ตอนที่ 532 หวังว่าคุณจะไม่มาเสียใจในภายหลัง / ตอนที่ 533 เลือดเธอไหล

เสน่ห์รักร้ายคุณบอสเพลย์บอย

ตอนที่ 532 หวังว่าคุณจะไม่มาเสียใจในภายหลัง 

 

 

“หยุดพูดได้แล้ว!” เฉียวซือมู่พูดตัดเธอขึ้นมาทันที แต่ทว่าสีหน้าของเธอในตอนนี้มันสงบลงไม่น้อยแล้ว เธอมองเธอนิ่งๆ แววตาที่มองมาทำเอาฉันเพ่ยหรงต้องหันหน้าหนี ไม่กล้าที่จะมองตรงๆ 

 

 

“ยังไงคุณก็เชื่อไปแล้วว่าฉันเป็นทำ ก็ถือเสียว่าฉันเป็นคนทำไปเลยแล้วกัน แต่ว่าแม่ของฉันไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย ดังนั้นขอคุณอย่าไปดึงแม่ฉันมาเกี่ยวอีก คุณอยากให้ฉันไปนักไม่ใช่เหรอ? อย่างนั้นฉันไปก็ได้ค่ะ แค่หวังว่าคุณคงไม่มาเสียใจในภายหลังก็แล้วกัน” 

 

 

เมื่อมองดูหญิงสาววัยกลางคนตรงหน้านี้แล้ว ในที่สุดเธอก็รู้ว่า ตัวเองคงไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเธอได้อีกต่อไป เธอจะด่าเธอเท่าไหร่ก็ได้ แต่ยังลากแม่ของเธอเข้ามาแบบนี้ จะให้เธอทนต่อไปได้ยังไง? 

 

 

เธอแบกรับความทุกข์มามากพอแล้ว เฉียวซือมู่ไม่ต้องการที่จะให้ต้องเหนื่อยอีก 

 

 

ยังไงฉินเพ่ยหรงก็ต้องการที่จะให้เธอไป งั้นก็จะไป ยังไงซะดูจากท่าทีเมื่อคืนของจิ้นหยวนแล้ว ถ้าหากว่าเขากลับมาจริงๆ ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่หยุดแม่ตัวเองก็ได้ 

 

 

ในสายตาของพวกเขา เธอมันก็แค่คนนอกคนหนึ่ง 

 

 

มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มเจ็บปวดขึ้นมา จากนั้นก็จ้องมองไปที่ฉินเพ่ยหรงด้วยความเด็ดเดี่ยว และเดินออกไปทีละก้าวๆ 

 

 

ฉินเพ่ยหรงที่เห็นเธอหันหลังเดินออกไป นาทีนั้นเธอแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เธอไปแล้วอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงง่ายนักล่ะ ไม่ใช่ว่ายืนกรานที่จะรอลูกชายเธอกลับมางั้นเหรอ? 

 

 

หรือว่าแค่หลอกให้ตายใจ? 

 

 

แต่ทว่าเฉียวซือมู่ก็เดินออกไปเงียบๆไม่แม้จะหันกลับมามอง สายตาทอดมองไปยังแผ่นหลังของเธอที่ค่อยๆเลือนหายไปจากประตู จู่ๆความรู้สึกกลัวบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ 

 

 

หรือเธอกำลังทำเกินไปหรือเปล่านะ? 

 

 

แต่พอนึกถึงเรื่องที่เจียงจื่อเซี๋ยนบอกแล้ว ใจของเธอมันก็กลับมาแข็งเหมือนเดิม ไม่ว่าเฉียวซือมู่จะทำอะไรผิดเธอก็ยังพอทำใจรับได้ แต่ทว่าเรื่องที่เธอสวมเขาให้ลูกชายเธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด และตระกูลจิ้นอย่างพวกเขาจะไม่มีทางรับเลี้ยงเด็กไม่มีพ่อ! 

 

 

และหวังว่าลูกชายของเธอจะเข้าใจ 

 

 

ใช่ไหม? 

