แกร๊ก แอ๊ด
หลังจากเสียงหมุนล็อคแม่กุญแจเก่าดังขึ้น ประตูไม้บานแข็งที่ถูกปิดไว้แน่นสนิทก็เปิดออก บานพับประตูที่ถูกทำจากเหล็กส่งเสียงเสียดแหลมออกมา
ห้องขังได้ถูกเปิดออกแล้ว
“…ฝ่าพระบาทฮวางแทจา?”
รูแฮขานเรียกบีพาอันด้วยความกังขา เขาโอบไหล่ของกโยซึลไว้ราวกับพยายามจะปกป้องนาง สายตาที่กระสับกระส่ายของทั้งรูแฮและกโยซึลพุ่งตรงไปที่บีพาอันในเวลาเดียวกัน แต่กระนั้นบีพาอันก็ไม่ได้ขยับตัว เขาเพียงยืนนิ่งหลังจากเปิดห้องขังออก มีเพียงกุญแจดอกเก่าที่แขวนอยู่ที่ปลายนิ้วของเขาเท่านั้นที่แกว่งไปมาอย่างไม่ดูสถานการณ์ มันเป็นความเงียบงันที่ไม่อาจคาดเดาจุดประสงค์ได้ ไม่มีใครขยับตัว บานประตูไม้แข็งถูกเปิดออกกว้าง ระยะห่างระหว่างทั้งสามยังคงห่างไกล ราวกับประตูไม้ขวางกั้นพวกเขาเอาไว้
บีพาอันที่ทอดสายตาท่าทีระแวดระวังของกโยซึลกับรูแฮ พูดออกมาด้วยเสียงที่ขุ่นมัว
“เราได้ขอให้ปล่อยตัวชายาและรูแฮแล้ว ถึงกระนั้นองค์จักรพรรดิได้ทรงรับสั่งให้คงการลงโทษต่อไป”
“…ขอบพระ…”
“เราไม่ได้ช่วยท่านเพราะอยากฟังคำขอบคุณ”
คำขอบคุณที่พูดออกไปเพราะหาคำพูดอื่นไม่ได้ถูกตัดฉับด้วยเสียงคมเข้ม กโยซึลหยุดชะงักพร้อมปิดปากสนิท บีพาอันที่เห็นปฏิกิริยานั้นของกโยซึลกัดปากของตน ริมฝีปากด้านในเกร็งแน่น
“โทษที่องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้เราดำเนินการ ความจริงแล้วคือแผนของพระองค์ที่อยากให้เราหลบสายตาชาววังคนอื่นๆ และสั่งลงโทษตามที่เราปรารถนา”
กโยซึลและรูแฮต่างแหงนหน้ามองบีพาอันด้วยสายตาตื่นตระหนก บีพาอันไม่ได้สบสายตากลับ เขาพูดพลางมองไปที่ทั้งสอง ไม่สิ เขาพูดพลางมองไปที่กโยซึล หากแต่บีพาอันกลับมองตรงไปยังความว่างเปล่ากลางอากาศ
ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถมองหน้ากโยซึลได้
ไม่มีความกล้ามากพอ
ที่จะมองนาง
“การประกาศปล่อยตัวชายาและรูแฮกลางท้องพระโรงนั้น เปรียบเสมือนการสั่นคลอนความมั่นคงของกฎแห่งพระราชวังด้วยน้ำมือขององค์จักรพรรดิเอง ณ ที่นั้น มีหูตามากมาย ฝ่าพระบาทที่ทรงคาดหวังอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของมกกุกทรงไม่สามารถทำเยี่ยงนั้นได้ ฝ่าพระบาททรงสั่งลงโทษประหาร หากแต่ก็ทรงรับสั่งให้เราช่วยชายาและรูแฮให้หลบหนีไป”
แม้น้ำเสียงที่พูดออกมาช้าๆ นั้นจะเยือกเย็น แต่ทั้งกโยซึลและรูแฮกลับซาบซึ้งในคำพูดของบีพาอันจนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร
รอดตายแล้ว
จะหนีไปได้อย่างที่ต้องการ
ด้วยกันทั้งสองคน
วันพรุ่งนี้จะกลายเป็นอนาคตข้างหน้าที่เราจะได้ใช้ร่วมกัน
หัวใจเต้นตึกตัก มือทั้งสองข้างของกโยซึลและรูแฮบีบกันจนแน่น พวกเขาลืมสิ่งรอบตัวจนหมดสิ้น ได้แต่มองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง โดยไม่รับรู้ถึงอีกหนึ่งสายตาที่ทอดมองพวกเขาที่ส่งสายตาหากันไปมาอย่างลึกซึ้ง บีพาอันที่มองคู่รักที่แม้ประตูจะเปิดออกแล้วก็ยังไม่สามารถออกมาได้ พร้อมกับโยนห่อผ้าที่ถือไว้ในมือไปยังข้างหน้าทั้งสอง ห่าผ้าเล็กๆ หล่นลงอย่างแรง
“เพชรพลอยมากมายนี้จะช่วยให้ท่านเที่ยวเล่นกินเล่นอย่างฟู่ฟ่าสบายๆ ไปได้ทั้งชีวิต”
บีพาอันช่างพูดกว่าปกติ วันนี้ถือเป็นวันที่เขาพูดเยอะที่สุดต่อหน้ากโยซึลก็ว่าได้ หลังจากสังเกตุคนทั้งสองที่ยังงุนงงไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนอยู่ครู่หนึ่ง บีพาอันก็หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าพระบาท!”
