ราชันเร้นลับ 557 : ชี้นำตัวเอง โดย Ink Stone_Fantasy
แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก
คฤหาสน์ตระกูลฮอลล์
ออเดรย์นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง โดยมีเทียนไขกำลังส่องแสงสว่างไสว
จากนั้น ท่ามกลางเปลวเทียนวิบวับ หญิงสาวจ้องตัวเองในกระจก และเห็นดวงตาสีเขียวมรกตเริ่มทวีความดำมืด ใครผ่านมาเห็นเป็นต้องหยุดชะงัก ราวกับดวงวิญญาณถูกสะกดจนอยู่หมัด
“ออเดรย์ ในความฝันคืนนี้ เธอต้องตื่นตัวตลอดเวลา” หญิงสาวกล่าวกับตัวเองเสียงค่อย
นี่คือพลัง ‘ชี้นำทางจิต’ แสนพื้นฐาน
บทกวีที่เธอได้ยินในช่วงเย็น กลายเป็นแรงบันดาลใจให้หญิงสาวตัดสินใจสำรวจความฝัน เพื่อให้เห็นกับตาตัวเองว่า ทะเลจิตใต้สำนึกรวม และนภาวิญญาณของทุกสิ่งมีชีวิต มีลักษณะเป็นเช่นไรกันแน่
สำหรับการทดลองในคราวนี้ ออเดรย์พบว่าไม่เคยมีนักจิตบำบัดคนใดเคยทำมาก่อน โดยอ้างอิงจากเอกสารบันทึกของสมาคมแปรจิต
ขั้นตอนไม่ซับซ้อน เพียงฝังการชี้นำทางใจกับตัวเอง เพื่อให้สติตื่นตัวขณะกำลังหลับฝัน
บางที เราอาจได้พบมังกรจิตภายในนั้น หรืออาจถึงขั้นได้พบเลฟซิด เมืองแห่งปาฏิหาริย์…
ออเดรย์เบือนหน้าออกจากกระจก พลางถอด ‘คำลวง’ ที่ปัจจุบันอยู่ในรูปลักษณ์สร้อยคอทับทิมระยิบระยับ เก็บใส่กล่องอัญมณี
หญิงสาวกังวลว่า สมบัติวิเศษที่มีอำนาจกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน จะส่งผลด้านลบขณะทำการสำรวจความฝัน จนเกิดอาการบาดเจ็บที่ไม่จำเป็น จึงถอดเก็บไว้เพื่อความไม่ประมาท
เมื่อจัดการตัวเองเสร็จ ออเดรย์นั่งจ้องหน้าตัวเองในกระจกอีกครั้ง และพบว่าใบหน้าของตนไม่งดงามเท่าเมื่อครู่
ขณะสวม ‘คำลวง’ เธอจะมองเห็นตัวเองงดงามกว่าเป็นความจริง
“ตื่นได้แล้ว ออเดรย์! มันเป็นภาพลวงตา!”
