ในฐานะยอดฝีมือเทพเชวียน ผู้อาวุโสหกนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าสมาชิกทุกคนในสกุลจวิน ดังนั้นหากจวินโม่เซี่ยเปิดเผยฝีมือที่แท้จริงของเขาออกไป อาจเป็นได้ว่าผู้อาวุโสหกจะไม่รอช้า ด้วยเหตุนี้ จวินโม่เซี่ยจึงไม่ใช้ฝีมือของตัวเองรักษาการบาดเจ็บภายใน และปล่อยให้เลือดไหลออกทางจมูก
แต่กระนั้นผู้อาวุโสหกยังคงผงะ
” หือ ? ”
เขาอุทานเบาขณะลืมตาขึ้นในท้ายที่สุด และศึกษาร่างของจวินโม่เซี่ยเล็กน้อย พยักหน้า และเอ่ย
” ไม่เลว ! ”
ผู้อาวุโสรักษาความถือตัวในฐานะยอดฝีมือเทพเชวียน เช่นนั้นจึงไม่โจมตีจวินโม่เซี่ยเป็นครั้งที่สอง แม้นว่าเขาจะประหลาดใจกับความแข็งแกร่งของนายน้อยจวิน แต่รู้สึกว่ามันไม่สุภาพหากเขาจะจู่โจมยอดฝีมือเชวียนทองหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า
มือสังหารจวินคำรามทางจมูก ปาดเลือดออกจากใบหน้า และล้อเลียน
” ความแข็งแกร่งระดับเทพเชวียนของผู้อาวุโสนั้นช่าง สูงส่งยิ่ง ! “
คำพูดเหล่านี้คับคล้ายคับคราเป็นการสรรเสริญ แต่มันเป็นการบอกผู้อื่นว่า เขาได้รับการบาดเจ็บจากการโจมตีนี้ อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยเขาสามารถต้านทานการโจมตีของยอดฝีมือเทพเชวียนได้ แม้นจะมีระดับปราณเชวียนต่ำ ประโยคนี้จะเป็นเรื่องน่าขันเพราะเขาบาดเจ็บแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น !
แม้นว่าผู้อาวุโสหกจะใช้เศษเสี่ยวของความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาโจมตี แต่ยอดฝีมือเทพเชวียนยังคงเป็นเทพเชวียน ซึ่งหมายความว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ยอดฝีมือเชวียนทองจะต้านทานการโจมตีของเขาได้ในสถานการณ์ปกติ เมื่อพูดเช่นนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายน้อยจวินจะต้านทานการโจมตีของเขาได้เลยหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพลังลึกลับนี่ !
” โปรดเมตตา ผู้อาวุโสหก ! ”
มูซื้อทงเริ่มคิดจะนำพาผู้อาวุโสหกออกจาที่พักสกุลจวิน ดังนั้น มูซื้อทง อดใจอ้อนวอน เมื่อผู้อาวุโสหกโจมตีใส่จวินโม่เซี่ยไม่ได้
” ผู้อาวุโสหก ข้าขอบังอาจสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ? “
จวินวูอี้เลิกคิ้วขณะถามน้ำเสียงดุร้าย แม้นผู้กดขี่จักเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน จวินวูอี้ก็ยังไม่ทนเมื่อเห็นว่าหลานชายโดนกลั่นแกล้งต่อหน้า !
