ราชันเร้นลับ 556 : เลือกปฏิบัติ

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 556 : เลือกปฏิบัติ โดย Ink Stone_Fantasy

คำถาม?

เป็นเครื่องรับโทรเลขที่ประหลาดชะมัด…

เดนิสกระแอมหนึ่งหนและกล่าว

“จะถามมาก็ได้ แค่ฉันอาจไม่ตอบ”

เฮ่อะ! คิดว่าฉันคนนี้เป็นพวกนักผจญภัยและนักโบราณคดีงี่เง่า ที่มักตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองรึไง…

เดนิสกำลังภูมิใจในความฉลาดของตน ขณะเดียวกันก็คอยระวังตัวจากเหตุไม่คาดฝัน

เครื่องรับโทรเลขเงียบงันนานหลายวินาที ก่อนจะเริ่มส่งเสียงกุกกักอีกครั้ง กระดาษมายาถูกพ่นแผ่นแล้วแผ่นเล่า ด้วยตัวอักษรสีแดงฉาน

“เจ้าหลงรักกัปตันของตัวเองใช่ไหม”

ไม่ใช่! เหลวไหลสิ้นดี! โทรเลขเชี่ยไรวะเนี่ย! ใครเป็นคนบอกแก! ใคร!

ใบหน้าเดนิสแดงก่ำทันที

ความลับในใจที่เก็บงำมานาน ยามนี้ถูกเผยออกมากะทันหัน เพลิงพิโรธถึงกับหมดคำจะกล่าวไปชั่วขณะ ความอับอายกำลังท่วมทะลักหัวใจ จิตใต้สำนึกตอบปฏิเสธเสียงแข็ง

ขณะเดียวกัน มันกำลังตกใจสุดขีด ความลับที่เก็บซ่อนมานาน เหตุใดถึงหลุดไปถึงหูคนนอกได้ มันไม่เคยบอกใครมาก่อน เป็นความลับที่เก็บซ่อนไว้อย่างดี!

เดนิสอ้าปากพลางยิ้มแห้ง

“คำถามน่าเบื่อ ไม่ตอบก็แล้วกัน”

เครื่องรับโทรเลขทำเสียงกุกกักอีกครั้ง พ่นกระดาษสีขาวออกมาเพิ่ม

“งั้นเปลี่ยนคำถาม ถ้าไม่รักจริง ก็คงไม่อดทนนั่งเรียนอย่างเบื่อหน่ายเป็นเวลานานหรอกใช่ไหม”

“ไม่ใช่โว้ย!! เป็นเพราะว่าหล่อนแข็งแกร่งกว่าต่างหาก ฉันไม่มีทางเลือก!” เดนิสโพล่งด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว

ยิ่งเสียงกุกกักดังถี่ขึ้น ข้อความบนกระดาษมายาก็ยิ่งเพิ่มความยาว

“โกหก งั้นเปลี่ยนคำถาม ผู้หญิงในฝันของเจ้าต้องมีใบหน้างดงาม แข็งแกร่ง ลึกลับน่าค้นหา ฉลาดหลักแหลม และสามารถกระทืบเจ้าให้จมดิน ใช่หรือไม่”

ริมฝีปากเดนิสเริ่มสั่นกระตุก ร่างกายร้อนรุ่มประหนึ่งเปลวไฟกำลังไหลเวียน เหนือศีรษะคล้ายกับมีควันขาวระเหยออก

ณ วินาทีนี้ จิตเดนิสกำลังกระเจิดกระเจิง มันอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ไม่ต่างอะไรกับการเดินเปลืองผ้าไปบนถนน

ด้วยจิตใต้สำนึก มันรีบมองไปรอบตัวอย่างประหม่า มองหาสายตาที่อาจกำลังจ้องเข้ามา

ทันใดนั้น ทันเห็นประตูห้องนอนใหญ่กำลังเปิดอยู่ และพบเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้สวมเชิ้ตสีขาว ปล่อยชายเสื้อออกนอกเข็มขัด กางเกงขาวยาวสีดำค่อนข้างหลวม กำลังยืนจ้องตนอย่างเงียบงัน โดยไม่มีทางทราบเลยว่า อีกฝ่ายค้างอยู่ในท่านี้มานานแค่ไหน