ตึก
บีพาอันตั้งใจที่จะเดินจากไปตอนที่ทั้งครู่ยังคงมึนงงอยู่ เขาหยุดก้าวเดินทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องเรียกตนเอง เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังใกล้เข้ามา ตามด้วยมือคู่เล็กที่ทาบไว้กับแผ่นหลัง กโยซึลที่จับปกเสื้อของบีพาอันไว้พูดออกมาอย่างระมัดระวัง
“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันขออภัยจริงๆ หม่อมฉันมายังมกกุกในฐานะชายาของฝ่าพระบาท…แต่กลับต้องจากไปเพราะกระทำความผิดอันใหญ่หลวง เหตุใดถึงยังทรงปล่อยกันไปง่ายๆ เช่นนี้…”
เสี่ยงที่สั่นไหวส่งเสียงร้องไห้ออกมา และไม่สามารถจบประโยคได้ในตอนท้าย บีพาอันไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง เขายังคงหันหลังให้กโยซึล ยังคงมองไปยังทางเดินในคุกที่มืดมิด
“ที่ปล่อยไปมีเพียงแค่ชายาและรูแฮเท่านั้น แทฮวางซน โดฮวาน ดัมกังนั้นจะอยู่เคียงข้างเรา จะเติบใหญ่จากฮวางแทซนไปเป็นฮวางแทจาและเป็นจักรพรรดิในที่สุด”
ดัมกัง
กโยซึลเจ็บปวดจนแทบขาดใจ แต่ถึงอย่างนั้นตนก็ไม่สามารถพาลูกไปด้วยได้ ไม่มีความกล้ามากพอที่จะพาลูกไปด้วย ความเมตตาปราณีที่เขาหยิบยื่นให้กันนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะดันทุรังขอลูกมาด้วยอีกคน เด็กต้องไม่รอดชีวิตแน่ หากไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นเขาเป็นสายเลือดของบีพาอัน
“…ได้โปรดดูแลดัมกัง…”
กโยซึลคิดไปเองหรือไม่ว่าได้ยินเสียงหัวเราะฮึ บีพาอันที่ส่ายหัวเบาๆ ก้าวเดินออกจากคุกไป รูแฮเข้ามาประชิดตัวกโยซึลที่ยืนมองแผ่นหลังของเขาอยู่อย่างเหม่อลอย รูแฮยกมือขึ้นโอบไหล่ของนางช้าๆ
“กโยซึล ไม่สิ อูรึม รีบไปกันเถอะ”
อูรึม ชื่อเดิมของกโยซึลที่นางเองก็ลืมไปนานแล้ว ตอนนี้กโยซึลที่ทอดทิ้งตำแหน่งชายาฮวางแทจา ไม่จำเป็นต้องใช้นามแต่งตั้งกโยซึลอีกต่อไป นับจากนี้กโยซึลจะกลับไปใช้ชีวิตเป็นอูรึม และรูแฮจะกลับไปเป็นยูอึลจินอีกครั้ง ความจริงที่เรียบง่ายนี้ทำให้รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา ชีวิตวัยเยาว์นั้นช่างเรียบง่าย พวกเขาเพียงพอกับความเชื่อมั่นในซึ่งกันและกัน และตื่นเต้นอย่างง่ายดายเพียงแค่จะได้อยู่ด้วยกันในวันพรุ่งนี้