” อย่าบอกข้าว่า การโจมตีเด็กหนุ่มเช่นนั้น เป็นการกระทำปกติของผู้อาวุโสเทพเชวียนแห่งเมืองพายุหิมะขาว ? ”
” ไม่ เพียงแต่ข้าเพิ่งจะเอ่ยถึงตำแหน่งที่แตกต่างกันระหว่างสกุลจวินและเมืองพายุหิมะขาว หากสกุลของเจ้าเป็นปัญหาให้พวกเรา พวกเจ้าจักต้องชดใช้อย่างสามสม ! ”
แม้นผู้อาวุโสหกจะเอ่ยประโยคนี้ด้วยท่าทางนิ่งเฉย ขณะมองตรงไปยังจวินโม่เซี่ยความหมายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่นั้นคือการกดขี่และไร้เหตุผล
” เด็กนี่อาจหาญสามหาวต่อผู้อาวุโสผู้นี้ เช่นนั้น ผู้อาวุโสรู้สึกอยากจะสั่งสอนเขาสักครั้งหรือสองครั้ง ! หากเขาต้องพบเจอกับยอดฝีมือไร้เหตุผล คำพูดเช่นนั้นจักนำพาความตายมาสู่เขาได้ แต่กระนั้นความตั้งใจของผู้อาวุโสผู้นี้บริสทุธิ์และเป็นสิ่งดี เนื่องจากข้าทำเพียงแค่ปั่นหัวเขาเล็กน้อย และเป็นเหตุให้เขาแค่เลือดออกแทนที่จะสังหารเขาไปเสีย ! นี่เป็นสิ่งที่สกุลของข้าคิด สกุลจวินไม่มีความสามารถมากพอที่จะรับความเห็นจากข้าในคำถามเช่นนี้ ! ”
ร่างของจวินวูอี้สั่นด้วยโทสะ
” อะไรที่ท่านคิดว่าพวกเราจะทำเมื่อท่านยนความผิดเช่นนี้ใส่หัวพวกเรา ? ท่านต้องการพูดเรื่องอะไรท่านผู้อาวุโสหก ? สกุลของข้าจักไม่ยอมรับความอับอายเช่นนี้ ! วันนี้ เมืองพายุหิมะขาวของท่านจักต้องตอบคำถามเรื่องนี้แก่สกุลข้า ! ”
ผู้อาวุโสหกตอบกลับอย่างเชื่อช้า
” หากผู้สืบสกุลเซี่ยวของข้าประสบเหตุบางอย่างที่มีสกุลจวินเกี่ยวข้องอีก นี่คือสิ่งที่ผู้สืบทอดสกุลจวินจักต้องเผชิญ ! นั่นคือประสงค์ของข้า เจ้าไม่เห็นด้วยกับข้าหรอกรึ ? เอาละ สกุลจวินมีทายาทเพียงผู้เดียว ดังนั้นจึงไม่ควรจะเป็นปัญหาอะไรมากมาย ! ”
” สำหรับคำตอบที่เจ้ามองหานั้น ฮ่าฮ่า … เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าจะมอบให้ ? ”
การกดขี่ของเขากำลังหลั่งไหลต่อไป
ลมก่อกำเนิดเป็นเสียงขณะชายแก่ผมขาวลอยลงมาในลานบ้านโดยโอบอุ้มเด็กสาวมาด้วย แต่เขาสงบลงในทันทีเมื่อได้เห็นผู้อาวุโสหกและคนอื่นๆนั่งร่วมวงกัน และดื่มชา ดูเหมือนว่าเรื่องนั้นยังไม่เกินรับมือ พวกเขายังไม่ได้กระตุ้นโทสะ
” อะไรทำให้ท่านมาที่นี่ พี่สาม ? ”
ผู้อาวุโสหกถามด้วยความสลดในหัวใจ เนื่องจากเขาเพิ่งจะโจมตีจวินโม่เซี่ย แม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีอย่างแผ่วเบา ข้ายังมิได้จู่โจมผู้ใดในสกุลจวิน จนกระทั้งท่านพี่สามมาถึง … ท่านอาจารย์เอ่ยหัวข้อนี้ชัดเจนก่อนที่พวกเราจะเดินทางจากเมืองพายุหิมะขาว แต่กระนั้น เขายังคงสับสนเล็กน้อย
พี่สามเป็นผู้ที่แบ่งหน้าที่เองมิใช่หรือ ? เหตุใดเขาจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนกระทันหัน ?