“น…นายเห็นตั้งแต่ตอนไหน” เดนิสเริ่มหน้าซีดยิ่งกว่าเห็นผี คำพูดตะกุกตะกัก

ได้โปรดตอบว่า ฉันเพิ่งเปิดประตูออกมาเมื่อครู่…ได้โปรด! เพลิงพิโรธอ้อนวอนในใจ

ไคลน์เดินมาทางเครื่องรับโทรเลขที่กำลังส่งเสียกุกกักเป็นจังหวะถี่ พลางมอบคำตอบด้วยน้ำเสียงสุขุม

“ตั้งแต่แรก”

ในฐานะนักทำนาย จะฉันไม่ให้สัมผัสถึงเหตุการณ์ปรกติด้านนอกเลยหรือ และถึงจะหลับสนิทแค่ไหน แต่สัมผัสวิญญาณไม่มีทางปล่อยผ่านไปแน่… ไคลน์ตอบในใจ

เดนิสเริ่มหน้าม่วงเหมือนคนตาย มันรีบหมุนตัวเป็นครึ่งวงกลม พร้อมกับวิ่งตรงไปทางเครื่องรับโทรเลขที่น่าจะถูกวิญญาณมารสักตนสิงสู่ จากนั้นพยายามใช้มือฉีกกระดาษคำถามทั้งสามข้อ

อย่างไรก็ตาม ฝ่ามือของมันทำได้เพียงทะลุผ่านตัวอักษรมายา มีอาจจับคว้าสิ่งใดไว้

ทันใดนั้น เหนือฝ่ามือเดนิสเริ่มส่องแสงสีแดงส้ม ก้อนเปลวเพลิงถูกบีบอัดหลายชั้น เตรียมทำลายเครื่องรับโทรเลขจังไรให้พินาศ

แต่ความตั้งใจก็ถูกหยุดลง เมื่อสัมผัสถึงสายตาอันเย็นชาจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์

จริงสิ… ทรัพย์สินของหมอนี่…

เดนิสยืนตัวแข็งทื่อในจุดเดิม ทำได้เพียงจ้องมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์เดินผ่านตน หยุดลงหน้าเครื่องรับโทรเลขพิสดาร

อาโรเดส… เจ้านั่นใช้วิธีใดเชื่อมต่อกับเครื่องรับโทรเลข… แถมยังบอกว่า สัมผัสถึงออร่าพิเศษที่ใกล้เหือดแห้ง… หมายถึงออร่าของมิติเหนือสายหมอก?

หืม… เครื่องรับโทรเลขอันนี้ถูกวางไว้บนมิติหมอกหลายวัน ถึงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพ แต่ก็ถูกออร่าปนเปื้อน? และด้วยกลไกการทำงาน จึงมีความสามารถรับข้อมูลจากโลกวิญญาณ… อาโรเดส กระจกวิเศษที่ล่วงรู้ความลับมากมาย จึงฉวยโอกาสนั้น?

อ…อุ๊ฟ…ม…ไม่ได้เด็ดขาด… ตอนนี้เราคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยเลือดเย็นและเสียสติ ในฐานะผู้ไร้หน้ามืออาชีพ… จะมาหลุดขำกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้…

ไคลน์รำพัน สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด

เดนิสชำเลืองด้วยหางตา ท่าทีคล้ายกับ นักโทษกำลังรอให้ผู้คุมปลดตรวนและมอบอิสรภาพ

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังไม่เปลี่ยนแปลง เพลิงพิโรธโล่งใจไปหลายส่วน มันรู้สึกยินดีที่ ผู้ค้นพบความลับของตนเป็นเพียงคนบ้า มิใช่คนสติดี

หมอนี่คงไม่สนใจเรื่องไร้สาระพรรค์นี้…

แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นโจรสลัดอื่น เราคงไม่มีหน้ากลับไปยังฝันทองคำอีก ไม่สิ ไม่มีหน้าออกทะเลอีกด้วยซ้ำ!