หญิงสาวเลื่อนมือขวาขึ้นมาลูบแก้มอย่างทะนุถนอม
เธอรู้สึกดีใจที่ชื่อมันว่า ‘คำลวง’ จะได้คอยเตือนใจมิให้ลุ่มหลงไปกับภาพมายา ไม่อย่างนั้น ผู้สวมคำลวงจะเอาแต่พึ่งพามันจนกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เกิดความรู้สึกไม่ต้องการถอดออกและเผชิญใบหน้าแท้จริงของตัวเอง
หากไปถึงขั้นนั้น ภาวะคลุ้มคลั่งก็อยู่ไม่ไกล
“ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไป การสวมคำลวงจะทำให้ใบหน้างดงามจนแทบไร้จุดตำหนิ ในสภาพดังกล่าว บางที พวกหล่อนอาจไม่ต้องการถอดมันออกอีกเลย และขอยอมตาย เพื่อให้ได้สวมมันไว้ตลอดกาล… แต่โชคยังดี กับผู้วิเศษแล้วไม่ใช่ พวกเรามีพลังใจเข้มแข็งมากกว่ามาก”
ออเดรย์พึมพำพลางลุกขึ้นยืน
ในสภาพสวมชุดนอนผ้าไหมมันวาว หญิงสาวเดินไปทางห้องนอนบรรยากาศอบอุ่น และตรงไปหาเตียงอ่อนนุ่มแสนเบาสบายทันที
เธอกระตุกเชือกหัวเตียงแผ่วเบาหนึ่งครั้ง
เมื่อเสียงกริ่งดังแว่ว แอนนี่ สาวใช้ประจำตัวออเดรย์ เปิดประตูและเดินเข้ามาในห้องนอนเพื่อปิดไฟ ด้วยท่าทีระมัดระวัง
ผ่านไปสักพัก ออเดรย์เข้าสู่ภาวะหลับลึก
…
ท่ามกลางโลกใบที่ไม่คุ้นเคย หญิงสาวสะดุ้งตื่นกลางคัน พร้อมกับตระหนักว่าตนกำลังอยู่ในความฝัน
เธอมองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ
ปากพึมพำกับตัวเอง
“นี่สินะ ‘ฝันรู้ตัว’ ที่สมาคมแปรจิตพูดถึง… ในเชิงศาสตร์เร้นลับ หลักการและนิยามก็ไม่ต่างกันมากนัก “เราทำสำเร็จ… เพียงอาศัยการชี้นำทางจิตกับตัวเอง ก็สร้างภาวะฝันรู้ตัวขึ้นได้… ออเดรย์ เธอมันอัจฉริยะ! ไม่สิ อย่าเพิ่งลำพองตัวเองไป ทั้งหมดเป็นผลจากพลังพิเศษต่างหาก”
ถัดจากนั้น หญิงสาวพยายามวิเคราะห์ว่า ตนกำลังอยู่ในความฝันแบบใด
เบื้องหน้าเป็นถนนแสนคับแคบและมีบรรยากาศมืดมน รอบตัวเป็นป่าทึบ ปลายทางของถนนคือปราสาทที่มียอดแหลม
เสียงหมาป่าเห่าหอนดังลากยาว เสียงหายใจกระเส่าดังแว่วอย่างเชื่องช้าจากทุกสารทิศ คล้ายกับอันตรายกำลังคุกรุ่นอยู่รอบตัว
หืม… เรายังคงฝังใจที่ดยุคนีแกนถูกลอบสังหาร จึงกลัวว่าสักวัน ผู้วิเศษจำนวนมากจะลงมือลอบสังหารท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่…
ออเดรย์วิเคราะห์ความฝันของตัวเองด้วยมุมมองของนักจิตบำบัด
ท่ามกลางความฝันที่เสมือนจริงจนแทบแยกไม่ออก หญิงสาวเดินตรงไปอย่างเชื่องช้า จุดหมายคือปราสาทหลังใหญ่ ที่เหมือนกับปราสาทตระกูลฮอลล์ของบรรพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว
เดิน เดิน แล้วก็เดิน เธอเดินจนกระทั่งเหลือบเห็นเงาลางของบางสิ่งตรงมุมด้านหน้า เงาดังกล่าวปรากฏตัวจากป่าทึบด้านข้าง ตามร่างกายห่อหุ้มด้วยเกล็ดสีทอง ดวงตาสีทอง รูม่านตาทรงรีแนวตั้ง
สิ่งนี้คือ มังกรตัวใหญ่ที่มีโคนหางขนาดมหึมา
ใบหน้าของมังกรเหมือนออเดรย์ทุกประการราวกับแกะ แต่ด้วยร่างกายที่เป็นมังกร ภาพดังกล่าวทำให้หญิงสาวเกิดความพะอืดพะอมจนอธิบายไม่ถูก!