ผู้อาวุโสสามยังไม่ทันได้ตอบขณะที่เสียงกระด้างกระเดื่องดังขึ้น
” แม่เจ้า พวกกุ้งจิบน้ำชาผู้ใดมารบกวนการฝึกฝนของข้า มันจักต้องเสียใจ ! ”
” ใครกัน ? เจ้ากล้าสามหาวกับอาวุโสผู้นี้ได้อย่างไร ?! แม้แต่ซากศพของเจ้าก็คงไม่เหลือหากอาวุโสผู้นี้เสร็จธุระกับเจ้า ! ”
ผู้อาวุโสหกตอบกลับทันทีเมื่อได้ยินคำพูดที่แหลมคมเช่นนั้น โดยไม่สนว่าจะก่อให้เกิดการต่อสู้
อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าตัวเองต้องเสียใจจากการตัดสินใจของเขาในไม่ช้า ! เพราะการวิวาทนี้เขาไม่สามารถเลือกได้เลย !
ร่างเงาสีดำลอยขึ้นมาในอากาศ ผมสีดำขลับของเขาลอยขึ้นเบื้องหลัง จากนั้นพุ่งตรงมายังร่างของผู้อาวุโสหกราวกับอินทรีย์ พร้อมด้วยนิ้วทั้งสิบที่แหลมคมของเขา ดอกไม่ในลานบ้านปลิวไปด้วยพลังของสิ่งนี้ ทุกผู้ที่อยู่ตรงนี้อ้าปากสูดอากาศเนื่องจาก พลังอันวิเศษของคนผู้นี้ทรงพลังมากจนทำให้พื้นที่นี้เกิดสุญญากาศ !
ยิ่งไปกว่านั้น อิทธิพลของการโจมตีนี้ยังทำให้ทั้งพื้นที่สั่นสะเทือน !
เป็นไปได้ว่าคำพูดที่ไม่ถูกต้องของผู้อาวุโสหกที่แข็งแกร่งของเทพเชวียนนั้นจะเป็นเหตุให้เขาต้องตายในทันที แม้แต่ซากศพของเขาก็อาจจะไม่หลงเหลือเนื่องจากสิ่งที่เขาทำ
การมาถึงของร่างนี้ทำให้ บรรยากาศเต็มไปด้วยความกดดัน ! และตอนนี้มันมาตกอยู่บนหัวของผู้อาวุโสหกราวกับความมืดมนของท้องฟ้ายามค่ำคืน !
ผู้อาวุโสสามและหกอุทานพร้อมกันด้วยตกตะลึง
” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ! “
ยมบาลผู้นี้มาทำอันใดที่นี่ ?!
โอ้ พระเจ้า ข้าขู่สังหารเขาโดยไม่ตั้งใจอย่างนั้นหรือ ?
แต่กระนั้นมันก็ช้าไปที่จะคิด และผู้อาวุโสหกก็รู้ว่าการรักษาตัวรอดคือสิ่งสำคัญ เขาจึงรีบลุกออกจากเก้าอี้ และตีลังกาถอยไปห้าหกครั้ง ขณะที่ก่อปราณเชวียนขึ้นเป็นชั้นเกาะป้องกันตรงหน้าเพื่อรับมือกับพลังอันน่ากลัวที่เขาต้องเผชิญ !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่สนในการป้องกันที่แข็งแกร่งนี้ และพุ่งตัวขึ้นในอากาศขณะทะลวงเข้าไปในเกราะป้องกัน ความจริงมือของเขายังคงเป็นท่าเดิมขณะที่เขาตัดผ่านเกราะของผู้อาวุโสหกราวกับมีดร้อนตัดเนย
ผู้อาวุโสสามตะโกน
” ได้โปรดเมตตาท่านอาจารย์เหยี่ยว ! “
ขณะที่เขารุดหน้าไปช่วยเหลือผู้อาวุโสหกที่กำลังล่าถอย
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ไม่สนใจต่อทุกสิ่งอย่างราวกับประกายอาฆาตรในดวงตาของเขาเป็นอะไรบางอย่างที่จริงกว่ามาก และขยับนิ้วทั้งสิบตรงไปยังเป้าหมายของเขา
เห็นได้ชัดว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว นั้น โมโหอย่าที่สุด ! ความจริง อาจจะพูดได้ว่า โทสะของเขาปกคลุมไปทั่วทุกที่ !