เดนิสกลับมาจ้องเครื่องรับโทรเลขด้วยสายตาเกลียดชังและหวาดกลัว ในใจกำลังเคียดแค้นปีศาจที่เรียกตัวเองว่าอาโรเดส

มันได้ยินเสียงกุกกักอีกครั้ง และพบว่าเครื่องระยำกำลังพ่นกระดาษขาวแผ่นใหม่ เนื้อหาเขียนด้วยภาษาโลเอ็นตัวบรรจง :

“ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์และถ่อมตนของทาน อาโรเดส รายงานตัว…เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ติดตามรับใช้ท่านอีกครั้ง ข้ารอโอกาสเช่นนี้มานานแล้ว”

คนละอาโรเดสกับไอ้ตัวเมื่อครู่ใช่ไหมวะ…

เดนิสจิกกัดอย่างไม่ยำเกรง เริ่มคิดว่าเหตุการณ์ในค่ำคืนนี้เป็นเพียงภาพหลอน

ไคลน์ ผู้พยายามกลั้นขำสุดชีวิต เริ่มเอะใจถึงความไม่ปรกติในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยสิ่งนั้นก็คือ บทลงโทษที่อาโรเดสเคยทำมาตลอด แต่ได้ไม่ทำในคราวนี้

อาจเป็นเพราะความพิเศษของการเชื่อมต่อผ่านออร่าสายหมอก โดยมีเครื่องรับโทรเลขเป็นสื่อกลาง ส่งผลให้ เมื่อเดนิสเลือกไม่ตอบคำถาม หมอนี่จึงไม่มีอำนาจในการลงโทษ ทำได้แค่เปลี่ยนคำถามไปเรื่อยๆ …

น่าสนใจมาก… ถ้าเราวางเครื่องรับโทรเลขไว้บนมิติหมอกเป็นเวลานาน มันจะกลายเป็นวัตถุวิเศษที่สามารถรับข้อมูลจากผี? แต่ก็น่าเสียดาย ถึงจะทำได้จริง แต่ด้วยกฎความถาวรของพลังพิเศษ มันจะกลับไปเป็นเครื่องรับโทรเลขธรรมดาเมื่อพลังวิญญาณเสื่อมลง…

อา… จากความรู้ความเข้าใจในโลกวิญญาณของเรา หากไม่มีตะกอนพลังเป็นแก่นของวัตถุ วิธีเดียวที่จะทำให้วัตถุรักษาพลังวิญญาณไว้ได้นานก็คือ… สลักนามจริงของเทวทูต หรือเทพ ลงบนวัตถุ ด้วยภาษาที่สามารถกระตุ้นพลังธรรมชาติ… ลักษณะคล้ายกับการยืมเวทมนตร์จากอีกฝั่ง เป็นการยืมพลังชั่วคราว… แต่แน่นอน ต้องได้รับการยินยอมจากเป้าหมาย… สำหรับเทคนิคนี้ เรายังไม่สามารถใช้นามเต็มของเดอะฟูลกระทำได้ หลักฐานก็คือ กระดาษจดรหัสผ่านบัญชีธนาคารเบ็คลันด์ของเรา ถึงจะทำด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ แต่สิ่งนั้นก็มิได้แปรเปลี่ยนเป็นกระดาษวิญญาณแต่อย่างใด…

จากบรรดาเทพทุกตน มีเพียงตนเดียวที่เราทราบนามจริง นั่นก็คือ แม่มดบรรพกาล ชีค…หากเราสลักนามจริง รวมถึงนามเต็มอันสูงส่ง ลงไปบนเครื่องรับโทรเลขอันนี้ด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง…จะแพร่โรคระบาด หรือจะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นวัตถุแสนงดงามในเชิงอุตสาหกรรมเครื่องจักร…