คู่รักจับมือกันแน่นพร้อมก้าวเดินเบาๆ ราวกับย่องอยู่บนเมฆออกไปจากห้องขัง พระราชวังที่ถูกกลืนด้วยความมืดนั้น วันนี้ช่างบังเอิญที่ไม่มีทหารออกตระเวนไปทั่วเหมือนปกติ ดูเหมือนว่าจักรพรรดิออฮยูลเจจะใช้อำนาจและอิทธิพลของตนไปกับสิ่งนี้ ด้วยเหตุนี้ทั้งสองที่สามารถออกจากพระราชวังได้อย่างรวดเร็วนั้น จึงเปิดประตูหลังพระราชวังออกมาได้อย่างง่ายดายราวกับได้ทำการนัดหมายไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็ได้ซ่อนตัวและหยุดพักชั่วครู่อยู่ที่เชิงเขามกอัก
ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว หากแต่ตอนจบนั้นยังไม่จบสิ้นลง
“รออยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าจะกลับไปที่พระราชวังแล้วจะรีบกลับมา”
“จะกลับไปที่พระราชวังอีกทำไมหรือ” กโยซึลตกใจพลางถามออกไป รูแฮวางมือกดไปที่ไหล่ของ
กโยซึลลงอย่างแผ่วเบา
“มีเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จ…ต้องกลับไปจัดการให้เสร็จสิ้นก่อน”
“ยูอึลจิน!”
“ข้าจะรีบกลับมา”
รูแฮมอบห่อผ้าที่เต็มไปด้วยของมีค่าให้กับกโยซึล หลังจากกอดนางไว้แน่น เขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของกโยซึลสั่นไหวอย่างวุ่นวายใจ
หากแต่นางนั้นรอได้ เพราะเป็นรูแฮ ช่วงเวลาที่ต้องรอคอยเขาไม่ได้ยากหรือลำบากอะไรเลย
***
ปล่อยนางไปแล้ว
บีพาอันสั่งซังกุงให้จัดโต๊ะสุราเข้ามาให้ เขานั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวในห้องบรรทมที่ตำหนักดงชอน บีพาอันไม่ได้เป็นคนชอบดื่มเหล้าเท่าไร หากแต่ดื่มอย่างไรก็ไม่เมามายเสียที เขายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกเป็นระยะๆ พร้อมกับขวดเหล้าที่ทับถมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
รอบด้านเปล่าเปลี่ยวเงียบสงบเช่นเดียวกับหัวใจของเขา
“ในที่สุดก็ได้เงียบสงบลงบ้าง”
รอยยิ้มขมขื่นถูกฉีกออก พร้อมกับหัวใจที่ว่างเปล่า เขาปล่อยนางไปแล้ว
“ท่านพี่ฮวางแทจา”
ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่บีพาอันก็ไม่ได้ตกใจอะไร ถึงแม้จะเป็นผู้มาเยือนที่มาอย่างไร้สุ้มเสียง เขากลับรู้ได้ถึงการมาเยือนของอีกคน บีพาอันหันหน้ากลับไปอย่างเชื่องช้า ก็พบกับรูแฮที่ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างที่ถูกเปิดออก เขายืดตัวตรงพร้อมกับตอบออกไปอย่างเอื่อยๆ
“หากเลยช่วงเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ทหารจะมาเดินตรวจตราอีกครั้ง เจ้าไม่ได้ต้องรีบไปหรือ?”