เขาศึกษากระบวนท่าของอินทรีย์มาหลายสิบปีแล้ว และถือได้ว่าเขาควรจะบรรลุผ่านไปยังขั้นต่อไปได้เมื่อหลายปีก่อน แต่เขากลับต้องพบกับคอขอวของความแข็งแกร่ง และแล้วเขาได้พบกับจวินโม่เซี่ย เด็กหนุ่มผู้ที่จะสามารถนำทางเขาต่อไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มผู้นี้ได้เผยถึงการแปลขบวนบางอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และพบว่าสมองของเขาจมดิ่งอยู่กับการค้นคว้ามัน
ตอนนี้ ชีวิตของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้เชื่อมโยงกับโชคชะตาของจวินโม่เซี่ยแล้ว ! แต่กระนั้น เขาก็ไม่คิดว่าจะมีผู้ใดอาจหาญคุกคามจวินโม่เซี่ยต่อหน้าเขา !
ข้าคงแข็งแกร่งขึ้นมิได้หากเด็กผู้นี้ตาย หรือได้รับบาดเจ็บจนพิการ ! ในความจริง หาก ปรมาจารย์ลึกลับกล่าวโทษข้าว่าไม่สามารถปกป้องเด็กผู้นี้ได้ และไม่สนอะไรข้าอีก ข้าก็ยังจะไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้อีก ..
เห็นได้ชัดว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสังเหตุเห็นว่าผู้อาวุโสหกเข้ามาพบจวินวูอี้ แต่เขาตัดสินใจละเลย เนื่องจากเขากำลังง่วนอยู่กับการฝึกซ้อมที่เขาเพิ่งไ้เรียนรู้มา …
ความจริง อาจจะพูดได้ว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว จะยังคงง่วนอยู่กับการฝึกฝนแม้นว่าผู้อาวุโสหกแห่งเมืองพายุหิมะขาวจะมาขอพบเขาแทนที่ จวินวูอี้
แม้นว่าทุกสิ่งจะเป็นไปได้ด้วยดี แต่แล้วจวินโม่เซี่ยพบกว่าตัวเองได้รับการโจมตี ! ยิ่งไปกว่านั้น มันก็สายไปเสียแล้วหากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะกระทำการอันใด
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เกือบจะตกอยู่ภายใต้ความกลัวและตกตะลึง
โชคดีสำหรับเขา ที่ความแข็งแกร่งอันพิเศษของ นายน้อยจวิน นั้นมากพอที่จะรับมือกับการโจมตีนี้ มิเช่นนั้น …
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว คงจักต้องหัวใจวายตาย !
เนื่องจากการกระทำของเจ้าตั้งใจจะทำให้ข้าไม่ได้พบเจอกับ ปรมาจารย์การต่อสู้ที่หาที่เปรียบไม่ได้ มันจึงนำพาให้เจ้าต้องกลายเป็นที่ข้าเกลียดชัง และเป็นศัตรู !
แม้นว่าจวินโม่เซี่ยจะคิดหนักที่ให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอาศัยอยู่ในที่พักสกุลจวิน แต่นายน้อยจวินก็มิได้คาดว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะกระทำอย่างรุนแรงด้วยความโปรดปราณตั้งแต่วันแรก !
นิ้วมือที่แข็งแกร่งของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กำลังจะสร้างภาพการสังหารที่น่าสยดสยอง !
ร่างของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังคงตัดผ่านเกราะป้องกันของผู้อาวุโสหกอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีดร้อนตัดผ่านเนย !