เนื้อตัวออเดรย์เริ่มสั่นระริก จนเกือบเผลอตื่นจากความฝันตัวเอง แต่เนื่องจากเป็นผู้ชมมากประสบการณ์ สติจึงถูกรวบรวมกลับมาได้เร็ว
หญิงสาวเริ่มเข้าใจบางสิ่ง มังกรสีทองเกิดจากการที่เธอยังไม่ลืมความกลัวเมื่อครั้งดื่มโอสถนักจิตบำบัด ณ ตอนนั้น ภาวะการคลุ้มคลั่งได้ส่งสัญญาณเตือนเป็นครั้งแรก และเนื่องด้วยยังไม่ชำนาญพลังปลอบโยน ความหวาดกลัวในวินาทีดังกล่าวจึงประทับลงในความฝัน
แต่โชคยังดี ตอนนี้เราพบแล้วว่าตัวเองมีปัญหาตรงจุดใด ยังมีโอกาสรักษาให้หายขาด เพราะหากปล่อยเอาไว้จนลุกลามเรื้อรัง อุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าเดิมอาจเกิดขึ้นขณะกำลังดื่มโอสถลำดับ 6 หรือ 5…
ออเดรย์สำรวจตัวเองอย่างระมัดระวัง
ระหว่างทาง ความฝันของหญิงสาวมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแบบไม่ปะติดปะต่อ โดยเนื้อหาก็ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไร
จนกระทั่ง หญิงสาวเดินมาถึงหน้าปราสาทหลังใหญ่ เมื่อแหงนมองขึ้นไป เธอเห็นไม้กายาสิทธิ์เริ่มโบกกลางอากาศ พร้อมกับโปรยปรายประกายแสงระยิบระยับลงมาด้านล่าง
ปราสาทตรงหน้าเริ่มถูกปกคลุมด้วยแสงสว่างสดใส บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนจากอึมครึมเป็นงดงามและน่าเกรงขามทันที กลิ่นอายหม่นหมองทั้งหมดเลือนลับไปอย่างสมบูรณ์
ตามด้วยเสียงขับร้องและสอดประสานของเครื่องดนตรีนานับชนิด ตะเกียงแก๊สบนกำแพงถูกจุดไล่ไปทีละดวง
“นี่คือความปรารถนาอย่างแรกของเราก่อนจะมาเป็นผู้วิเศษ… ความฝันของสาวน้อย”
ออเดรย์ยิ้มขื่นขม
แต่เธอยังคงไม่หยุดเดิน ส่งตัวเองผ่านปราสาทและตรงไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาขอบเขตของความฝัน ไม่ถูกเหนี่ยวรั้งด้วยฉากเรื่องราวที่ผันเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องนั้นจะน่าเจ็บปวดสักเพียงใด
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ หญิงสาวเดินผ่านทุ่งรกร้างอันว่างเปล่า จนกระทั่งถึงยอดสูงชันของหน้าผาลึกลับแห่งหนึ่ง
เมื่อก้มมองลงไป ออเดรย์เห็นเพียงหมอกควันสีเทาและความว่างเปล่า
ประหนึ่งด้านล่างไม่มีก้นบึ้ง
เธอทราบทันทีว่า ขอบเขตความฝันของตนอยู่อีกไม่ไกล หากเดินพ้นออกไป ไม่มีใครรับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“แล้วเราจะออกไปยังไง… กระโดดลงไป? จะไม่ตายแน่หรือ…”
ออเดรย์ครุ่นคิดสักพัก สีหน้าเผยความกังวล ไม่กล้าสำรวจอย่างบุ่มบ่าม
หลังจากยืนครุ่นคิดเป็นเวลานาน หญิงสาวเริ่มผุดแนวคิดใหม่
ในเมื่อสถานที่แห่งนี้คือความฝัน เป็นโลกภายในจิตใจของเรา ด้วยฐานะเจ้าของ เราย่อมสร้างทางเดินของตัวเองขึ้นมาได้!
