ตอนที่ 99 อาลัยรัก

ซ่อนรักเคียงบัลลังก์

แกร๊ก แอ๊ด

 

 

หลังจากเสียงหมุนล็อคแม่กุญแจเก่าดังขึ้น ประตูไม้บานแข็งที่ถูกปิดไว้แน่นสนิทก็เปิดออก บานพับประตูที่ถูกทำจากเหล็กส่งเสียงเสียดแหลมออกมา

 

 

ห้องขังได้ถูกเปิดออกแล้ว

 

 

“…ฝ่าพระบาทฮวางแทจา?”

 

 

รูแฮขานเรียกบีพาอันด้วยความกังขา เขาโอบไหล่ของกโยซึลไว้ราวกับพยายามจะปกป้องนาง สายตาที่กระสับกระส่ายของทั้งรูแฮและกโยซึลพุ่งตรงไปที่บีพาอันในเวลาเดียวกัน แต่กระนั้นบีพาอันก็ไม่ได้ขยับตัว เขาเพียงยืนนิ่งหลังจากเปิดห้องขังออก มีเพียงกุญแจดอกเก่าที่แขวนอยู่ที่ปลายนิ้วของเขาเท่านั้นที่แกว่งไปมาอย่างไม่ดูสถานการณ์ มันเป็นความเงียบงันที่ไม่อาจคาดเดาจุดประสงค์ได้ ไม่มีใครขยับตัว บานประตูไม้แข็งถูกเปิดออกกว้าง ระยะห่างระหว่างทั้งสามยังคงห่างไกล ราวกับประตูไม้ขวางกั้นพวกเขาเอาไว้

 

 

บีพาอันที่ทอดสายตาท่าทีระแวดระวังของกโยซึลกับรูแฮ พูดออกมาด้วยเสียงที่ขุ่นมัว

 

 

“เราได้ขอให้ปล่อยตัวชายาและรูแฮแล้ว ถึงกระนั้นองค์จักรพรรดิได้ทรงรับสั่งให้คงการลงโทษต่อไป”

 

 

“…ขอบพระ…”

 

 

“เราไม่ได้ช่วยท่านเพราะอยากฟังคำขอบคุณ”

 

 

คำขอบคุณที่พูดออกไปเพราะหาคำพูดอื่นไม่ได้ถูกตัดฉับด้วยเสียงคมเข้ม กโยซึลหยุดชะงักพร้อมปิดปากสนิท บีพาอันที่เห็นปฏิกิริยานั้นของกโยซึลกัดปากของตน ริมฝีปากด้านในเกร็งแน่น

 

 

“โทษที่องค์จักรพรรดิทรงรับสั่งให้เราดำเนินการ ความจริงแล้วคือแผนของพระองค์ที่อยากให้เราหลบสายตาชาววังคนอื่นๆ และสั่งลงโทษตามที่เราปรารถนา”

 

 

กโยซึลและรูแฮต่างแหงนหน้ามองบีพาอันด้วยสายตาตื่นตระหนก บีพาอันไม่ได้สบสายตากลับ เขาพูดพลางมองไปที่ทั้งสอง ไม่สิ เขาพูดพลางมองไปที่กโยซึล หากแต่บีพาอันกลับมองตรงไปยังความว่างเปล่ากลางอากาศ

 

 

ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถมองหน้ากโยซึลได้

 

 

ไม่มีความกล้ามากพอ

 

 

ที่จะมองนาง

 

 

“การประกาศปล่อยตัวชายาและรูแฮกลางท้องพระโรงนั้น เปรียบเสมือนการสั่นคลอนความมั่นคงของกฎแห่งพระราชวังด้วยน้ำมือขององค์จักรพรรดิเอง ณ ที่นั้น มีหูตามากมาย ฝ่าพระบาทที่ทรงคาดหวังอนาคตที่ยิ่งใหญ่ของมกกุกทรงไม่สามารถทำเยี่ยงนั้นได้ ฝ่าพระบาททรงสั่งลงโทษประหาร หากแต่ก็ทรงรับสั่งให้เราช่วยชายาและรูแฮให้หลบหนีไป”

 

 

แม้น้ำเสียงที่พูดออกมาช้าๆ นั้นจะเยือกเย็น แต่ทั้งกโยซึลและรูแฮกลับซาบซึ้งในคำพูดของบีพาอันจนไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร

 

 

รอดตายแล้ว

 

 

จะหนีไปได้อย่างที่ต้องการ

 

 

ด้วยกันทั้งสองคน

 

 

วันพรุ่งนี้จะกลายเป็นอนาคตข้างหน้าที่เราจะได้ใช้ร่วมกัน

 

 

หัวใจเต้นตึกตัก มือทั้งสองข้างของกโยซึลและรูแฮบีบกันจนแน่น พวกเขาลืมสิ่งรอบตัวจนหมดสิ้น ได้แต่มองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง โดยไม่รับรู้ถึงอีกหนึ่งสายตาที่ทอดมองพวกเขาที่ส่งสายตาหากันไปมาอย่างลึกซึ้ง บีพาอันที่มองคู่รักที่แม้ประตูจะเปิดออกแล้วก็ยังไม่สามารถออกมาได้ พร้อมกับโยนห่อผ้าที่ถือไว้ในมือไปยังข้างหน้าทั้งสอง ห่าผ้าเล็กๆ หล่นลงอย่างแรง

 

 

“เพชรพลอยมากมายนี้จะช่วยให้ท่านเที่ยวเล่นกินเล่นอย่างฟู่ฟ่าสบายๆ ไปได้ทั้งชีวิต”

 

 

บีพาอันช่างพูดกว่าปกติ วันนี้ถือเป็นวันที่เขาพูดเยอะที่สุดต่อหน้ากโยซึลก็ว่าได้ หลังจากสังเกตุคนทั้งสองที่ยังงุนงงไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนอยู่ครู่หนึ่ง บีพาอันก็หมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว

 

 

“ฝ่าพระบาท!”

