โมเซอเป็นกังวลอย่างมากกับข้อมูลที่ชูฮันให้เขามาการตัดสินใจลักพาตัวจางตงมานั้นก็เป็นเพราะจางตงเปิดเผยถึงสถานการณ์ของตัวเองให้ซางจิงรับรู้ ส่วนชาช่าวหน่านเป็นคนแบบไหน เขาจะสามารถช่วยภารกิจที่เจาะจงนี้ได้มั้ย? มันต้องตรวจสอบกันต่อไป…
จางตงส่ายหัวปฏิเสธ”ผมไม่รู้จัก ผมบอกแล้วไง ผมถูกหัวหน้าชูฮันซ้อมตอนที่มาถึงซางจิง ผมใช้เวลาทั้งหมดนอนพักรักษาตัวอย่างเดียว หลังจากหายดีผมก็จากไป ผมจะไปรู้อะไร? จะไปรู้จักใครที่ไหน?”
โมเซอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น “นายรู้จักใครบ้าง?”
คำถามนี้ทำให้จางตงชะงักไปครู่หนึ่งหลังจากเขาก็ตอบออกมา “ผมรู้จักคนชื่อพันชางเซียนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์”
โมเซอบิดยิ้มมุมปากมองจางตงตาวาวอีกครั้ง “ทำไมนายถึงไม่บอกก่อนหน้านี้?”
เขาจะมีสิทธิเข้าถึงตัวหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ได้มากตั้งเท่าไหร่?เยี่ยมไปเลย
การตัดสินใจลักพาตัวจางตงมาด้วยนี่ถูกต้องแล้วจริงๆ!
”ด้วยความสามารถของเราสองคนเราน่าจะเข้าไปได้ ตอนที่ถึงเวลา ฉันจะแอบลอบเข้าไป ส่วนนายก็ไปล่อพันชางเซียนไว้”
ไม่รอคอยคำตอบรับของจางตงประโยคต่อมาของโมเซอก็ทำให้จางตงต้องยอมร่วมมือแต่โดยดีเอง “เมื่อจบเรื่องนี้ หัวหน้าชูฮันจะขอบคุณนาย!”
ใครคือไอดอลของจางตง?
ชูฮัน!
จางตงยอมทำทุกอย่างเพื่อชูฮัน!
จางตงรีบยืดตัวขึ้นและพุ่งถลาเข้าไปหาโมเซออย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ทั้งคู่ไม่รู้ฟาน…แห่งทีมหลงยาที่พึ่งจะปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยก็เดินผ่านมาเส้นทางนี้พอดี สายตาของเขามองไปยังทิศทางของทั้งคู่ด้วยความสนใจโดยที่ทั้งสองไม่ได้รู้ตัวเลย
——–
ตอนนี้ค่ายหนานตู้อยู่ในความเงียบสงบเป็นปกติสุขมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว หลังจากความลับในอุโมงค์ใต้ดินภายใต้สถาบันวิจัยที่ฝังไปอย่างสมบูรณ์แบบ ฉางกวนหลงก็สั่งถอนกำลังตรวจสอบออกไปและเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปที่ภายในค่ายแทน
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่โต๊ะยาวที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากประจำตำแหน่งของตัวเอง นอกเหนือจากเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายหนานตู้แล้ว ยังมีเหล่านายพลทั้งหลายที่เป็นแขกของเมืองรวมถึงชูฮันรวมอยู่ภายในห้องประชุมนี้ด้วย
”วันนี้ที่ผมเชิญทุกคนมาเพื่อร่วมปรึกษาหารือการพัฒนาในอนาคตของค่ายหนานตู้”ฉางกวนหลงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและท่าทางตึงเครียด ”เดี๋ยวก่อนครับท่านพลเอก”ไม่รอให้เหล่านายพลทั้งหลายได้ทันตกใจ ฮวงชูเจิ้นที่เป็นกังวลรีบลุกขึ้นยืนพูดทันที “เรื่องสถาบันวิจัย เราลงทุนเงินทุนและทรัพยากรไปมาก และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาค่ายหนานตู้ก็คือตัวสถาบันวิจัย แล้วทำไมท่านถึงให้เราถอนกำลังในการสืบสวนออกมาหมดล่ะครับ?”
