เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ตอบกลับคำพูดของผู้อาวุโสหก แต่ด้วยความรุนแรงที่มากกว่า !
คำพูดที่เขาได้เอ่ยไปก่อนหน้านี้เริ่มดังก้องอยู่ในหูของผู้อาวุโสหก แต่ยังรู้สึกราวกับการให้พรที่น่าอัปยศ …
ใบหน้าผู้อาวุโสหกแดงก่ำด้วยความอับอาย ดูราวกับว่าเขาจะตายไปได้ทุกเมื่อ !
” กุ้งตัวเล็กตัวน้อยอย่างพวกเจ้ากล้ามาอาละวานในถิ่นของข้าได้อย่างไรกัน ? เจ้าอาจหาญรบกวนการฝึกฝนของข้า ซึ่งไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย ! และเจ้ายังมาถามอีกหรือว่าเหตุใดข้าถึงโจมตีเจ้า ? มิใช่ว่าเจ้าเพิ่งพูดว่าเจ้าจะสังหารข้าหรอกหรือ ? แล้วข้าจะพลาดให้เจ้ามีโอกาสทำสิ่งนั้นได้อย่าไรกัน ?! นี่เป็นเรื่องน่าขันอย่างยิ่ง ! ท่านเซี่ยว เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเจ้าและเมืองพายุหิมะของเจ้าจะคงกระพัน เอาละ ในความคิดของข้า สกุลเซี่ยวของเจ้า และเมืองพายุหิมะทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ขยะของเสีย ยกเว้น ฮั่นเฟิงฉือ ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวขึ้นหน้าสองก้าวขณะพับแขนทั้งสองกลับไปด้านหลัง เขามองไปยังใบหน้าที่โศกเศร้าของผู้อาวุโสหกและถาม
” อะไร ? นี่คือสิ่งที่ข้าคิด เจ้าเห็นต่างหรือไม่ ? ข้ากำลังถามเจ้าและข้าก็ได้พูดในสิ่งที่ข้าต้องการ เจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่ ? ”
ผู้อาวุโสหกเพ่งมองกลับไปยัง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อย่างดุร้ายแต่ปากของเขาก็ยังไม่ขยับเพื่อตอบกลับ แต่กระนั้น ดวงตางของเขาเปิดเผยปราถนาในใจอย่างชัดเจน
” ท่านเซี่ยว หากคำตอบของเจ้าทำให้ข้าไม่มีความสุข ข้าจะมุ่งหน้าไป หอมณีวิจิตร และคนของเมืองพายุหิมะขาวที่อยู่ในเมืองเทียนเชียงในทันที ! และนั้นรวมถึงพี่ทั้งสองของเจ้า และสมาชิกสกุลเซี่ยวสองคน และแม้แต่เด็กสาวผู้นี้ ! ฮ่าฮ่า ดีมาก ดีมาก ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ได้นำสิ่งล้ำค่ามายังเทียนเชียง เช่นนั้นจงอย่าก่อปัญหาให้มากนัก ! เห้ย กุ้งฝอย เจ้าบอกข้าหน่อยว่า เจ้าคิดว่าข้าจักกล้าทำสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว หัวเราะอย่างชั่วร้าย
” เลิกทำหูทวนลมและยืนขึ้นซะ อาวุโสผู้นี้จักถามเจ้าอีกหน เจ้าเห็นด้วยกับข้าหรือไม่ ? ”
แววตาของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เผยถึงประสงค์ที่ชั่วร้ายอย่างชัดเจน
” อาจารย์เหยี่ยว โปรดอย่าให้เรื่องนี้เกินเลย … ท่านอาจารย์ในเมืองของเรานั้นซื่ตรงต่อกันเสมอ และพวกเราอาจจะได้ร่วมงานกันในอนาคต ดังนั้นอย่าทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราตัดขาดเลยเถิด ! “
ผู้อาวุโสสสามตะโกนเสียงดัง
” ถุย ! อย่ามายุ่ง ! เกียรติของตาเฒ่าเฟิงนั่นคือสิ่งเดียวที่ข้ายังมิได้สังหารเจ้ากุ้งฝอยนี่ แต่ข้าจักไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆหลังจากที่เขาด่าข้าว่า แม้แต่ร่างของเจ้าก็ไม่เหลือหากข้าเสร็จธุระกับเจ้า ! ”
” ตาเฒ่าเหิงนั้นมีเกียรติ หากแต่เจ้ากุ้งฝอยนี่ไม่ หากเขามิได้เห็นข้า เขาจะไม่ทำสิ่งนี้กับสกุลจวินหรอกรึ ? แต่เมื่อเจ้าเข้ามาวิ่งเล่นในถิ่นของข้า ข้าก็จะเล่นกับเจ้า ! มิเช่นนั้น เจ้าจะกล้าพูดเช่นนั้นกับข้าได้อย่างไร ? ข้าจะทำในสิ่งที่ข้าต้องการ ! และข้าจะทำสิ่งที่ต้องการจนกระทั้ง ท่านเซี่ยวตอบคำถามข้า ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว โบกมือ