 

 

เธอได้แต่คิดถึงเหตุผลต่างๆอยู่เงียบๆในใจ แต่กลับไม่รู้เลยว่าทำไมในใจลึกๆมันถึงได้หวาดกลัว… 

 

 

ผู้ดูแลบ้านที่เห็นทุกอย่างก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ทำไมนายท่านถึงยังไม่กลับมากันนะ ทั้งๆที่เมื่อก่อนหน้านี้เลขาคนนั้นบอกว่าจะรายงานให้แท้ๆ  

 

 

ไม่ได้แล้ว คงต้องโทรไปอีกรอบ… 

 

 

ในใจของเฉียวซือมู่มันรู้สึกเจ็บปวดไปหมด ความโกรธมันอัดแน่นอยู่ในอกของเธอ แทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว เธอค่อยๆก้าวเดินไปด้วยขาอันหนักอึ้ง ไม่ได้รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าตัวเองสวมแค่อยู่บ้านบางๆธรรมดา และสวมแค่รองเท้าสลิปเปอร์เท่านั้น  

 

 

เพราะอะไรกัน ทำไมพวกเขาถึงต้องทำกับเธอแบบนี้? ทำไมถึงไม่ให้ความไว้ใจแก่เธอเลยสักนิด? ทั้งที่เธอก็อยู่บ้านทุกวันโดยที่ไม่ได้ออกไปไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมพวกเขาถึงยังบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงหน้าด้าน ถึงกระทั่งบอกว่าลูกในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของจิ้นหยวนก็ยังพูดออกมาได้ 

 

 

น้ำตาของเธอไหลรินลงมาถึงอก จากนั้นก็หยดลงพื้น แต่เธอกลับไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ 

 

 

ตอนนี้เธอแค่อยากจะร้องออกมาดังๆ อยากจะด่า ถึงขนาดที่ว่าถ้าหากจิ้นหยวนมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอในตอนนี้ละก็ เธอก็อาจจะฆ่าเขาไปเลยด้วยซ้ำ 

 

 

แต่ทว่าตอนนี้ข้างๆเธอไม่มีใครเลยสักคน ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนรัก และไม่มีแม่ที่คอยใส่ใจเธอมาโดยตลอด… 

 

 

เธอเดินโซซัดโซเซไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน สมองที่เริ่มเลือนลางของเธอแทบจะไม่รู้สึกเลยว่าลมภูเขาได้พัดผ่านมาแล้ว ร่างกายของเธอมันค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆ ยิ่งหนาวเข้าไปทุกที และเท้าของเธอที่เหยียบลงบนก้อนหินเล็กๆจนมันเริ่มพอง  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 533 เลือดเธอไหล 

 

 

เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความคิดเพียงหนึ่งเดียวที่เธอมีในตอนนี้ก็คือ กลับไปอยู่ข้างแม่อย่างปลอดภัย เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของแม่และร้องไห้ออกมาดังๆ จากนั้นก็หลับไปสักสามวันสามคืน ไม่ต้องไปคิดเรื่องอะไร ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ให้ดีก็หลับไปโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก เพื่อที่จะได้ไปให้ไกลจากความรู้สึกที่แสนทรมานราวกับจะฉีกร่างเธออกเป็นสองส่วนนี่ 

 

 

เธอค่อยๆ ก้าวเท้าของตัวเองไปเรื่อยๆ และคิดขึ้นมาได้ทั้งๆที่สติเริ่มจะเลือนราง ดูเหมือนว่าขาของเธอมันหนักขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มที่จะก้าวไม่ออก เป็นเพราะอะไรกันนะ? 

 

 

เธอได้ยินเสียงแหลมสูงดังเข้าหู นั่นมันเสียงอะไรกัน? เธอคุ้นเสียงนี้อยู่บ้าง 

 

 

เธอจึงช้อนตาขึ้น เส้นทางข้างหน้าที่เริ่มจะเลือนรางปรากฏวัตถุสีดำบางอย่างขึ้นมา และมันก็เคลื่อนตัวมาถึงเธอย่างรวดเร็ว 

 

 

ที่แท้ก็รถคันหนึ่งนี่เอง ดีจัง…เธอได้รับความช่วยเหลือแล้ว… 

 

 

ร่างกายของเธอมันเหมือนมีคนมารั้งไว้ไม่ให้เดินต่อ ท้องน้อยก็เริ่มที่จะเย็นจนปวด ร่างของเธอเซไปเพราะเริ่มทนไม่ไหว และล้มลงไปกองกับพื้นทั้งอย่างนั้น 

 

 

ไม่ได้ ลูกของเธอ ลูกของเธอจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด… 

 

 

ก่อนที่จะสลบไป เธอพยายามยื่นมือออกไปจับอะไรสักอย่างเอาไว้ แต่กลับคว้าได้เพียงแค่อากาศ  

 

 

เหนื่อยจัง… 

 

 