ทันใดนั้น ออเดรย์พยายามเพ่งจิตเพื่อเสกสิ่งของ ในแบบเดียวกับที่เคยกระทำบนมิติสายหมอก เพียงแต่ว่า คราวนี้ไม่มีมิสเตอร์ฟูลคอยอำนวยความสะดวก
หญิงสาวยื่นแขนออกไป ผายมือลง พร้อมกับเล็งไปยังหุบเหวสีเทาไร้ก้นบึ้ง
โดยไม่ต้องรอนาน หมอกสีเทาด้านล่างเริ่มกระเพื่อมและแหวกออก เผยให้เห็นขั้นบันไดทอดยาวลงไปยังเบื้องล่างอย่างไม่มีจุดหมาย
ออเดรย์สูดลมหายใจ จัดระเบียบเครื่องแต่งกายเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขาลงบนขั้นแรก
ผ่านไปทีละขั้นอย่างใจเย็น เสียงรอบตัวเริ่มเงียบลงทุกขณะ เงียบจนได้ยินเสียงเต้นระรัวของหัวใจตัวเอง
นอกจากสายหมอกสีเทาก็มองไม่เห็นสิ่งใดอีก บรรยากาศเป็นไปอย่างอ้างว้างว้าเหว่
จนกระทั่ง เริ่มมีเสียงหวีดแหลมของสายลมดังแว่วรอบตัว ร่างกายออเดรย์สั่นเทาเล็กน้อย ความกลัวและความประหม่าเริ่มกัดกินจิตใจ
เพื่อมิให้ตัวเองคลุ้มคลั่ง ดวงตาสีเขียวของหญิงสาวส่องแสงอบอุ่นอ่อนโยน ราวกับสามารถมองทะลวงเข้าไปในจิตใจของผู้คน
ออเดรย์ใช้พลังปลอบโยนเพื่อสงบจิตใจ
หลังจากเดินต่อไปได้สักพัก จุดแสงพลันสว่างวาบท่ามกลางกลุ่มหมอกสีเทาด้านข้าง
ออเดรย์รีบหันไปมอง และเห็นฉากที่ตัวเองกำลังดื่มโอสถ แต่เกิดสัญญาณการคลุ้มคลั่งจนเกือบแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดประเภทมังกร สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กังวล อกสั่นขวัญแขวน และหดหู่ ทั้งหมดกำลังปรากฏอย่างแจ่มชัดในภาพฉาย
“หากที่นี่คือจิตใต้สำนึกของเรา… ฉากเมื่อครู่คือบาดแผลทางใจ?”
ออเดรย์เริ่มเข้าใจว่า ตนได้เห็นกับสิ่งใดหลังจากเดินพ้นขอบเขตความฝันตัวเอง
หญิงสาวไม่รีบรักษาบาดแผลทางใจ เพียงก้าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าคาดหวัง
จากทฤษฎีของสมาคมแปรจิต ดินแดนที่อยู่ถัดจากจิตใต้สำนึกส่วนบุคคล คือทะเลจิตใต้สำนึกรวม!
ระหว่างทาง ออเดรย์มองสำรวจรอบตัวอย่างต่อเนื่อง และเห็นฉากของตัวเองในวัยเด็ก กำลังนั่งฟังพ่อแม่เล่านินทาก่อนนอน เหตุการณ์ทั้งหมดมีคุณค่าทางจิตใจ แม้ว่าตนจะไม่ได้งดงามเหมือนปัจจุบันก็ตาม นอกจากนั้น เธอเห็นภาพตัวเองเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ รวมถึงเห็นอีกหลายภาพจากแสงกะพริบสองข้างทาง
ภาพเหล่านี้คือจิตใต้สำนึกของเรา…
ทั้งหมดหล่อหลอมให้เรามีนิสัยแบบปัจจุบัน?
