ตอนที่ 695 คิดถึงสามีข้าในทางที่ดีหน่อย / ตอนที่ 696 ศีรษะถูกตีจนแตก

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 695 คิดถึงสามีข้าในทางที่ดีหน่อย 

 

 

อวี่เหวินลู่ปิดปากนางเอาไว้ให้นางเงียบเสียงหน่อย “แม่คุณ นี่มันในวังนะ ตะโกนอย่างนี้อยากเรียกฮ่องเต้มาใช่หรือไม่”  

 

 

เฉินยางนั้นพูดไปถึงจุดที่โกรธเคืองหนัก เลยยากที่จะควบคุมเสียงตน เริ่มรู้สึกว่าผิดปกติแล้วจึงเงียบปากเสีย ถามเขาเสียงเบาๆ ว่า “เจ้าเข้าไปปะปนกับพวกทหารองครักษ์ได้อย่างไร”  

 

 

หากไม่ใช่เพราะนาง เขาจะต้องมาเสี่ยงชีวิตเช่นนี้หรือ อวี่เหวินลู่ลูบคางที่แปะหนวดปลอมเอาไว้ หน้าตาเย่อหยิ่งนั้นเอ่ย “ข้าฉลาดถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าข้าก็มีวิธีของข้าอยู่ เมื่อครู่ข้าได้พบเฝิงเยี่ยไป๋แล้ว ลูกชายของเจ้าข้าก็ช่วยออกมาแล้ว ไม่ได้ใช้แรงเท่าใดเลย เฝิงเยี่ยไป๋คงจ่ายเบี้ยให้ทหารเฝ้ายามไปมากโข ลูกชายเจ้าปลอดภัยแล้ว เจ้าควรจะวางใจเสียที ตอนนี้ให้ข้าส่งเจ้าออกจากวังเถิด”  

 

 

นางลำบากใจอีกครั้ง มองไปข้างหน้าอย่างตัดใจไม่ลง “ข้ารู้ว่าข้าอยู่ต่อต้องเพิ่มภาระให้แก่เขาแน่ แต่ข้าเองก็ไม่วางใจ เจ้าให้ข้าทิ้งเขาไว้ที่นี่คนเดียว ในใจข้านั้นทนไม่ได้เลย อย่างไรเสียเขาก็เป็นสามีข้า ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ควรอยู่ข้างกายเขา”  

 

 

อวี่เหวินลู่รีบหักห้ามอารมณ์เศร้าโศกอาดูรของนางไว้เสีย ชี้ไปยังดวงจันทร์กลมโตนั่น “แม่คุณ เจ้าดูเอาเถิด นี่มันเวลาอะไรแล้ว หากไม่ออกวัง สักพักในวังก็จะลงกลอนแล้ว เจ้าอยากออกก็จะออกไม่ได้แล้ว อีกอย่าง เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ตายง่ายๆ หรอก ฮ่องเต้แก่นั่นยังฆ่าเขาไม่ได้เลย แล้วองค์ปัจจุบันเยาว์เพียงนี้จะทำได้หรือ แต่ว่าก็ว่าเถอะ เฝิงเยี่ยไป๋ต่อให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของฮ่องเต้จริง ต่อให้ฮ่องเต้ไม่ฆ่าเขา คาดว่าเขาเองก็คงไม่มีหน้าอยู่ต่อไปกระมัง” 

 

 

ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ ในใจเฉินยางนั้นเดิมทีก็เต้นดังโครมครามอยู่แล้ว อวี่เหวินลู่ยิ่งมาราดน้ำมันลงบนกองไฟเข้าไปใหญ่ พาให้นางใจหวิวยิ่งนัก “เดิมข้าก็เสียใจอยู่แล้ว เจ้าช่วยคิดถึงสามีข้าในทางที่ดีหน่อยได้หรือไม่ ข้าไม่มีความสามารถช่วยเขาไม่ได้ ยังจะคอยทำให้เขายุ่งไปกันใหญ่ หากเขาเป็นอะไรไปจริง ข้า…ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว”  

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เปรียบได้ดั่งชีวิตของเว่ยเฉินยางเลยทีเดียว อวี่เหวินลู่เวลานี้ยังบอกให้นางมีชีวิตต่อ สามคนร่วมชะตากรรมเดียวกัน สุดท้ายไม่ใครก็ใครล้วนห้ามตายทั้งนั้น เดิมทีตนนั้นด้วยความหัวร้อนเลยพุ่งเข้าวังแบบไม่คิดอะไรเพื่อจะมาช่วยเฝิงเยี่ยไป๋ ตอนนี้ดีเสียจริง ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เฝิงเยี่ยไป๋ตอนนี้เท่ากับว่าเป็นทหารที่สู้ตัวคนเดียว ตัวนั้นอยู่ท่ามกลางบ่อน้ำมังกรหลุมเสือ หากไม่มีคนช่วยเขาละก็ คืนนี้ชะตาเขาจะเป็นอย่างไรก็พูดยากเสียแล้ว 