นี่คือความคิดสุดท้ายก่อนที่เธอจะสลบไป 

 

 

ใครบางคนเดินลงมาจากรถ เสื้อกันลมตัวยาวสีดำ ใบหน้าที่สง่างาม เส้นโครงหน้าที่ชัดเจน ดวงตาคมจมูกโด่งเป็นสัน เป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์  

 

 

เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฉียวซือมู่ มองดูเธอที่ถึงจะสลบไปแล้วแต่คิ้วบนใบหน้าก็ยังขมวดอยู่ เป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน เขาถอนหายใจเบาๆ แล้วก้มตัวลงอุ้มเธอขึ้นมา 

 

 

คนขับรถของเขาเป็นพนักงานคนใหม่ที่เข้ามาทำงานได้ไม่นาน พอเห็นว่าเขาอุ้มผู้หญิงที่ไม่รู้จักขึ้นมา ก็ตกใจจนเสียงหลง “เจ้านาย…” 

 

 

เขากวาดตามองเล็กน้อย คนขับรถก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก 

 

 

“ออกรถ” 

 

 

“ครับ!” 

 

 

เขาค่อยๆ เกลี่ยปอยผมที่ปรกอยู่บนหน้าของเธอออก จากนั้นก็เอ่ยขึ้นเบาๆ “ในที่สุดคุณก็มาอยู่ในอ้อมกอดของผมแล้ว” 

 

 

คนขับรถที่นั่งอยู่ข้างหน้าได้ยินแบบนั้นก็สะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ในใจกำลังรู้สึกร้อนรนสุดๆ 

 

 

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? 

 

 

มันน่าแปลกใจตั้งแต่เจ้านายของตนบอกให้ขับรถมาที่นี่แล้ว ตอนนั้นเขายังพูดอยู่เลยว่าแถวนี้เป็นถิ่นของพวกศัตรู มาที่นี่ก็ไม่ใช่ว่ามาทะเลาะกันเหรอ? แต่ใครจะไปคิดว่าเขาอุ้มหญิงสาวขึ้นมาจากข้างทางแบบนี้? แต่สิ่งที่ได้ยินจากปากของเจ้านายนั่นหรือว่าจะมีจุดประสงค์อื่นกันนะ? 

 

 

ตนรู้สึกว่าสมองของตัวเองเริ่มที่จะใช้การไม่ได้เสียแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มพูดจบประโยคนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก 

 

 

รถได้เดินทางมาถึงยังจุดหมายปลายทางอย่างราบรื่น เขาก้มตัวลงอุ้มเฉียวซือมู่ลงจากรถ พร้อมที่จะพาเธอไปยังห้องที่ได้เตรียมการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าตอนที่มือของเขาสัมผัสร่างกายของเธอ กลับพบว่าบนฝ่ามือเหมือนสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง 

 

 

หัวใจของเขาเต้นแรง ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมา 

 

 

เขาเลื่อนมือออกมาดู มือที่เต็มไปด้วยสีแดงสดเด่นชัดอยู่ในตาของเขา  

 

 

“เรียกหมอมา! เร็ว!” 

 

 

คฤหาสน์ที่เงียบสงบวุ่นวายขึ้นมาทันที เพียงแค่ไม่กี่วินาทีคนรับใช้และบอดี้การ์ดมากมายก็เรียงแถมวิ่งเข้ามา เขาอุ้มเธอและพุ่งตัวไปที่ห้องโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น เขาวางเธอลงบนเตียง และหมอก็มาถึงพอดี 

 

 

เขาลุกขึ้นยืน สีหน้าที่ดูตื่นตระหนกในก่อนหน้านี้กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม แต่ถ้ามองดีๆ แล้วละก็จะรู้ได้ทันทีว่าเขาก็แค่พยายามไม่เผยความตกใจออกมาให้เห็น 

 

 

“เธอเลือดออก” ต่อหน้าสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของหมอ เขาพูดออกไปสามคำ 

 

 

หมอพยักหน้า และหยิบเครื่องมืออุปกรณ์ขึ้นมา และเริ่มทำการตรวจร่างกายของเฉียวซือมู่ 

 

 

ใจที่กำลังตื่นตระหนกยังคงสั่นไม่หาย ยิ่งได้เห็นอุปกรณ์ต่างๆ จที่มันและเริ่มทำการตรวจร่างการที่เคลื่อนไหวอยู่บนร่างของเธอ ความกระวนกระวายใจก็ยิ่งผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่