”ใช่ครับท่านพลเอก” เจ้าหน้าที่ของค่ายหนานตู้ก็เห็นด้วยกับฮวงชูเจิ้น “ท่านมั่นใจเหรอครับว่าจะให้เรายอมปล่อยเรื่องของสถาบันวิจัยไป? ความลำบากที่เราพยายามจนแทบกระอักเลือดกันมาก่อนหน้านี้ล่ะครับ?”
ฉางกวนหลงสูดลมหายใจ”ตอนนี้พวกคุณไม่ต้องคิดเรื่องนี้อีก ฉันได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว”
”แต่ท่านพลเอกครับ!”มู๋หรงยู่เฉิงอดไม่ได้ที่จะแย้งขึ้นมา “แม้ว่าท่านจะเป็นพลเอกและเป็นผู้นำสูงสุดของค่ายหนานตู้ แต่หลังจากทำงานกับทุกคนมากมายในค่ายด้วยกันมา ท่านจะตัดสินใจด้วยความคิดของท่านเพียงคนเดียวแบบนี้ได้ยังไงครับ?”
ฉางกวนหลงหรี่ตามองมู๋หรงยู่เฉิงอย่างไม่พอใจ”สถาบันวิจัยถูกทำลายไปแล้วไม่เหลือซาก เราจำเป็นต้องเริ่มใหม่จากศูนย์และต้องใช้ทรัพยกรมากมายเพื่อลงทุน แล้วจะเอาที่อยู่อาศัยของชาวบ้านหนานตู้ไปไว้ที่ไหน? แล้วสถาบันวิจัยที่ใหม่จะก่อตั้งขึ้นตรงไหน?”
ไม่มีใครพูดอะไรออกมันเป็นจริงอย่างที่ฉางกวนหลงกล่าวมา การเริ่มก่อสร้างใหม่ทั้งหมดจะทำให้การพัฒนาของค่ายหนานตู้เสียสมดุล และสถาบันวิจัยก็ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์เลย มันไม่มีการป้องกันใดๆและผู้คนก็คงไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครยอมรับได้ ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้น แต่ค่ายอื่นๆก็คงจะหัวเราะเยาะพวกเขา
”แล้วถ้าเป็นแบบนี้ล่ะครับ”เมื่อบรรยากาศเริ่มเงียบลง เฉินยุนโหลวที่เคยชินกับการเสนอตัวก็ลุกขึ้นยืนพูด “ตอนนี้ในเมื่อทุกคนก็อยู่ที่นี้กันหมด งั้นมาเราตัดสินใจโหวตกันมั้ยครับ?”
ทันทีที่เฉินยุนโหลวเสนอออกมากลุ่มคนเดิมที่ไม่พอใจกับการจัดการภายในค่ายอยู่แล้วก็มองเฉินยุนโหลวอย่างไม่เป็นมิตรทันที
นี้มันเรื่องของค่ายพวกเขาคนนอกมาเกี่ยวอะไรด้วย?
”ท่านพลเอกครับ!”ฮวงชูเจิ้นตะโกนเสียงดังด้วยความกังวล “ทำไมถึงปล่อยให้คนนอกมาเข้าร่วมการประชุมภายในของเราล่ะครับ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเหล่านายพลของจีน แต่นี้มันเรื่องภายในของค่ายหนานตู้ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลย?”
คำพูดของฮวงชูเจิ้นเปรียบเสมือนกับเสียงที่พูดแทนทุกคนแววตาของทุกคนแสดงความไม่ยอมรับออกมา นี้มันเรื่องภายในซึ่งเป็นความลับของค่ายพวกเขาไม่ใช่เหรอไง?