” ตอนนี้ ชีวิตของเจ้าขึ้นอยู่กับปากของเขา ! ”
” อาวุโสผู้นี้เอ่ยปากถามเจ้า และข้าจักไม่ถามเป็นครั้งที่สาม ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถามอย่างโหดเหี้ยมและรุนแรง
” ตอนนี้ตอบข้ามา ! ”
ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสหกจะตายลงด้วยความโศกเศร้าได้ทุกเมื่อ ! ความอัปยศเช่นนี้ทำให้ร่างของเขางุนงง ความจริงแล้ว หัวใจของเขาเกือบจะหยุดเต้นไปแล้ว แต่เขาก็ยังบังคับให้มันเต้นต่อไป ! เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เอ่ยถึงเจนตนาอย่างชัดเจน ชีวิตของชาวเมืองพายุหิมะระดับสูงที่อยู่ในเมืองเทียนเชียงขึ้นอยู่กับคำตอบของเขา
ผู้อาวุโสหกเชื่อมั่นว่าคนบ้าเช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้จริงๆ ! หากการตอบของข้าทำให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโกรธเคือง เขาอาจจะฝังกระดูกทุกคนที่นี้และทำมันในตอนนี้ !
และแม้นว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะสังหารพวกเราทุกคน เมืองพายุหิมะก็ยังคงมิอาจไล่ล่าปิศาจตนนี้ได้ !
ความอัปยศนี้เกินกว่าเขาจะแบกรับ ! แม้นเขายังไม่เข้าใจว่าทำไม่พอใจเขาอย่างมาก
แต่สิ่งที่ข้าทำนั้นทำให้เขาเป็นบ้าไปรึ ? อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขารู้ว่านี่มิใช่เวลาที่คิดเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย !
” ข้า … ข้า … ”
ผู้อาวุโสหกขยับปากสองสามครั้ง และจากนั้นเขาจึงหลับตาและหยดน้ำตาค่อยๆไหลออกมาจากขอบตาของเขา
” .. เห็นด้วย ! ”
ดวงตาของผู้อาวุโสหกกรอกไปข้างหลังขณะที่พูดพร้อมหลับตา
” ดีมาก ! ตอนนี้ เจ้ากุ้งฝอยนี่เข้าใจความจริงพื้นฐานแล้ว ข้าไม่คิดว่าข้าจะรบกวนเขามากเกินไป ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ยิ้มอย่างโหดร้ายและค่อยๆชายตามองไปยังผู้อาวุโสสาม มูซื้อทง และองค์หญิงน้อย
” มีใครอีกไหมที่ไม่ยอมรับสิ่งนี้ ?! “
” ข้าไม่เห็นด้วยกับการกลั่นแกล้งผู้ที่อ่อนแอกว่า หากเจ้าต้องการสังหารข้าเพราะเรื่องนั้น ข้าก็ยินดีที่จะได้เรียนรู้จาก แปดยอดปรมาจารย์ เป็นความทรงจำครั้งสุดท้าย ! ”
มูซื้อทง ก้าวขึ้นหน้า เหลือบมองไปยัง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวด้วยดางต่ที่กลมโตซึ่งดูเหมือนจะไร้ซึ่งความกลัว
” ข้าก็ไม่ยอมรับสิ่งนี้ ! ”
องค์หญิงน้อย ฮั่นหยานเมิง ก้าวขึ้นหน้า เพ่งมองอย่างอาจหาญไปยัง ด้วยความไม่พอใจในสายตาไปยัง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
” ฮ่า ฮ่า คนของเมืองพายุหิมะบางคนไม่กลัวความตายจริงๆ ! นั่นเป็นสิ่งดี ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยิ้ม
” ข้าเพิ่งจะเปิดหูเปิดตาเขาในวันนี้ แต่พวกเจ้าทั้งสองนั้นยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจ และแทนที่จะเสียใจกับพฤติกรรมของข้า … เจ้าคิดจริงๆหรือว่าคนอายุเช่นข้าจะสนใจไปกลั่นแกล้งพวกหนุ่มสาว ? ข้าเองก็ไม่ชอบผู้ที่ กลั่นแกล้งคนหนุ่มสาวไปมากกว่าตัวพวกเขาเอง ! อย่าได้กังวล ข้าถือว่าเจ้าหนุ่มสวรรค์เชวียน และสาวน้อยผู้นี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ ฮั่นเฟิงฉือ แต่ข้าจักของบอกเจ้าว่า พวกเจ้าไม่ควรอาจหาญในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อเจ้าโตขึ้น เข้าใจในความจริงข้อนี้ซะ ! ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว พูดจบและไม่สนใจทั้งสองอีกเลย จากนั้น ดวงตาเขาเลื่อนกลับไปมองผู้อาวุโสหกอีกครั้ง และรอยยิ้มอันเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ผู้อาวุโสหกเกือบจะเป็นลมด้วยโทสะเมื่อได้ยินคำพูดของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เนื่องจากพวกมันบอกเป็นนัยว่า เขาถือว่าแม้แต่ฝีมือระดับเทพเชวียนของผู้อาวุโสหกนั้นเป็นเพียงผู้ฝึกหัด