 

 

ในใจของอวี่เหวินลู่นั้นกล่าวคำผรุสวาทต่อเฝิงเยี่ยไป๋ไปหลายรอบแล้ว ไม่มีความสามารถแล้วจะยื้อทำไม เพียงเอ่ยปากบอกเขา เอ่ยปากขอยืมทหารจากบิดาตนจะยากตรงไหนกัน ยินยอมที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง แต่กลับไม่ยินยอมที่จะวางความยิ่งยโสลงเสีย หากยอมก้มหัวเสียหน่อยเขาจะสิ้นชีวิตหรือเนื้อในกายจะหายไปหรืออย่างไร 

 

 

“เจ้ายังอยู่ที่นี่ก็จะกลายเป็นภาระให้แก่เขา เจ้าเองไม่ได้บอกหรือ เรายังอยู่ที่นี่เขาก็ต้องพะวงหน้าหลังจนออกมือเท้าไม่ได้ เจ้าไปแล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีก เมื่อต้องต่อกรกับฮ่องเต้ก็จะได้ต่อกรอย่างสบายใจ”  

 

 

เมื่อครู่นางพูดอย่างนี้จริงๆ หากแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องไป นางเองกลับลังเลใจไม่น้อย อวี่เหวินลู่ทนดูไม่ได้กับท่าทางโอ้เอ้ของนาง คว้านางไว้ได้ก็ออกเดินทางทันที ระหว่างที่เดินไปก็ต้องคอยมองไปรอบทิศ ระวังคนพวกนั้นจะสังเกตได้ว่าถูกหลอกแล้วจึงย้อนกลับมา  

 

 

เฉินยางเองถูกลากให้เดินออกไป อวี่เหวินลู่มองแล้วในใจคิดวิธีได้วิธีการหนึ่ง หากแต่ก็แค่คิด เกรงว่าถ้าหากพูดออกมาเขาจะไม่ยอมรับปาก หากภายหลังเฝิงเยี่ยไป๋รู้เข้าจะพาลสงสัยนางกับอวี่เหวินลู่อีกว่ามีอะไรหรือไม่ 

 

 

แต่เรื่องราวก็ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้แล้ว ตอนนี้ชีวิตนั้นสำคัญกว่าเป็นไหนๆ หากยังจะต้องมากังวลเรื่องเหล่านี้ก็ดูจะเป็นการเสแสร้งแกล้งทำไปหน่อย เมื่อเทียบกับการต้องรักษาชีวิตไว้แล้ว เข้าใจผิดเสียหน่อยจะเป็นไรไป ต่อไปนางยังมีเวลาอีกทั้งชาตินี้ในการจะอธิบายให้เขาเข้าใจ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 696 ศีรษะถูกตีจนแตก 

 

 

ขันทีสองคนที่ถูกฮ่องเต้ส่งออกไปนำตัวเฉินยางมาที่นี่ ระหว่างทางถูกตีเสียจนศีรษะแตก ตอนนี้ก็กำลังนอนอยู่ที่เดิมยังไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างไร ในส่วนของเฉินยางนั้น ตอนนี้ทหารองครักษ์กำลังไล่ตามหานางอยู่ทั้งวังหลวง ยังมีลูกชายของเฝิงเยี่ยไป๋อีก ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ภายใต้ค่ำคืนอันมืดมิดสวมใส่ชุดพรางตัวยามค่ำคืน ลักลอบแอบเข้าไปในตำหนักเย็นอย่างเงียบเชียบ ลักพาตัวเด็กไปเสีย ทหารยามที่เฝ้าประตูก็ทำเป็นแค่กินอาหารไม่ยอมรักษาการ มาพบอีกทีก็ตอนเด็กโดนลักพาตัวไปเสียแล้ว ตอนนี้ออกไปตามหาจะทันได้อย่างไรเล่า 

 

 

สุดท้ายแล้วเป็นพระองค์เองที่ดูเบาเฝิงเยี่ยไป๋ เห็นได้ชัดเลยว่าขิงแก่จึงจะเผ็ด ที่แท้ก็วางแผนไว้แต่แรกแล้ว ตั้งใจจะหลอกล่อพระองค์เล่นด้วยการอ้อมไปอ้อมมาหรือ ยังจะบอกอีกด้วยว่าไม่ได้สมคบคิดผู้อื่น ไม่ได้สมคบคิดผู้ใดแล้วเขาแยกร่างได้หรือ คนหนึ่งไปช่วยสาวงาม อีกคนไปช่วยบุตรชายหรือ 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋พอได้ยินก็สบายใจไปหลายส่วน ขอเพียงเฉินยางไม่ได้ถูกนำตัวมาอยู่ตรงหน้า นั่นก็หมายความว่านางยังปลอดภัยอยู่ ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวใด สำหรับเขานั่นคือข่าวดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว เขาเองก็จะได้กล้าต่อกรกับฮ่องเต้อย่างเต็มที่ 

 

 

