EG บทที่ 647 หัวขโมยในซุปเปอร์มาร์เก็ต 1

 

“คุณจ้าว! ที่คุณเรียกผมมาในวันนี้เพราะมีเรื่องที่ไม่สามารถตัดสินใจได้งั้นหรือครับ?”

เฝิงหยู่เดินทางมายังสำนักงานใหญ่ของไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตในสาขาปักกิ่ง

“ผู้จัดการเฝิงครับ! มีคนขโมยของในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา”

มีขโมยในซุปเปอร์มาร์เก็ตงั้นหรือ? มันไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง? เรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วโลกนี่นา

หัวขโมยบางคนก็ถูกความจำเป็นบังคับและไม่มีทางเลือกอื่น บางคนก็ต้องการหาเงินด้วยวิธีการง่ายๆ การขโมยของในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะสามารถประทังชีวิตพวกเขาไปได้อีกหลายวัน

“สรุปว่ามีขโมยในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราสินะ?”

“เราสามารถจับหนึ่งในนั้นได้ครับ”

“ก็จับพวกเขาส่งตำรวจสิครับ คุณยังต้องการให้ผมทำอะไรอีก?”

เฝิงหยู่รู้สึกงุนงง นี่ผู้จัดการซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่รู้แม้แต่วิธีเบื้องต้นที่จะจัดการกับปัญหาแบบนี้ได้หรือนี่?

“การจับพวกเขาส่งให้ตำรวจถือเป็นขั้นตอนปกติที่เราต้องทำครับ มันคือสิ่งที่เราทำได้ในฮ่องกงแต่สำหรับที่นี่กลับต่างออกไป!จากการที่ผมสอบถามคนในท้องที่แล้ว พวกเขาต่างบอกว่าแม้ว่าเราจะส่งตัวหัวขโมยเหล่านั้นให้แก่ตำรวจมันก็เป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ พวกเขาจะได้รับการปล่อยตัวหลังจากผ่านไปแค่หนึ่งคืนและพวกเขาจะกลับมาพร้อมพรรคพวกอีกจำนวนมากเพื่อขโมยสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา!”

ผู้จัดการจ้าวเอ่ยรายงานอย่างหงุดหงิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

ให้ตายเถอะ! หัวขโมยพวกนี้ทำงานกันเป็นทีม!

แต่นี้คือสิ่งที่กฎหมายกำหนดไว้ ผู้ที่ไม่มีประวัติอาชญากรรมและทำการโจรกรรมจำนวนหลายครั้งจะถูกปรับและนอนในห้องขังเพียง1-2 คืนเท่านั้น พวกมันพากันขโมยเงินไปใช้และพากันไม่ยอมเสียเงินค่าปรับ! สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกมา!

ทางเดียวที่เหลืออยู่สำหรับไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตคือต้องคุมตัวหัวขโมยเอาไว้เอง ผู้จัดการจ้าวคนนี้ไม่ต้องการส่งตัวหัวขโมยให้กับตำรวจสินะ?

“แล้วคุณต้องการให้ผมทำอะไร?”

“เราจะสอบปากคำมันเอง!”

ผู้จัดการจ้าวมองไปที่เฝิงหยู่และเอ่ยตอบ

สอบปากคำด้วยตัวเอง? นี่หมายความว่าพวกรปภ.กำลังสอบปากคำหัวขโมยอยู่งั้นหรือ? มันเกิดขึ้นในซุปเปอร์มาร์เก็ตของฉันจริงๆหรือนี่?

“เราไม่มีอำนาจที่จะสอบปากคำแบบนั้นได้ คุณก็รู้เรื่องนี้ดีนี่!”

เฝิงหยู่ชักสีหน้าไม่พอใจ

“พวกเขาพยายามขโมยของในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรานะครับ ทำไมเราจะสอบปากคำพวกเขาไม่ได้!? แล้วคุณคิดว่าพวกเขาจะกล้าเอาเรื่องที่เราทำไปแจ้งกับตำรวจอย่างนั้นหรือ?”

ผู้จัดการจ้าวเอ่ยตอบอย่างโกรธจัด

ใช่มั้ยล่ะ? พวกหัวขโมยจะต้องคิดแบบนั้นใช่มั้ย? ถูกแล้ว! พวกขโมยจะไม่ไปแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจ พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองจากตำรวจเป็นพิเศษหากพวกเขามีเรื่องที่ต้องพึ่งพากันแต่ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติที่ไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกันแล้วล่ะก็? พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงจากตำรวจจนสุดความสามารถ

“ก็ได้! ทำในสิ่งที่คุณต้องการเถอะแต่อย่าสร้างปัญหาแล้วกัน อย่าให้มันทำลายชื่อเสียงซุปเปอร์มาร์เก็ตของเรา หากคุณไม่มั่นใจก็ปล่อยให้มันเป็นหน้าที่ของตำรวจซะไม่ต้องเอาตัวเข้าไปยุ่ง ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปจะมีใครอยากเข้ามาช็อปปิ้งในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราล่ะ?”

“ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไร เรากำลังจะสอบปากคำหัวขโมยรายนั้นแล้ว คุณอยากไปดูหรือเปล่า?”

สอบปากคำงั้นหรือ? ตลอดชีวิตของเฝิงหยู่ไม่เคยเห็นการสอบปากคำแบบนั้นมาก่อน แม้ว่ามันจะเป็นการสอบปากคำแบบไม่เป็นทางการไม่ใช่สิ่งที่ตำรวจทำกันจริงๆแต่เฝิงหยู่ก็ยังอยากเห็นอยู่ดี

“หัวขโมยนั่นอยู่ที่ไหนล่ะ?”

ไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตได้จ้างอดีตทหารมารับหน้าที่เป็นยามรักษาความปลอดภัย พวกเขาเพิ่งปลดประจำการจากกองทัพและต่างมีฝีมือในการต่อสู้

“รปภ.ของเราได้สู้กับหัวขโมยคนนั้นมั้ย? ”

เฝิงหยู่เอ่ยถามทันที หากรปภ.พวกนั้นทำร้ายร่างกายหัวขโมยจริง ทางซุปเปอร์มาร์เก็ตก็อาจต้องเสียค่าทำขวัญให้

“เปล่าครับ เอ่อ คือว่าหัวขโมยคนนั้นเป็นผู้หญิง”

ผู้หญิง? ทำถูกแล้วล่ะ! รปภ.เหล่านั้นไม่ควรทำร้ายผู้หญิง

“ไปกันเถอะ! รปภ.กำลังจะค้นตัวเธอใช่มั้ย?”

เฝิงหยู่ถามอีกครั้ง

ในชีวิตที่ผ่านมาของเฝิงหยู่เคยได้ดูหนังญี่ปุ่นเรื่อง ‘แอคชั่น’ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหัวขโมยหญิงที่ถูกจับกุมจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวน 3 นายและพวกเขาได้ทำการค้นตัวเธอ มันเป็นหนังที่น่าตื่นเต้นเพราะร้านที่เธอพยายามขโมยของนั้นเป็นร้าน เอ่อ….ร้านเซ็กส์ทอย!

“ผู้จัดการเฝิง! ผู้จัดการจ้าว!”

ผู้จัดการจ้าวพยักหน้ารับและเอ่ยถามรปภ.ออกไป

“เธอยอมรับหรือเปล่า?”

“ไม่ครับ! เธอยืนยันว่าเธอบริสุทธิ์ เธอไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้นแต่ผู้ช่วยคลังสินค้าของเรายืนยันว่าเห็นเธอจับสินค้าบางอย่างและหลังจากที่เธอเดินออกไป สินค้าชิ้นนั้นก็หายไป ผมเชื่อว่าสินค้าชิ้นนั้นยังอยู่ในตัวเธอ!”

รปภ.นายหนึ่งชี้ไปยังผู้หญิงอ้วนทันที

“ฉันไม่ได้ขโมยอะไรทั้งนั้น! พวกคุณกำลังใส่ร้ายฉัน!”

ผู้หญิงอ้วนตะโกนออกมาทันที

เฝิงหยู่จ้องไปที่ผู้หญิงอ้วน ตาของเธอกระพริบถี่ๆและกวาดสายตาไปมองรอบๆอย่างประหม่า ถ้าเธอบริสุทธิ์จริง ท่าทางของเธอจะไม่เป็นแบบนี้ ข้อสงสัยที่รปภ.บอกนั้นเป็นจริง ผู้หญิงคนนี้ต้องทำผิดอย่างแน่นอน

มีบางอย่างผิดปกติ อากาศตอนนี้ร้อนอบอ้าว แม้ว่าชาวจีนในสมัยนี้จะไม่ได้หัวสมัยใหม่แต่ไม่มีใครที่จะมาใส่ชุดคลุมปิดมิดชิดในสภาพอากาศเช่นนี้อย่างแน่นอน อย่างมากที่สุดก็จะใส่เพียงเสื้อแขนยาว เท่านั้น อีกอย่างผู้หญิงคนนี้ยังสวมกระโปรงยาวไปถึงเท้า การแต่งตัวของเธอแปลกเกินไป ไม่น่าแปลกใจที่ผู้ช่วยคลังสินค้าจะนึกสงสัยเธอ