จากความจริงที่คำพูดของเขาทำให้ยอดฝีมือเทพเชวียนเกือบจะเป็นลมด้วยโทสะ จึงบอกได้ว่า ความสามารถในการยั่วยุ และเย้ยหยันผู้คนของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นเป็นรองแค่ นายน้อยจวิน
” อาจารย์เหยี่ยว ท่านโจมตีน้องข้าโดยไม่มีเหตุผลวันนี้ การฆาตรกรรมของท่านจึงไม่มีความยุติธรรม ! ท่านจักต้องตอบคำถามต่อเมืองพายุหิมะขาวในเรื่องนี้ ! ”
ผู้อาวุโสสามพูดด้วยโทสะหลังจาก ตื่นขึ้นจากการตกตะลึง
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว หัวเราะเย้ยหยัน
” เจ้าจะบอกว่าข้า ฆาตรกรรมน้องของเจ้าโดยไร้เหตุผลหรอกหรือ .. แล้ว หากเช่นนั้นเขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ? เจ้ากำลังพูดว่าข้าไม่มีฝีมือที่จะสังหารเขาหรือ ? ”
ผู้อาวุโสหกพูดไม่ออกขณะตระหนักได้ว่าความก้าวร้าวของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวอาจได้รับการกระตุ้นจากคำพูดและการกระทำบางอย่างของน้องเขา เขารู้อย่างชัดเจนว่าการจู่โจมผู้ที่แข็งแกร่งเช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั้นจะพบจุดจบเพียงอย่างเดียวคือ ตาย !
เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้อาวุโสสามจึงไม่มีคำใดจะตอบ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวสงบสติ และยกตัวเองขึ้นในการโต้แย้งนี้
” และนั่นคือส่วนของคำอธิบาย ! อะไรที่เจ้ากุ้งฝอยนี้เอ่ยเมื่อจวินวูอี้ถามหาคำอธิบายจากเขา ? และเจ้ายังต้องการให้ข้าอธิบายการกระทำของข้าอีกหรือ ? เหตุใด ข้าจึงควรอธิบายสิ่งต่างๆแก่เจ้า ? และ ข้าควรจะอธิบายตัวเองแก่เจ้าได้เช่นไร ? ”
จวินโม่เซี่ย ยิ้มจากด้านข้าง
” สิ่งที่เรียกว่าคำอธิบายของผู้อาวุโสสามต่อพวกเรานั้นไม่ชัดเจน แต่มันยังค่อนข้างขัดหูข้า ข้าเชื่อว่าจักต้องใช้เวลาครุ่นคิดคำพูดของเขาอีกสองสามวันจึงจะเข้าใจในความหมาย … ”
” แต่กระนั้น ดูเหมือนว่าข้ามิใช่ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นเจ้า เจ้าจึงไม่รู้สึกว่าจะต้องอธิบายอันใด และดังนั้นเมื่อมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า พวกเขาจึงไม่ต้องอธิบายอะไรกับเจ้าด้วย ! ปกติแล้ว ความแข็งแกร่งคือคำอธิบายของทุกสิ่งอย่าง ! ข้ามองว่า นี่คือ หลักเกณฑ์ของเมืองพายุหิมะ ! ดังนั้น ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเรานั้นสูงกว่าเจ้า แต่เจ้ายังต้องการให้พวกเราอธิบายสิ่งต่างๆอีกอย่างนั้นหรือ ? อะไรทำให้เจ้าคิดว่า เมืองพายุหิมะขาว ควรจะมีข้อได้เปรียบ ? ฮี่ ฮี่ … ช่างประหลาดยิ่ง … ”
องค์หญิงน้อย ฮั่นหยานเมิงได้ยินคำพูดของจวินโม่เซี่ยที่ดังและชัดเจน ทำให้นางอดหันไปมองเขาไม่ได้ สีหน้าอขงนางแสดงออกคล้ายกับว่าจวินโม่เซี่ยนั้นคุ้นเคย และมองร่างของเขาอย่างระมัดระวังตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมด้วยดวงตาที่เบิกกว่า
เห็นได้ชัดว่าข้าไม่เคยพบคนผู้นี้แต่เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคย ?