ฮ่องเต้ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกวิตกแล้ว คนอยู่ใต้หนังตาตนแท้ๆ ทหารเฝ้าอยู่เยอะเพียงนี้คิดคำนวณอย่างไรก็ไม่มีคำตอบอื่น ตอนนี้มาบอกว่าหายไปก็หายไปอย่างนั้นหรือ อย่างนี้ก็เท่ากับตบพระพักตร์ฮ่องเต้ต่อหน้าผู้อื่น ทำให้พระองค์ดูแย่ต่อหน้าฝูงชน ยังมีเจียงเฟิงอะไรนี่อีก เฝิงเยี่ยไป๋รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน เขาไม่ได้อยู่ในวังหลวงเสียหน่อย รู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างในได้อย่างไร 

 

 

ตอนนี้เฝิงเยี่ยไป๋เหมือนอยู่ในคุกอย่างโดดเดี่ยว อวี่เหวินลู่อย่างน้อยก็พูดถูกอยู่หนึ่งประโยค เมื่อเฉินยางไม่อยู่เขาจะสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างราบรื่นขึ้น ขณะนี้จะทำเรื่องอะไรก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนเสียบถูกจุดอ่อน 

 

 

“ฝ่าบาทไม่สู้ลองฟังที่หมอหลวงเจียงจะพูดสักหน่อย เกี่ยวกับเรื่องการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อน กระหม่อมรู้สึกว่ามีจุดน่าสงสัยอยู่หลายแห่ง เมื่อฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพนั้น ก็เป็นท่านหมอหลวงเจียงที่ถวายการรักษา ฮ่องเต้พระองค์ก่อนป่วยหนักจนสวรรคตหรือไม่ ก็มีเพียงท่านหมอเจียงเท่านั้นที่รู้”  

 

 

การสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อน แม้ว่าจะมีข้อสงสัยมากมายนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยมาที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ทรงเป็นรัชทายาทของฮ่องเต้พระองค์ก่อน อย่างไรเสียอีกร้อยปีบัลลังก์ก็ต้องตกเป็นของพระองค์ ในบรรดาพระอนุชาก็ไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติมากพอที่จะแย่งตำแหน่งได้ พระองค์จึงเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลต้องปลงพระชนม์พระบิดามากที่สุด 

 

 

หมอหลวงเจียงไม่กล้ามองฮ่องเต้ ชำเลืองมองไปยังเซวียอิ๋นเสียหนึ่งที หางตาก็ลอบมองเฝิงเยี่ยไป๋ไปด้วย ยกมือคำนับพลางตอบ “กระหม่อมรักษาพระอาการฮ่องเต้พระองค์ก่อน ทรงบาดเจ็บที่เส้นพระโลหิตตรงพระศอ อย่างมากที่สุดก็แค่พูดไม่ได้ ไม่มีเหตุผลเลยที่จะอยู่ดีๆ จะเสียชีวิตพ่ะย่ะค่ะ 

 

 

เมื่อพูดกันถึงตรงนี้ทุกอย่างก็ประจักษ์ชัดแล้ว ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมิได้สวรรคตเพราะป่วยจนรักษาไม่ได้ แต่เพราะถูกคนลอบปลงพระชนม์ ในส่วนที่ว่าใครสังหารนั้น…ท่านหมอเจียงเฟิงปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ก็คือประสงค์จะเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ หากเป็นเช่นนี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกใครสังหารคงไม่ต้องอภิปรายอีกต่อไป 

 

 

บรรดาขุนนางเริ่มพึมพำถกเถียงกันระงม ฮ่องเต้นั้นถูกเปิดเผยท่ามกลางผู้คน ฝืนแสดงอำนาจที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดชี้หน้าหมอหลวงเจียงพลางเอ่ย “ความหมายของเจ้าคือพระบิดาข้ามิได้สวรรคตเพราะอาการประชวร แต่ถูกคนลอบสังหารใช่หรือไม่ อย่างนั้นฆาตกรที่เจ้าว่าเป็นผู้สังหารพระบิดาข้าคือใครกันเล่า”  

 

 

เจียงเฟิงนั้นอมพะนำอยู่นานมิกล้าเอ่ยพระนามฮ่องเต้ออกมา ยืนอยู่กับที่ถูนิ้วโป้งของตนไปมา ด้วยตนเองนั้นมิรู้จะรับมืออย่างไรดี 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ตบไหล่หมอหลวงเจียงสองที “ท่านหมอเจียงไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น วันนี้เหล่าขุนนางและทหารล้วนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ทั้งยังมีฮ่องเต้คอยหนุนหลังท่านอีก ขอแค่ท่านพูดออกมาดังๆ ก็ใช้ได้ ไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรท่านแน่นอน ต่อให้เป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งเพียงใดก็ตาม เกิดเรื่องเยี่ยงนี้ ก็คงต้องสอบสวนกันเสียหน่อย จะได้อธิบายให้ราษฎรรู้ชัดมิใช่หรือ”