เฝิงหยู่จำรายงานข่าวเมื่อชีวิตก่อนของเขาได้ หัวขโมยใช้เวลาน้อยกว่า 1 วินาทีในการซ่อนน้ำอัดลมไว้ระหว่างขาอ่อนของเธอก่อนจะเดินออกจากร้านไปตามปกติ

หลังจากข่าวนี้ถูกรายงานออกไปก็มีหัวขโมยอีกหลายรายที่พยายามจะเลียนแบบเธอแต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมได้เพราะมีกล้องวงจรปิดติดทั่วซุปเปอร์มาร์เก็ต

เฝิงหยู่เคยคิดเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิดเช่นกันเมื่อครั้งที่จะเปิดตัวซุปเปอร์มาร์เก็ตแม้ว่ากล้องจะไม่ชัดและมีราคาแพงก็ตาม แต่ชาวจีนสมัยนี้ก็ไม่ชอบกล้องวงจรปิด เฝิงหยู่ได้ยินข่าวลือเมื่อครั้งชีวิตก่อนของเขาว่าที่วอลมาร์ทแพ้คาร์ฟูร์ก็เพราะกล้องวงจรปิด เป็นเพราะวอลมาร์ทติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วซุปเปอร์มาร์เก็ตแต่คาร์ฟูร์มไม่ได้ทำเช่นนั้น

แม้ข่าวลือนี้อาจฟังดูไร้สาระแต่มันก็ดูสมเหตุสมผลเช่นกัน เฝิงหยู่มั่นใจว่าถ้าเขาประกาศไปทั่วว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตของเขามีเจ้าหน้าที่รปภ.สังเกตการณ์ลูกค้าทั้งหมดผ่านกล้องวงจรปิดแล้วล่ะก็? มันจะทำให้ลูกค้ารู้สึกอึดอัดและไม่ต้องการซื้อของที่นี่อีกต่อไป

สิ่งนี้จะต้องรอไปอีก 8-10 ปี เมื่อผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับกล้องวงจรปิดและเข้าใจในการทำงานของมัน พวกเขาก็จะเข้าใจว่ารปภ.ไมได้จ้องหน้าจอเพื่อจับตาดูพวกเขาตลอดเวลา หากถึงเวลานั้นแล้วที่ไหนไม่มีกล้องวงจรปิดจะเป็นสิ่งที่แปลกไปทันที

ตอนนี้ไท้หัวซุปเปอร์มารเก็ตไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดและไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าหญิงอ้วนรายนี้ขโมยของจากซุปเปอร์มาร์เก็ตจริงหรือไม่? การค้นตัวเธอจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะเอาผิดเธอได้ เฝิงหยู่มั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้ต้องซ่อนสินค้าไว้ในตัวเธอแน่ๆ

“คุณบอกว่าคุณบริสุทธิ์งั้นหรือครับ? ดี! ผมแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจแล้วและพวกเขาจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงมา หลังจากนั้นพวกเธอจะค้นตัวคุณแล้วเราจะรู้กันว่าคุณบริสุทธิ์จริงๆอย่างที่คุณว่าหรือเปล่า”

เฝิงหยู่เอ่ยเสียงเรียบ ในขณะที่ผู้จัดการจ้าวก็เอ่ยสำทับทันที

“หากเรากล่าวหาคุณผิดไปจริงๆ เราก็ยินดีชดใช้ค่าเสียหายให้แต่ถ้าคุณขโมยของไปจริงๆแล้วไม่ยอมรับ ก็อย่ามาโทษว่าเราใจร้ายแล้วกัน!”

สีหน้าของหญิงอ้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“พวกคุณมากล่าวหาฉันแบบนี้ได้ยังไง? พวกคุณไม่ใช่ตำรวจสักหน่อย! ปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้! ฉันต้องการที่ออกไปจากที่นี่!”

เจ้าหน้าที่รปภ.รีบก้าวไปล็อกตัวเธอไว้ทันทีเมื่อเธอตั้งท่าจะวิ่งหนี

“ก่อนที่ตำรวจจะเดินทางมาถึง คุณไม่มีสิทธิ์ออกไปไหนได้ทั้งนั้น! อย่างที่ผมบอกไปแล้วถ้าเรากล่าวหาคุณผิดไป เรายินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้! ผมจะให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่คุณ รีบสารภาพมาซะว่าคุณขโมยของเราไปจริงๆและคืนมันมาให้หมด แล้วก็บอกพรรคพวกของคุณให้อยู่ห่างจากไท้หัวซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราซะ!”

ผู้จัดการจ้าวกล่าวเสียงแข็ง

เฝิงหยู่เข้าใจในทันทีว่าทำไมผู้จัดการจ้าวจึงคุมตัวเธอไว้เพื่อสอบปากคำด้วยตัวเอง