ออเดรย์วิเคราะห์จากความรู้ด้านจิตวิทยา
หลังจากฉากในอดีตภาพแล้วภาพเล่าแล่นผ่านสายตา หญิงสาวเริ่มถูกมวลอารมณ์อันหลากหลายเข้าถาโถมจนเกือบแสดงอาการคลุ้มคลั่งให้เห็น แต่สุดท้ายก็ถูกลบล้างด้วยพลังปลอบโยนได้ทันเวลา
ผ่านไปเนิ่นนาน ออเดรย์ลืมแล้วว่าตนเดินบนขั้นบันไดมานานแค่ไหน จนกระทั่ง เธอก้มลงไปเห็นบันไดขั้นสุดท้าย
ถัดจากบันไดชั้นล่างสุดเป็น ‘พื้น’ สีเทาที่พร่ามัวและกว้างใหญ่ พื้นดังกล่าวก่อตัวจากการซ้อนทับของลำธารแสงและเงาหลายชั้น จนมีลักษณะคล้ายทะเลมายา
ทะเลจิตใต้สำนึกรวม!
ออเดรย์เหยียบฝ่าเท้าบนผืนทะเลดังกล่าว จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสักพัก เงยศีรษะขึ้น และพบว่ากลุ่มหมอกสีเทาเบื้องบน ที่ควรจะบดบังการมองเห็น กลับเลือนหายไปโดยสมบูรณ์ แปรเปลี่ยนเป็นภาพของท้องฟ้ากระจ่างชัด
เธอเริ่มมองเห็นเงารางลึกลับหลายจุดกำลังล่องลอยไปบนฟ้า นอกจากนั้นยังมีริ้วแสงเจ็ดสีที่แตกต่างกัน ส่องสว่างระยิบระยับ และอัดแน่นไปด้วยองค์ความรู้มหาศาล
ออเดรย์เม้มปาก และกล่าวอย่างมีความสุข
“นภาวิญญาณ!”
ถัดมา หญิงสาวค่อย ๆ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เริ่มต้นการผจญภัยอีกครั้ง
ณ เบื้องหน้า ฉากแล้วฉากเล่าถูกฉายลงบนทะเลที่ประกอบด้วยลำธารแสงและเงา
ทั้งหมดคือความทรงจำในอดีตของผู้อื่น บ้างเต็มไปด้วยเปลวเพลิงร้อนแรงกำลังแผดเผา บ้างอัดแน่นด้วยความเจ็บปวดเหนือพรรณนาจนมิอาจสาธยายเป็นคำพูด
เมื่อได้เห็นสัญลักษณ์เก่าแก่ที่เป็นของชนพื้นเมืองในอดีต หญิงสาวจ้องมองอย่างชื่นชมเป็นเวลานาน จนกระทั่งเห็นฉากการกราบไหว้มังกรของมนุษย์กลุ่มใหญ่
เธอเดินต่อไปโดยไม่หยุด และได้พบกับภูเขาสีเทาทางฝั่งซ้ายมือในจุดห่างไกล ยอดเขาสูงตระหง่านเสียงฟ้า ทะลวงขึ้นจากทะเลที่ประกอบด้วยลำธารแสงและเงา ปลายสุดด้านบนถูกบางสิ่งบดบังไว้อย่างคลุมเครือ
ห้วงสติของผู้อื่น? น่าแปลก… ภายในทะเลจิตใต้สำนึกรวม ทำไมถึงมีเพียงห้วงสติธรรมดา?
หืม… อีกฝ่ายกำลังฝันอยู่…
ทันใดนั้น ออเดรย์นึกอยากทดลองพลังของนักจิตบำบัดขึ้นมา
วิธีการไม่ซับซ้อน เพียงเดินเข้าไปใกล้ภูเขาลูกดังกล่าว และใช้พลังบิดเบือนจิตใต้สำนึกของอีกฝ่าย ให้ทำในสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่รู้ตัว
แต่คงทำได้ไม่ง่าย แถมยังอันตรายมาก…
ออเดรย์ชะงักกลางคัน ไม่บุ่มบ่ามทดสอบ
หญิงสาวยังคงไม่ลืมว่า จุดประสงค์หลักในการสำรวจฝันคราวนี้ คือการตามหาร่องรอยของมังกรจิต หรือไม่ก็เบาะแสของเมืองเลฟซิด เมืองแห่งปาฏิหาริย์
ออเดรย์เดินผ่านภูเขาสติอีกหลายสิบและหลายร้อยลูก จนกระทั่งจิตเริ่มอ่อนเพลีย
“คงต้องกลับแล้วกระมัง” หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้า เป็นอากัปกิริยาตามจิตใต้สำนึกขณะใช้ความคิด
ออเดรย์ยืนเงียบงันเป็นเวลานาน ออกท่าทางลังเลที่จะเดินกลับ
ทว่า ขณะตัดสินใจได้เด็ดขาดและกำลังหมุนตัวกลับหลัง เงาดำของบางสิ่งขนาดใหญ่พลันทอดยาวลงมาจากด้านบน
เป็นเงาของปีกมหึมาคู่หนึ่ง!