เฮ่อ… ความน่าจะเป็นมากที่สุดคือ เมื่อเราสลักชื่อจริง รวมถึงนามเต็มอันสูงส่งของแม่มดบรรพกาลลงไป พลังบางส่วนของอีกฝ่ายจะลงมาสถิตภายในเครื่องรับโทรเลข และสร้างความพินาศแก่ทุกสิ่งโดยรอบ…เป็นปรากฏการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก…

ขณะไคลน์กำลังคิดไปไกล สายตาบังเอิญเหลือบเห็นคำทักทายจากอีกฝ่าย จึงเริ่มเรียกสติกลับมาไตร่ตรอง

ใช่แล้ว กระจกวิเศษบานนี้สามารถตอบคำถามได้ทุกเรื่อง…

ชายหนุ่มชำเลืองไปยังเดนิสด้านข้าง

“ออกไปข้างนอกและเฝ้าไว้”

“ตกลง!” เดนิสรีบเดินไปยังประตู โดยไม่คิดลังเลแม้แต่วินาทีเดียว

มันกำลังกังวลว่า อาโรเดสอาจพ่นคำถามสร้างความฉิบหายออกมาอีก!

เมื่อเดนิสออกไปยังทางเดินและปิดประตูห้องจากด้านนอก ไคลน์หันกลับมาจ้องเครื่องรับโทรเลขที่เชื่อมต่อกับกระจกวิเศษ อาโรเดส พร้อมกับกล่าวเสียงค่อย

“ข้ามีคำถาม”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับ จะให้กระผมเรียกท่านว่าเจ้านาย หรือสุดยอดตัวตนเหนือโลกวิญญาณดี” เครื่องรับโทรเลขพ่นกระดาษมายาสีขาว

ช่างประจบสอพลอ แถมยังไร้ยางอาย…นิสัยแบบนี้ อาจสร้างปัญหาเข้าสักวัน…

ไคลน์กล่าว

“จะเรียกอะไรก็เชิญ”

“ขอรับ เจ้านาย!” อาโรเดสเขียนข้อความโดยใช้เครื่องหมายอัศเจรีย์ “ท่านมีคำถามอันใดหรือ”

“จะพบนางเงือกได้ที่ไหนบ้าง”

ชายหนุ่มไม่อ้อมค้อม

กุกกัก. กุกกัก.

เครื่องรับโทรเลขมอบคำตอบ

“ทางตะวันออกของการ์กัส ล่องเรือไปบนเส้นทางหลักประมาณหนึ่งสัปดาห์ มีโอกาสปานกลางที่จะพบนางเงือก แต่นางเงือกทุกตนล้วนเป็นผู้ศรัทธาเทพธิดารัตติกาล”

นั่นแหละที่น่ากลัว… ค่อนข้างสมเหตุสมผล ถึงจะผิดคาดไปบ้าง…

ไคลน์ได้ทราบโดยบังเอิญว่า สมมติฐานก่อนหน้าของตนเป็นความจริง

อาโรเดสยังคง ‘พิมพ์’ ต่อเนื่อง

“หากท่านไม่สะดวก ก็สามารถล่องเรือไปทางตะวันออก เส้นทางดังกล่าวมีความอันตรายมากอย่างมาก เพราะแถบนั้นมิใช่เขตมหาสมุทรอีกแล้ว แต่เป็นซากสมรภูมิของศึกแห่งเทพ อย่างไรก็ตาม หากเป็นท่าน เรื่องนั้นคงไม่เป็นปัญหาสักเท่าไร”

ทำไมถึงคิดเอาเองว่าไม่เป็น…

เฮ่อ… เราเคยคิดมาตลอดว่า ในเมื่อมีคทาเทพสมุทรอยู่กับตัว ไม่ว่าจะเป็นจุดที่อันตรายสักเพียงใดในทะเล ก็คงพอมีโอกาสให้สำรวจได้บ้าง… กลับกลายเป็นว่า จุดหมายคือซากสมรภูมิแห่งเทพ… จะใช่ช่วงเวลาที่พระผู้สร้าง ไล่ทวงคืนอำนาจจากเทพบรรพกาลหรือไม่…