“น้องติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงต่อท่านพี่แล้ว”
รูแฮที่เดินมาทางด้านหน้าของบีพาอันโค้งคำนับลง บีพาอันที่จ้องมองแผ่นหลังของรูแฮที่คว่ำหน้าอยู่กับพื้น เบนสายตาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก
รูแฮเปิดฉากพูดขึ้นต่อท่าทีที่ไม่ใส่ใจนั้น
“…ไม่ว่าอย่างไรน้องก็ไม่สามารถเอาชนะท่านพี่ได้เลย”
“พูดอะไรของเจ้า เข้าใจยากเสียจริง”
“ดอกกดมาลี”
“…เหตุใดอยู่ๆ ถึงถามหาดอกไม้หน้าร้อนที่หมดฤดูไปแล้วกัน”
รูแฮกัดริมฝีปากตนแน่น
ช่างร้ายกาจนัก
รูแฮได้คนรักที่เขาปรารถนา ได้อนาคตที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนรัก หากแต่ ณ เวลานี้ รูแฮถูกครอบงำด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ขมขื่น ทำให้แสดงกระทั่งความโกรธเคืองออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“ดอกไม้ดอกนั้น ท่านพี่ไม่ได้เป็นคนนำไปให้นางหรือขอรับ”
“มันใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องดอกไม้หรือ เหมือนว่าเส้นทางที่จะไปนั้นไม่ได้มีความหมายเลยสินะ”
“ ‘เด็กคนนั้น’ ที่ท่านพี่ตรัสถึงก็คือ อูรึม คือพระชายาไม่ใช่หรือขอรับ!”
รูแฮที่เห็นบีพาอันแกล้งทำเป็นไม่รู้และพูดอ้อมค้อมไปมา หลุดตะโกนออกมาในที่สุด ช่างร้ายกาจนัก บีพาอันช่างเป็นคนร้ายกาจเหลือเกิน เขาไม่สามารถทนเห็นท่าทางที่ร้ายกาจนั้นได้อีกต่อไป กำปั้นที่ถูกกำไว้แน่นสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมแรงได้ แต่กระนั้นบีพาอันก็ยังคงรักษาท่าทีใจเย็น พร้อมกับจิบเหล้าช้าๆ
“จะปล่อยนางไปอย่างนี้ได้จริงๆ หรือขอรับ ทรงปล่อยนางไปกับชายอื่นได้จริงๆ หรือ”
“แม้จะบอกว่าไม่ได้ มันก็ชัดแจ้งอยู่แล้วว่ารูแฮจะพาชายาไปอยู่ดี ไม่รู้ว่าเจ้าจะถามไปเพื่ออะไร”
บีพาอันที่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เบือนหน้าหนี เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่ขาวผ่องของเขา สันกรามคมนั่นสั่นเล็กน้อย เขาปิดปากไว้แน่นสนิท ด้วยความกลัวว่าคำพูดเพ้อเจ้อจะหลุดออกมาจากปากตัวเอง ในความเป็นจริง ต่อให้บีพาอันจะห้ามไม่ให้ไป รูแฮก็จะพากโยซึลไปอยู่ดี ไม่สิ มันต้องเป็นเช่นนั้น หากไม่ทำอย่างนั้น ก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับทั้งสองคนในพระราชวังนี้อีกต่อไป
“ชายารักรูแฮด้วยหัวใจทั้งหมดของนาง เพราะฉะนั้นก็ขอให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
แม้จะจงใจส่งเสียงเย็นชาออกมา แต่ท้ายคำพูดของบีพาอันกลับสั่นคลอน สุดท้ายแล้วเขาก็หลับตาลง
“ท่านพี่ทรงรู้จักกับอูรึมมาก่อนแล้วใช่หรือไม่”
บีพาอันไม่ได้ตอบออกไป
“ท่านพี่ทรงรู้จักอูรึมก่อนที่นางจะเป็นพระชายาฮวางแทจาเสียอีก ทรงหลงรักนางตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่หรือ”
บีพาอันไม่ได้ตอบอะไรออกไป มีแต่รูแฮที่ทุกข์ทน รูแฮกัดริมฝีปากแน่นพลางกระโดดข้ามหน้าต่างหายตัวไปไร้ซึ่งคำบอกลา
ลมในค่ำคืนเหน็บหนาวพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ แก้วเหล้าที่ห้อยอยู่ที่ปลายนิ้วมือขาวของบีพาอันสั่นคลอนอย่างหมิ่นเหม่
“รักอย่างนั้นหรือ…” รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของบีพาอัน
นี่คงเป็นจุดจบของเรื่องทั้งหมด หน้ากากสีขาวที่จะสวมทับอีกครั้งนี้จะแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่มีอะไรมาทำให้แตกสลายได้อีก
ความมืดถอยห่างออกไป พร้อมกับรุ่งเช้าที่มาถึงอีกครั้ง แสงแดดส่องกระทบปลายเท้าของบีพาอันที่นั่งถือแก้วเหล้าอยู่บนเบาะรองนั่งใบนุ่ม