ตอนที่ 530 คงมีเรื่องเร่งด่วนละมั้ง / ตอนที่ 531 มันก็แค่เด็กไม่มีพ่อ

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 530 คงมีเรื่องเร่งด่วนละมั้ง

 

 

เขาหยิบมือถือขึ้นมากดๆ แล้วหมุนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ทำงาน

 

 

พอเห็นว่าหัวหน้าตัวเองกำลังสนใจแต่มือถือตัวเองแล้ว หัวใจของวังชิงมันก็เต้นถี่ขึ้น จากนั้นก็พูดกับจิ้นหยวน “ถ้าท่านประธานไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”

 

 

จิ้นหยวนพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร

 

 

เขาถอนลอบถอนหายใจโล่งอก เดินไปยังประตูและกำลังจะเปิดมัน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของจิ้นหยวนดังขึ้น “เดี๋ยวก่อน”

 

 

หัวใจของเขามันเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง และแสร้งหันกลับไปด้วยความแปลกใจ “ครับท่านประธาน?”

 

 

จิ้นหยวนขมวดคิ้ว “คุณได้รับสายมือถือผมบ้างหรือเปล่า?”

 

 

เขาพยายามทำท่าว่าไม่เข้าใจ “รับสายหรือครับ? ไม่มีนะครับ มือถือของคุณไม่ได้มีสายเข้าเลย”

 

 

“อืม คุณไปเถอะ” จิ้นหยวนมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าให้เขาออกไป

 

 

เขาเดินออกประตูไปนิ่งๆ พอออกจากห้องไปแล้วก็ปิดประตูลงเบาๆ จากนั้นก็พิงตัวลงกับประตูพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 

 

“คุณเป็นอะไรไปเหรอ?” จู่ๆก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้นข้างหู ทำเอาเขาตกใจสะดุ้ง พอเปิดตาขึ้นมาก็พบว่าเป็นใบหน้าของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และนั่นก็คือเสี่ยวจ้าวเลขาที่มีอายุน้อยที่สุดของกลุ่ม

 

 

เขายืดตัวหลังตรง ใบหน้าเผยรอยยิ้มขึ้นอีกครั้ง “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ”

 

 

“หรือว่าถูกท่านประธานด่าหรือครับ?” ท่าทางของเสี่ยวจ้าวยังคงเหมือนเด็กนักเรียนที่เต็มไปด้วยความจริงใจและร่าเริง “ท่านประธานนี่น่าตาดีมากเลยนะครับ แถมยังรวยสุดๆ ก็มีแต่เรื่องอารมณ์นั่นแหละ ทุกครั้งที่ผมเห็นท่านนี่ตกใจจนแทบจะฉี่ราดกางเกงแหนะ จริงๆนะครับ คุณว่า…”

 

 

“พอแล้ว นี่มันหน้าห้องประธานนะ พูดแบบนี้ระวังเถอะท่านจะได้ยินเข้า” วังชิงที่ยังคงมีเรื่องอยู่ในใจเอ่ยบ่นขึ้นอย่างรำคาญ พูดออกไปแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เด็กหนุ่มหุบปากได้แล้ว

 

 

เด็กหนุ่มรีบยกมือขึ้นปิดปาก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

 

ใบหน้าของวังชิงยังคงยิ้ม พอกลับมาถึงที่ของตัวเอง ก็ยังอาศัยช่วงที่คนไม่ทันสังเกต แอบหยิบมือถือขึ้นมา และส่งข้อความง่ายๆข้อความหนึ่งออกไป จากนั้นก็ปิดมือถือลง และมันลงข้างๆอย่างแนบเนียน ทำให้ถึงมีคนเห็นก็คงคิดว่าเขาก็แค่หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อเท่านั้น

 

 

ไม่มีใครเห็นภาพๆนั้น

 

 

ใบหน้าของเขายังคงปกติและทำงานของตัวเองต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีแม้แต่ช่องโหว่ให้เห็น แต่ทว่า ผ่านไปแค่ไม่กี่นาที เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่าดังขึ้น พอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าเป็นจิ้นหยวนที่รีบเปิดประตูวิ่งออกไป สีหน้าดูกังวลใจไม่น้อย

 

 

 ใจเขามันหนักอึ้งไปหมด แต่กลับพบว่าจิ้นหยวนเดินตรงไปที่ลิฟต์ และลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ไม่มีคำพูดใดๆทิ้งเอาไว้สักคำ

