พระราชวังใต้ที่ว่างเปล่าไปครึ่งหนึ่งกำลังวิ่งวุ่นเตรียมพร้อมที่จะปล่อยให้อีกครึ่งหนึ่งว่างเช่นเดียวกัน มือที่ใสสะอาดไม่รีรอแม้แต่นิดที่จะหยิบจับสิ่งของไปไว้ในที่ของตน ยอมินจัดเก็บสิ่งของอย่างสงบนิ่ง
“ฮึก ฮึก…”
กลายเป็นโบจินที่ช่วยยอมินอยู่นั้นกลับหยุดร้องไห้ไม่ได้เสียเอง โบจินที่สะอึกสะอื้นไปพลางทำความสะอาดที่พักตามเจ้านายของตนไปพลาง ไม่สามารถทนต่อความโศกเศร้าได้ จึงระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาในที่สุด ยอมินที่เพิกเฉยต่อโบจินที่สะอึกสะอื้น ก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกต่อไปไม่ได้แล้ว
“เจ้าร้องไห้ทำไมหรือ”
“หม่อมฉันเสียใจเพราะมันช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย พระชายาเหตุใดถึงยังทรงนิ่งอยู่ได้เพคะ”
“พูดถึงอะไรกัน”
ยอมินตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางสะบัดเอาของออกจากลิ้นชักใบหนึ่ง เสื้อผ้าหลากชิ้นที่อยู่ในนั้นทั้งหมดจะถูกส่งไปยังห้องตัดเย็บและห้องซักรีด นางได้ขอให้พวกเขาจัดการกันเอง โบจินร้องไห้อย่างหนักและคว่ำหน้าลงกับตะกร้า ในตะกร้าที่ถูกวางไว้ที่พื้นเต็มไปด้วยของมีค่ามากมายของพระตำหนักนัมบี ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับและเสื้อผ้าต่างๆ โบจินร้องไห้คร่ำครวญพลางคุ้ยเสื้อผ้าที่อยู่ในตะกร้าเข้ามากอด
“เอาทุกอย่างไปด้วยเสียยังดีกว่าเพคะ ทั้งเพชรพลอย ทั้งผ้าแพร ทรงจะทิ้งทุกอย่างไปโดยไม่พกของมีค่าหรือสมบัติอะไรไปเลยหรือเพคะ”
“เข้ามามือเปล่า เราก็ควรออกไปมือเปล่า”
“ไม่สิเพคะ พระชายาควรจะได้รับสิ่งชดเชยสำหรับเวลาที่เสียไปจากการติดอยู่ในพระราชวังที่เปรียบเสมือนคุกนี้”
“สิ่งชดเชยอย่างนั้นหรือ”
มือของยอมินที่เก็บของอยู่อย่างติดเป็นนิสัยหยุดชะงักลง รอยยิ้มจางๆ ปรากฎบนริมฝีปากของนางรวดเร็วพอๆ กับที่มันจางหายไป
“ไม่หรอก นี่คือบทลงโทษที่ข้าโลภอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของเราตั้งแต่แรก”
“พระชายา…พระชายาทรงเป็นพระชายาฮวางเซจาไม่ใช่หรือเพคะ คนที่โลภอยากได้ตำแหน่งที่ไม่ใช่ของตนไม่ใช่พระชายา…แต่เป็นพระชายาฮวางแทจาต่างหากเพคะ!”
“โบจิน”
ยอมินส่งเสียงดุโบจิน โบจินที่กล้าก้าวร้าวออกมาอย่างไม่เกรงใจเพราะความโกรธแค้นสะดุ้งตกใจ แต่นางก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
“พระชายา…เหตุใดถึงได้ยอมถอยออกมาแบบนี้เพคะ เหตุใดถึงยอมรับง่ายๆ เช่นนี้ ทรงยอมปล่อยพระสวามีไปง่ายๆ แล้วตอนนี้ยังเสียตำแหน่งในพระราชวังไปอีก…”
“…มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
เสียงที่แห้งผากของยอมินกลับช่วยปลอบโยนโบจิน ปฏิกิริยาของยอมินที่ไม่แม้แต่จะโกรธเคืองคำพูดที่ก้าวร้าวของตน ยิ่งทำให้โบจินร้องไห้หนักขึ้นไปอีก ความว่างเปล่าของยอมินที่ไม่คาดหวังและไม่มีความโลภนั้นมันช่างน่าหวาดวิตก โบจินคลานเข่าเข้าไปหายอมินพลางร้องไห้คร่ำครวญจับชายกระโปรงของนางเอาไว้
“มันจะไม่สำคัญได้อย่างไรเพคะ สูญเสียทุกอย่างที่มี…และกำลังจะจากไปเพียงลำพัง…”
“สำหรับยอมิน ไม่สิ…สำหรับข้ายังมีเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ”
นางสละตำแหน่งของพระชายาฮวางเซจา ทิ้งนามแต่งตั้งยอมิน นางได้กลับไปแทนตนเองว่า ‘ข้า’ อีกครั้ง มือเรียวของยอมินลูบผมของโบจินอย่างเบามือ โบจินแหงนหน้ามองยอมินด้วยดวงตาที่เปียกชื้น
“ในวังที่ไม่มีอะไรเป็นของข้า ในที่ที่เงียบเหงาแห่งนี้ อย่างน้อยก็มีเจ้าคอยอยู่เคียงข้างกัน ให้ข้าพอได้หายใจหายคอบ้าง”
“…พระชายา…”
“ถ้าเพียงเจ้าเห็นชอบ ข้าอยากชวนเจ้าออกไปจากที่นี่ด้วยกัน”
ออกจากวังใต้ ออกจากพระราชวังแห่งนี้ นี่เป็นความปรารถนาแรกและสุดท้ายของยอมิน
โบจินขยี้ขอบตาที่แดงขึ้นจากการร้องไห้ นางยิ้มสดใสพลางจับมือที่ยื่นมาของยอมินไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากที่เตรียมการออกจากวังเสร็จสิ้นอย่างเงียบๆ แล้ว ในท้ายที่สุดยอมินได้ไปที่วังตะวันออก ที่ที่นางจะมุ่งหน้าไปคือตำหนักดงบิน ไม่แม้แต่จะกังวลกับความมืดมิดของยามดึก และไม่แม้แต่จะเรียกหาซังกุง เมื่อเห็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่ามีคนอยู่ ยอมินมุ่งหน้าไปทางด้านหลังของตำหนักดงบินอย่างไม่ลังเล
“เรารู้อยู่แล้วว่าท่านยังไม่เข้านอน”
ฝั่งตรงข้ามที่ตกใจกับคำพูดที่ส่งมาท่ามกลางความมืดเหลียวหลังมอง ร่างผอมแห้งของกโยยองกำลังเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่ที่สวนหลังวัง
“…ทำไมพระชายาฮวางเซจาถึงทรงมาอยู่ที่นี่ได้…”
เพียะ!