ผู้อาวุโสสามหันมองไปยังจวินโม่เซี่ยทันที พึมพัมสองครั้ง และกลับมามอง เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว
” อาจารย์เหยี่ยว ได้โปรดเย็นลงก่อน … และลองมาพูดคุยกันอีกสักหน่อยเป็นไร ? ”
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคำรามทางจมูก แต่ไม่ตอบอันใด เท้าของเขามิได้เคลื่อนไหว ขณะลอยขึ้นในอากาศและเคลื่อนที่ไปมุมหนึ่ง ผู้อาวุโสสามขอให้ มูซื้อทง ดูแลผู้อาวุโสหก และกระซิบบางอย่างไปที่หูของเขาขณะที่เดินผ่านไป เสียงกระซิบของเขานั้นเบามาก กระทั้งแม้นมีคนแอบฟังก็ไม่สามารถได้ยิน
” สาวน้อย เจ้ามองอะไร ? เจ้ามิเคยเห็นชายหนุ่มที่หล่อเหลามาก่อนหรือ ? เจ้าเริ่มชอบข้าแล้วละสิ ? ”
หัวใจของจวินโม่เซี่ยเต้นรัว ขณะตระหนักได้ว่าหญิงสาวผู้นี้เพ่งมองมาที่เขาอยู่สักพัก และตระหนักได้ว่าเขาจักต้องไม่ปล่อยให้เด็กสาวจำเขาได้ ! หากนางจำข้าได้ ความยุติธรรมจะไม่ได้อยู่ข้างเราอีก !
” อืม ! ”
ฮั่นหยานเมิงย่นจมูกขณะใบหน้าเผยถึงความยะโส นางมองผ่านเขาไปโดไม่ได้ตอบอันใด ครั้งล่าสุดที่นางได้พบจวินโม่เซี่ย ร่างของมองสังหารผุดขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับดินโคลนเต็มใบหน้า ยิ่งไปกว่านั้น แม้นว่าใบหน้าของเขาจะสะอาดมากพอจนทำให้นางจำได้ แต่นางก็อับอายจนไม่สามารถมองไปยังร่างหรือใบหน้าของเขาได้ เนื่องจากตอนนั้นเขาเปลือยเปล่า จากนั้น เมื่อร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเศษผ้าแล้ว ใบหน้าของเขาก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจำนวนมาก มันจึงไม่ช่วยอะไร
ผลลัพธ์ก็คือ องค์หญิงน้อยก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่า ชายเปลือยที่โจมตีนางอย่างรุนแรงนั้น คือคนเดียวกับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านางในวันนี้
” นี่คือน้องสาวของ โย่ว ? “
จวินวูอี้มองไปยัง ฮั่นหยานเมิง ขณะถาม มูซื้อทงพร้อมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
” ใช่ นางคือองค์หญิงของเมืองเรา นามว่า ฮั่นหยานเมิง ”
มูซื้อทงยิ้มและถาม
” วูอี้ การบาดเจ็บของเจ้าดีขึ้นแล้วดั่งที่ผู้อาวุโสหกพูดจริงหรือ ? “
” ใช่ เขาพูดถูกแล้ว ! ”
จวินวูอี้มองไปยัง ฮั่นหยานเมิง อีกครั้ง ถอนหายใจเบาและตอบ
” ใช่แล้วน้องมู่ ข้าคิดว่าขาของข้าคงยังไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระสักพัก ”
จวินวูอี้เข้าใจถึงคประสงค์ที่จริงใจของ มูซื้อทง แต่ยังคงไม่บอกความจริงกับเขาในเวลานี้
ข้าเชื่อใจเจ้า แต่ข้าไม่สามารถบอกความจริงต่อหน้าคนนอกได้ !
อย่างไรก็ตาม ข้าจะต้องพยายามหาโอกาศบอกเรื่องนี้กับน้องมู่ในภายหลังเป็นการส่วนตัว แต่มิใช่ตอนนี้ มิเช่นนั้นความลับอันยิ่งใหญ่ของสกุลจวินจะถูกเปิดเผย
หัวใจของ ฮั่นหยานโย่วคงจะได้รับการปลอบประโลมตราบใดที่ มูซื้อทง สามารถนำข่าวนี้ไปบอกแก่นางได้ อย่างไรก็ตาม นี่ยังคงตรงข้ามกับสิ่งที่จวินวูอี้วางแผยเอาไว้
” ดี ! ดีมาก ! ”
มูซื้อทงตอบลงไปบนมือของจวินวูอี้อย่างตื่นเต้น
” ข้าจะนำข่าวนี้ไปบอกแก่ องค์หญิงคนโตในทันที ข้าจินตนาการได้เลยว่า นางจะมีความสุขเช่นไรเมื่อได้ยินมัน ! ”