 

 

ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้เห็นเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

 

ตามหลักแล้วถ้าหากประธานจะออกไปข้างนอกโดยที่ไม่ได้อยู่ในตารางงาน อย่างน้อยเลขาอย่างพวกเขาก็ต้องรู้รายละเอียดอะไรไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นหากมีเรื่องเร่งด่วนอะไรก็คงไม่สามารถหาตัวเขาได้ แต่ทว่าในครั้งนี้พวกเขากลับไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง พอมองหน้ากันแล้วก็เบนสายตาไปทางวังชิง

 

 

ในใจของวังชิงเองก็พอจะเดาได้ และเขาก็ไม่เผยสีหน้าใดๆออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย พอเห็นว่าพวกเขาเอาแต่จ้องมองมาที่ตน ก็ได้แต่ยักไหล่ “ไม่ต้องมองผมหรอก ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้ที่ท่านประธานคุยกับผมก็ยังดูปกติดี”

 

 

พวกเขาถึงได้ละสายตาจากเขาไป เสี่ยจ้าวคิดๆก่อนจะเอ่ยปากเดาออกมา “คงจะมีเรื่องเร่งด่วนละมั้งครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่…”

 

 

วังชิงเคาะโต๊ะ “ไม่ต้องเดาแล้ว บางทีท่านอาจจะแค่ลงไปซื้ออะไรข้างล่างก็ได้ พวกคุณก็อย่ามันคิดเรื่องอื่น รีบๆทำงานของตัวเองไปเถอะครับ”

 

 

มีพนักงานที่ทำงานที่นี่มานานที่สุดเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง แน่นอนว่าคำพูดของเขานั้นมีผลไม่น้อย กลุ่มคนหนุ่มไม่พูดอะไรออกมาอีก และก้มหน้าก้มตาของตัวเอง

 

 

 

 

ตอนที่ 531 มันก็แค่เด็กไม่มีพ่อ

 

 

เขาลอบมองคนรอบๆ พอแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครกำลังมองตนอยู่ ก็หยิบมือถือขึ้นมาแล้วกดส่งข้อความ

 

 

เขากลับไปแล้ว

 

 

ส่งเสร็จก็ปิดหน้าจอ และวางมือถือกลับไปที่เดิม

 

 

แววตาของเขามันสั่นเล็กน้อย เกิดความรู้สึกตระหนกขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก

 

 

ถ้าหากว่ามีคนเห็นละก็…เขาจะต้องตายอย่างอนาถแน่ๆ

 

 

แต่ว่ายังไงเขาก็กลับตัวไม่ได้แล้ว

 

 

เขาเม้มปากแน่นอยู่ครู่ใหญ่ เหม่ออยู่นานกว่าจะเรียกสติกลับมาและทำงานต่อได้ แต่ไม่ทันได้ระวังเลยสักนิด ว่าการกระทำของเขานั้นมันถูกใครบางคนจ้องมองมาตั้งแต่แรกแล้ว

 

 

เฉียวซือมู่นั่งลงกับเก้าอี้ สีหน้าราวกับคนขาดความมั่นใจ เธอลอบมองฉินเพ่ยหรงที่แสนสง่าโดยที่พูดอะไรไม่ออกสักอย่าง

 

 

ฉินเพ่ยหรงเองก็ไม่เร่งเร้าอะไรเธอ แต่ยังคงยืนปักหลักอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่รีบร้อนที่จะฟังคำตอบ

 

 

นานพอดูกว่าที่เฉียวซือมู่จะพูดขึ้น “คุณอย่ามาหลอกกันเสียให้ยากเลย ฉันจะไม่ไปไหน ฉันจะรอจิ้นหยวนกลับมา”

 

 

“น่าเสียดาย ฉันคงไม่ปล่อยให้เธอรอจนถึงตอนนั้นหรอก” ฉินเพ่ยหรงไม่คิดเลยว่าถึงตัวเองจะคุกคามเธอขนาดนั้นแล้วก็ยังไร้ประโยชน์ ไม่เพียงแต่สีหน้าที่ตึงกว่าเดิม แม้แต่ความอดทนสุดท้ายที่มีอยู่ก็ค่อยๆหายไปด้วย

 

 

เฉียวซือมู่ลุกขึ้นยืนและมองเธอด้วยความโมโห “คุณอย่าทำอะไรให้มันมากนักเลย ฉันบอกไปแล้วว่าฉันถูกใส่ร้าย ถ้าหากว่าจิ้นหยวนกลับมาเห็นคุณทำแบบนี้กับฉันละก็ ไม่กลัวว่าเขาจะโกรธคุณหรือไง?”