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ตัดผ่านเกราะป้องกันในแต่ละครั้งที่ผู้อาวุโสหกถอยไปหลายก้าว จากนั้น เขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีกครั้ง และพุ่งเข้าใส่อกของผู้อาวุโสหกราวกับตาวตก !
ผู้อาวุโสสามเข้ามาถึงในเวลานี้และพบว่าตัวเองปะทะเข้ากับร่างของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวด้วยเสียง ตุ๊บ
ปั้ง !
ร่างของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวผงะเล็กน้อย ขณะที่ผู้อาวูโสสามปลิวถอยหลังไป
ขณะนั้น ปราณที่แข็งแกร่งของ ยอดปรมาจารย์ มุ่งไปสู่ผู้อาวุโสหก และปะทะเข้ากับหน้าอกของเขาหลังจากฝ่าผ่านเกราะป้องกันทั้งหมด !
เสียง ตุ๊ป ดังขึ้นสองสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้ได้ทำลายซี่โครงหลายชิ้น ขณะที่เลือดพุ่งออกมาจากปากย้อมให้มันกลายเป็นสีแดง ชัดเจนว่าเลือดเหล่านั้นเกิดมาจากการที่อวัยวะภายในของผู้อาวุโสหกได้รับบาดเจ็บรุนแรง ความจริงไม่น่าแปลกใจเลยหากอวัยวะภายในห้าหรือหกอย่างของเขาจะได้รับบาดเจ็บ !
ร่างของผู้อาวุโสหกกลิ้งไปข้างหลังราวกับลูกบอลและเด้งเข้าไปปะทะกับดอกไม้ที่เบ่งบานอยู่สองครั้งก่อนจะหยุดลงเนื่องด้วยกระแทกเข้ากับต้นไม้ เขาพยายามยืนขึ้นด้วยสีหน้าขื่นขม ใช้ต้นไม้เพื่อพยุงขณะที่ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด
” ทำไมกัน ? “
ผู้อาวุโสหกอ้าปากเพื่อพูดแต่กลับพบว่าตัวเองกระอักเลือดออกมา เขาโบกมือไปทาง มูซื้อทง ขณะที่ชายผู้นั้นวิ่งเข้ามาเพื่อช่วยเหลือเขาให้ยืนขึ้น เขากัดฟันขณะที่ร่างกายอดทนต่อความเจ็บปวดมหาศาล
ผู้อาวุโสสาม มูซื้อทง และ องค์หญิงน้อยแห่งเมืองพายุหิมะต้องการที่จะถามสิ่งหนึ่งออกมา แต่พวกเขาตกตะลึงอย่างมากจนพูดไม่ออก
ไม่มีพวกเขาคนใดคิดออกว่าทำไม เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจึงตอบโต้ด้วยความรุนแรงเช่นนี้ แม้นว่าผู้อาวุโสหกจะสบประมาทเขาด้วยคำพูดเนื่องจากการเอาชีวิตของผู้อาวุโสหกเช่นนี้เป็นเหมือนกันการสร้างความเกลียดชังที่ไร้เหตุผลระหว่างเขาและเมืองพายุหิมะขาว มันคุ้มค่าจริงๆหรือ ?
” อาวุโสผู้นี้เอาแต่ใจเสมอ ข้าสามารถปัดกวาดเศษสวะเช่นเจ้าได้นับพันเพียงแค่ข้าโบกมือ ! เจ้าควรภูมิใจที่ได้อยู่มานานเช่นนี้โดยไม่เข้าใจถึงความจริงข้อนี้ ! และเจ้ายังคิดจะถามข้าว่าเหตุใดข้าจึงทำเช่นนี้ ? ”
ผมของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังคงลอยอยู่ในอากาศเบื้องหลัง ขณะดวงตาของเขายังคงปลดปล่อนประกายแห่งความหยิ่งทะนง ชุดสีดำของเขายังคงพัดโบกด้วยสายลม ชัดเจนว่าโทสะของ ยอดปรมาจารย์นั้นยังไม่ลดลง !