ไม่ว่าค่ายไหนก็ตามที่ทำแบบนี้ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย! ชูฮันนั่งเงียบๆอยู่ที่เดิมสบตากับฉางกวนหลงด้วยความหมาย เขาไม่ใช่แค่พลเอกแต่ยังเป็นผู้นำของค่าย ด้วยเรื่องที่สำคัญเช่นนี้การกระทำของฉางกวนหลงดูจะผลุนผลันเกินไป
อย่างไรก็ตามชูฮันเข้าใจดีว่ามันมีหลายอย่างที่เฒ่าเจ้าเล่ห์ไม่ได้รายงานอย่างเป็นทางการให้เจ้าหน้าที่ภายในค่ายรับรู้ แถมยังจงใจพากลุ่มนายพลที่มาจากค่ายอื่นเข้าร่วมประชุมเพื่อให้รับรู้ข้อมูลนี่อีก
เฒ่าเจ้าเล่ห์ฉางกวนหลงคิดจะวางแผนการทำอะไรกันแน่? novel-lucky
ตอนนี้ทุกคนกำลังถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงโจมตีใส่กันไม่หยุด เหล่านายพลจากค่ายอื่นเองก็โดนโจมตีจากเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายหนานตู้เช่นกัน ส่วนฉางกวนหลงไม่ส่งเสียงอะไรเลย ปล่อยให้ห้องประชุมตกอยู่ในการโต้เถียงเป็นเวลานาน
จนกระทั่งในที่สุดหลังจากที่ทุกคนเหมือนจะเริ่มเหนื่อยจากการถกเถียงกัน ฉางกวนหลงก็พูดขึ้น “ฉันคิดว่าข้อเสนอของเฉินยุนโหลวก็เหมาะสมดี ทุกคนมาโหวตกัน ยิ่งมีคนช่วยมากเท่าไหร่การตัดสินก็น่าจะดีขึ้นไปอีก”
เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายหนานตู้โห่ร้องอย่างไม่เห็นด้วยทันทีหากพวกเขาไม่มีสิทธิที่จะคัดค้านการตัดสินใจของฉางกวนหลง เพราะท้ายที่สุดแล้วยังไงต่อให้พวกเขามีคนมากขนาดไหนก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจฉางกวนหลงได้
เหล่านายพลไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะสุดท้ายแล้วการที่ฉางกวนหลงตัดสินใจเลือกทำตามคำแนะนำของเฉินยุนโหลวมันก็เป็นการรักษาหน้าให้พวกเขามากพอแล้ว
หลังจากทุกคนทำใจยอมรับกับการตัดสินใจของฉางกวนหลงได้แล้วฉางกวนหลงก็เสนอเรื่องละทิ้งสถาบันวิจัยไป ซึ่งเหนือความคาดหมายผลโหวตที่ได้คือการคัดค้านอย่างรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ภายในค่ายหนานตู้
ฉางกวนหลงพูดขึ้น”ขั้นตอนต่อไป คือความคิดเห็นของกลุ่มนายพลจากต่างค่าย พวกคุณเห็นด้วยหรือคัดค้าน?”
ทันทีที่ฉางกวนหลงพูดออกมาทุกคนในห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบกันหมด ครั้งนี้พวกเขาเริ่มคิดถึงเรื่องที่ฉางกวนหลงพูด ตอนนี้ไม่ใช่แค่การให้เหล่านายพลจากต่างค่ายมาเข้าร่วมประชุมเท่านั้น แต่ยังให้สิทธิได้โหวตประเด็นภายในของค่ายหนานตู้อีก?
นี้ฉางกวนหลงต้องการจะทำอะไรกันแน่?!
เหล่านายพลจากต่างค่ายตะลึงงันสมองที่มีขีดจำกัดของพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจความต้องการของฉางกวนหลงที่อนุญาตให้พวกเขาร่วมโหวตประเด็นภายในของค่ายหนานตู้ได้ มันจะไม่ยิ่งแย่เหรอถ้าเสียงโหวตของพวกเขาไปแย้งกับเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายหนานตู้?
ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงงันและทำอะไรไม่ถูกชูฮันที่เงียบมาตลอดก็บิดยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพูด “ไม่จำเป็นต้องลงคะแนน เสียงโหวตก่อนหน้านี้จะกลายเป็นโมฆะ”
”อะไรน่ะ?”แทบจะทุกคนอุทานออกมาอย่างไม่เข้าใจ นี้มันอะไรกัน?