 

 

ฉินเพ่ยหรงยิ้มออกมา “ฉันว่าเขามีแต่จะขอบคุณฉันละมากกว่า”

 

 

พอเห็นรอยยิ้มของเธอแล้ว เฉียวซือมู่ก็เริ่มที่จะสังหรณ์ใจขึ้นมา “เพราะอะไร?”

 

 

“ก็เพราะว่า ที่จริงแล้วเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเขายังไงล่ะ” ฉินเพ่ยหรงมองไปยังหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา รู้สึกเกลียดความงดงามของเธอเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะใบหน้าสวยๆของเธอมันเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง ลูกชายของเธอก็คงไม่มีทางทำทุกอย่างที่ขัดแย้งต่อคนเป็นแม่ ยินยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งหญิงสาวดีๆอย่างจื่อเซี๋ยนก็ไม่สนใจ ยังไงซะวันนี้เธอก็จะต้องกระชากหน้ากากของเธอออกมาให้ได้!

 

 

เฉียวซือมู่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มเยาะ เธอส่ายหัวให้กับคนตรงหน้า “คุณรู้หรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรออกมา? คุณกำลังสงสัยในตัวหลานแท้ๆของคุณงั้นเหรอ?”

 

 

“หุบปาก ไอ้เด็กไม่มีพ่อนั่นไม่ใช่หลานของฉัน มันก็แค่เด็กไม่มีพ่อที่ไม่มีที่มาที่ไปเท่านั้นแหละ!” เธอมองเฉียวซือมู่อย่างชิงชัง สีหน้าของเธอมันทำเอาเฉียวซือมู่ชาไปทั้งตัว

 

 

เธอชี้หน้าด่าเธอ “เธอมันผู้หญิงหน้าด้าน ล่อลวงลูกชายของฉัน ขโมยข้อมูลความลับของบริษัทไปให้ชายชู้ตัวเอง แล้วนี่ยังจะยัดเยียดลูกของชายอื่นให้ลูกชายฉันอีกงั้นเหรอ? อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย! ฉันจะบอกเธอให้นะ รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้! ไปให้ไกลได้เท่าไหร่ยิ่งดี ไม่อย่างนั้นละก็ฉันจะทำให้เธอไม่ได้พบกับแสงสว่างของวันพรุ่งนี้อีกเลย!”

 

 

สีหน้าของเฉียวซือมู่แย่ลงกว่าเดิม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงที่กำลังยืนด่าสาปเธอตรงหน้านี้จะเป็นแม่ของชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจ ทั้งๆที่ในความทรงจำก่อนหน้านี้เธอก็ยังพอจะดีกับเธอแท้ๆ แต่ทว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนี้คือใครกันแน่นะ? ทำไมถึงต้อด่าเธอขนาดนี้ล่ะ? ทั้งๆที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ๆ แล้วทำไปเธอถึงจะต้องยอมอดทนพบกับเรื่องที่ไม่เป็นธรรมแบบนี้ด้วย?

 

 

สุดท้าย ในขณะที่เธอยังคงเอาแต่ด่าถ้อยคำที่แสนโหดร้ายออกมาเรื่อยๆ ความอดทนที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของเธอก็ถูกซัดจนพินาศ ขาของเธอก้าวถอยหลัง สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่แน่ใจมองไปที่เธอ

 

 

ฉินเพ่ยหรงที่เห็นท่าทางแบบนั้นของเธอ ก็ยังคิดว่าเธอคงกำลังลังเลอยู่ จึงด่าออกไปอีกครั้ง “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? หรือว่าอยากจะให้ฉันสั่งให้คนมาโยนเธอออกไป? แต่ก่อนเห็นท่าทางเธอก็ยังดูเงียบๆเรียบร้อยดีแท้ๆ แต่ตอนนี้ดูท่าว่าหน้าคงจะด้านมากเลยสินะ! แม่เธอรู้บ้างหรือเปล่าว่าตัวเองได้ให้กำเนิดลูกสาวที่ไม่รู้สึกละอายต่อบาปแบบนี้ออกมา? อ่อ ฉันลืมไป เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก ในเมื่อเธอเป็นแบบนี้ แม่ของเธอก็คงจะแย่ยิ่ง…”