ยน!
  มันเป็นไปได้ยังไง?ไม่ใช่ว่านางอยู่ในตำหนักรึ? ทำไมนางถึงมาอยู่ในเมืองเทียนหยาล่ะ? แล้วทำไมนางถึงถูกพวกมันจับตัว? ซือหยูไม่เข้าใจอะไรเลย
  เขาได้แต่ส่ายหน้าเพราะมักจะเป็นอสูรน้อยฝ่ายเดียวที่ทำร้ายคนอื่นๆ ไม่มีใครที่จะทำอะไรนางได้ และตอนนี้นางยังทำใบหน้าหวานและไร้พิษภัยอยู่อีก! นั่นทำให้เขามั่นใจว่านางจะต้องคิดแผนชั่วอยู่แน่!
  เมื่อครุ่นคิดถึงนางซือหยูตัดสินใจที่จะไม่เข้าช่วยในทันที เพราะด้วยพลังของอสูรน้อย นางควรจะหนีไปได้นานแล้วหากนางต้องการ นางยังรีรออยู่ในคุกก็เพราะแผนชั่วที่นางคิดเอาไว้!
  ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หยิงหลวนยังปลอดภัยดีอยู่ เขาไม่ต้องเป็นห่วงนางนัก นั่นทำให้เขาสบายใจขึ้น ซือหยูจึงตัดสินใจซ่อนตัวและคอยดูว่าอสูรน้อยจะลงมือทำอะไร