ไคลน์ยังไม่กล่าวสิ่งใด รอให้อาโรเดสพ่นคำตอบออกมาจนหมด

“นอกจากนั้น ณ ศูนย์บัญชาการใหญ่ของโบสถ์รัตติกาล รวมถึงมหาวิหารหลับใหลบนเกาะไดนอส ต่างก็มีนางเงือกถูกเลี้ยงไว้”

นอกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ ยังมีนางเงือกถูกเลี้ยงไว้บนเกาะไดนอสบนทะเลโซเนียด้วยหรือ…ที่แรกอันตรายเกินไป นอกจากสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ยังมีเทวทูตเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด อย่างหลังยังพอเป็นไปได้ ปลอมตัวเป็นเหยี่ยวราตรีหรือบิชอปในละแวกนั้น แฝงตัวเข้าไปฟังนางเงือกร้องเพลงและดื่มโอสถ…เดี๋ยว…! มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง จุดประสงค์ของการเลี้ยงนางเงือก อาจมีเพื่อล่อให้ผู้ไร้หน้าเข้าไปติดกับ คงมีมาตรการป้องกันหลายชั้น…

ต้องมองหาทางอื่นสินะ…

ขณะไคลน์เตรียมตั้งคำถามอีกข้อ สายตาเหลือบเห็นเครื่องรับโทรเลขพ่นกระดาษออกมาอีกหนึ่งแผ่น

“เจ้านาย กฎต้องเป็นกฎ ท่านต้องตอบคำถามของข้า”

คำถาม…?

หางคิ้วไคลน์กระตุกแผ่วเบา รอคอยคำถามจากอีกฝ่ายอย่างใจเย็น และเตรียมพิจารณาว่า จะรับกระจกพิสดารตนนี้เป็นทาสดีหรือไม่ โดยตัดสินใจจากคำถามของมัน

ท่ามกลางเสียงกุกกัก อาโรเดสเขียนคำถามไม่ยาวนัก

“ท่านจะรับประทานสิ่งใดเป็นอาหารเช้า”

ถามได้ดี… ไคลน์ยิ้ม ตอบอย่างสุขุม

“แล้วแต่ทางโรงแรมจะจัดให้”

“เป็นคำตอบที่ดีมากขอรับ!” ถ้าอาโรเดสสามารถปรบมือได้ มันคงทำไปแล้ว

โดยไม่รอให้ไคลน์พูด มันพ่นกระดาษออกมาอีกหนึ่งแผ่น

“ออร่าของโลกวิญญาณใกล้สลายเต็มที กระผมต้องขอตัวก่อน แล้วจะรอโอกาสรับใช้ท่านครั้งถัดไป …ท่านเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่”

เมื่อกระดาษถูกพ่น เครื่องรับโทรเลขหยุดทำงานทันที กลิ่นอายความดำมืดอันลุ่มลึกพลันเลือนหาย

ถ้าต้องการติดต่อกับกระจกวิเศษอีกครั้ง เราต้องทิ้งเครื่องรับโทรเลขไว้บนมิติสายหมอกนานกี่วัน… คราวหน้า เราจะถามถึงวิธีนำจิตกัดกร่อนออกจากตะกอนพลัง… จริงสิ… การติดต่อรูปแบบนี้ ไม่ควรใช้บ่อยครั้ง ในเมื่ออาโรเดสสามารถจับออร่า และใช้วิธีพิเศษติดต่อกับเครื่องรับสัญญาณได้ ตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าก็ย่อมต้องทำได้เช่นกัน… หากใช้งานพร่ำเพรื่อ เกรงว่าในสักวัน เราอาจได้รับโทรเลขจากพระผู้สร้างแท้จริง หรือไม่ก็แม่มดบรรพกาล…

สมองไคลน์เริ่มประมวลผลอย่างรอบคอบ เพื่อมองหาอันตรายจากความสะดวกสบาย

……………………