แหงนหน้ามองขึ้นไป หญิงสาวพบปีกสีเทาขนาดใหญ่สองข้าง ใต้ปีกเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายกิ้งก่า
ตามลำตัวปกคลุมด้วยเกล็ดส่องแสงสีเทาสลับขาวคล้ายแผ่นหิน ข้าทั้งสี่ข้างบึกบึนและแข็งแรง มองผิวเผินจะเหมือนกับร่างกายของอีกฝ่ายกล่าวถูกฉาบด้วยแสงแดดมายา เป็นแสงอาทิตย์ขณะใกล้ลับขอบฟ้า
สัตว์ประหลาดมหึมาบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาของมันสีทองอ่อน รูม่านตาทรงรีแนวตั้ง แฝงความเย็นชาและองอาจ
เพียงไม่นาน สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่และสง่างามบินลับสายตาออเดรย์ หายไปจากทะเลจิตใต้สำนึกรวมของทุกสิ่งมีชีวิต
มังกร… มังกรจิต!
ออเดรย์ดีใจจนกระโดดโลดเต้น แต่จากนั้นก็รีบเหลียวซ้ายแลวาอย่างหวาดระแวง โดยเกรงว่าจะมีใครบังเอิญผ่านมาเห็นอากัปกิริยาอันไม่งามของตน
หญิงสาวรีบเร่งความเร็วเดินกลับ ย่างก้าวเป็นไปอย่างตื่นเต้นยินดี เป้าหมายคือการจบการผจญภัยอันแสนตื่นเต้นและเติมเต็มหัวใจครั้งนี้
ไม่ผิดแน่… ประเพณีบูชามังกรมิได้เกิดขึ้นอย่างส่งเดช แต่เป็นเพราะทะเลจิตใต้สำนึกรวมในละแวกนี้มีมังกรจิตอาศัยอยู่…
ออเดรย์อยากกล่าวชมตัวเอง แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้ก่อน ตอนนี้ต้องเพ่งสมาธิกับการเดินกลับโดยไม่ให้หลง และตื่นจากความฝันให้ได้
หญิงสาวไม่กล้าสำรวจต่อ เนื่องจากมิได้เตรียมตัวมากนัก เกรงว่าอาจประสบอันตรายที่ไม่คาดฝันเอาได้
ทางออกที่ดีที่สุดคือ เก็บเรื่องนี้ไปปรึกษากับแฮงแมนและเดอะฟูลในชุมนุมทาโรต์ของสัปดาห์ถัดไป และภาวนาให้มีคำแนะนำดีๆ จากพวกเขา
ออเดรย์รีบก้าวขึ้น ‘บันได’ ที่เธอสร้างขึ้นเอง จนกระทั่งเข้าสู่ขอบเขตความฝันของตน หญิงสาวเพ่งจิตส่งตัวเองกลับมายังโลกภายนอก
…
เมื่อเดนิสได้รับอนุญาตให้กลับเข้ามาในห้อง
มันรีบจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์พลางยิ้มแห้ง
“นายคงไม่นำสิ่งที่เห็นในวันนี้ไปเล่าให้ใครฟังใช่ไหม…”
……………………