ก่อนที่คำถามแผ่วเบานั้นจะจบลง ฝ่ามือที่แสบร้อนก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ยอมินยังคงมีใบหน้าที่นิ่งสงบ หากไม่ใช่เพราะฝ่ามือที่กางออกอย่างแน่วแน่ กับใบหน้าของกโยยองที่หันไปตามแรงตบ ไหนจะแก้มที่แดงและร้อนผ่าวขึ้น คงไม่มีใครรู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดเหตุอันใดขึ้น เพราะสีหน้าของยอมินไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิด
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวังตะวันออกก็ควรจะอยู่แค่ในวังตะวันออก ทรงทำตัวน่าสมเพช คิดที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อวังตะวันตกหรือ”
“…เหตุใด”
“เราจะไม่ถาม เพราะฉะนั้นพระชายารองฮวางแทจาเองก็อย่าถามเช่นกัน”
ยอมินพูดตัดบทคำพูดของกโยยองอย่างเฉียบขาด นางยังคงเป็นยอมินที่สงบเงียบ อย่างไรก็ตามคนเดียวที่ทำให้นางไม่สามารถควบคุมความโกรธได้คือกโยยอง ก่อนที่จะออกเดินทางถึงได้ไม่พลาดที่จะไปตำหนักดงบิน
มันแน่นอนอยู่แล้ว การที่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างลับๆ มาหลายปีได้ถูกเปิดเผยขึ้นมานั้น ยอมินแน่ใจได้จากการเห็นปฏิกิริยาของกโยยองในที่ประชุม ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ตัวนางนั้นต้องอดกลั้นปิดบังความลับนั้นไว้คนเดียวมาตลอด หากแต่เพราะคนปากพล่อยที่โง่เขลาเพียงคนเดียว จึงทำให้เวลาที่นางรักษามาอย่างยาวนานต้องพังทลายลง
“เรากำลังจะจากไปแล้ว พระชายารองฮวางแทจานั้นก็ทรงอยู่เฝ้าพระราชวังไปจนถึงที่สุดเถิด ทรงหวังไว้เช่นนั้นก็ขอให้ได้อยู่เคียงข้างฝ่าพระบาทฮวางแทจาไปตลอดเถิด”
“…หม่อมฉัน”
“อยู่ไปตลอดเถิด” ยอมินไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้กโยยองได้โต้แย้ง “เช่นเดียวกับที่คอยอยู่เคียงข้างฝ่าพระบาทฮวางแทจา ก็ทรงอยู่เคียงข้างลูกของเขาด้วยแล้วกัน”
คำพูดของยอมินดังขึ้นอย่างหนักแน่น กโยยองถลึงตาออกมาทันที
“มารดาของเด็กถูกขับไล่ออกไปด้วยน้ำมือพระชายารองฮวางแทจาก็ขอให้ทรงแทนที่ตำแหน่งนั้นด้วย”
กโยยองคอตก ยอมินที่ส่งสายตาตำหนิมาให้ ช่างเสียดแทงใจนางนัก ยอมินมองไปที่กโยยองอยู่นานสองนาน กโยยองไม่อาจหลีกหนีออกไปได้
“โง่เขลาจนท้ายที่สุดเลยสินะ”
ยอมินยิ้มเยาะตัวเองเบาๆ ตัดสินใจที่จะทิ้งตำแหน่งพระชายาฮวางเซจา แต่สิ่งนี้กลับเป็นสิ่งสุดท้ายที่ตนทำในฐานะพระชายาฮวางเซจา คนที่ถูกเขาเบือนหน้าหนี กลับไปสอดรู้สอดเห็นเป็นห่วงเป็นใยเลี้ยงลูกของเขา ก้าวเดินที่เดินกลับไปยังพระราชวังใต้โซซัดโซเซอย่างน่าเวทนา
“นี่คง…เป็นครั้งสุดท้าย”
มันเป็นก้าวสุดท้ายที่จะมุ่งหน้าไปยังพระราชวังใต้
นางไม่เคยคาดหวังหัวใจของเขา ได้เพียงแต่เฝ้ามองเขาเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ตนสามารถทำได้อีกแล้ว ได้เพียงแค่ภาวนาเงียบๆ ขอให้เขาสุขสบายดี