 

 

           ตึก

 

 

บีพาอันตั้งใจที่จะเดินจากไปตอนที่ทั้งครู่ยังคงมึนงงอยู่ เขาหยุดก้าวเดินทันทีที่ได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องเรียกตนเอง เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังใกล้เข้ามา ตามด้วยมือคู่เล็กที่ทาบไว้กับแผ่นหลัง กโยซึลที่จับปกเสื้อของบีพาอันไว้พูดออกมาอย่างระมัดระวัง

 

 

“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันขออภัยจริงๆ หม่อมฉันมายังมกกุกในฐานะชายาของฝ่าพระบาท…แต่กลับต้องจากไปเพราะกระทำความผิดอันใหญ่หลวง เหตุใดถึงยังทรงปล่อยกันไปง่ายๆ เช่นนี้…”

 

 

เสี่ยงที่สั่นไหวส่งเสียงร้องไห้ออกมา และไม่สามารถจบประโยคได้ในตอนท้าย บีพาอันไม่ได้หันหน้ากลับไปมอง เขายังคงหันหลังให้กโยซึล ยังคงมองไปยังทางเดินในคุกที่มืดมิด

 

 

“ที่ปล่อยไปมีเพียงแค่ชายาและรูแฮเท่านั้น แทฮวางซน โดฮวาน ดัมกังนั้นจะอยู่เคียงข้างเรา จะเติบใหญ่จากฮวางแทซนไปเป็นฮวางแทจาและเป็นจักรพรรดิในที่สุด”

 

 

ดัมกัง

 

 

กโยซึลเจ็บปวดจนแทบขาดใจ แต่ถึงอย่างนั้นตนก็ไม่สามารถพาลูกไปด้วยได้ ไม่มีความกล้ามากพอที่จะพาลูกไปด้วย ความเมตตาปราณีที่เขาหยิบยื่นให้กันนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะดันทุรังขอลูกมาด้วยอีกคน เด็กต้องไม่รอดชีวิตแน่ หากไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นเขาเป็นสายเลือดของบีพาอัน

 

 

“…ได้โปรดดูแลดัมกัง…”

 

 

กโยซึลคิดไปเองหรือไม่ว่าได้ยินเสียงหัวเราะฮึ บีพาอันที่ส่ายหัวเบาๆ ก้าวเดินออกจากคุกไป รูแฮเข้ามาประชิดตัวกโยซึลที่ยืนมองแผ่นหลังของเขาอยู่อย่างเหม่อลอย รูแฮยกมือขึ้นโอบไหล่ของนางช้าๆ

 

 

“กโยซึล ไม่สิ อูรึม รีบไปกันเถอะ”

 

 

อูรึม ชื่อเดิมของกโยซึลที่นางเองก็ลืมไปนานแล้ว ตอนนี้กโยซึลที่ทอดทิ้งตำแหน่งชายาฮวางแทจา ไม่จำเป็นต้องใช้นามแต่งตั้งกโยซึลอีกต่อไป นับจากนี้กโยซึลจะกลับไปใช้ชีวิตเป็นอูรึม และรูแฮจะกลับไปเป็นยูอึลจินอีกครั้ง ความจริงที่เรียบง่ายนี้ทำให้รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมา ชีวิตวัยเยาว์นั้นช่างเรียบง่าย พวกเขาเพียงพอกับความเชื่อมั่นในซึ่งกันและกัน และตื่นเต้นอย่างง่ายดายเพียงแค่จะได้อยู่ด้วยกันในวันพรุ่งนี้

 

 

คู่รักจับมือกันแน่นพร้อมก้าวเดินเบาๆ ราวกับย่องอยู่บนเมฆออกไปจากห้องขัง พระราชวังที่ถูกกลืนด้วยความมืดนั้น วันนี้ช่างบังเอิญที่ไม่มีทหารออกตระเวนไปทั่วเหมือนปกติ ดูเหมือนว่าจักรพรรดิออฮยูลเจจะใช้อำนาจและอิทธิพลของตนไปกับสิ่งนี้ ด้วยเหตุนี้ทั้งสองที่สามารถออกจากพระราชวังได้อย่างรวดเร็วนั้น จึงเปิดประตูหลังพระราชวังออกมาได้อย่างง่ายดายราวกับได้ทำการนัดหมายไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็ได้ซ่อนตัวและหยุดพักชั่วครู่อยู่ที่เชิงเขามกอัก

 

 

ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว หากแต่ตอนจบนั้นยังไม่จบสิ้นลง

 

 

“รออยู่ตรงนี้สักครู่ ข้าจะกลับไปที่พระราชวังแล้วจะรีบกลับมา”

 

 

“จะกลับไปที่พระราชวังอีกทำไมหรือ” กโยซึลตกใจพลางถามออกไป รูแฮวางมือกดไปที่ไหล่ของ

 

 

กโยซึลลงอย่างแผ่วเบา

 

 

“มีเรื่องที่ยังทำไม่สำเร็จ…ต้องกลับไปจัดการให้เสร็จสิ้นก่อน”

 

 

“ยูอึลจิน!”

 

 

“ข้าจะรีบกลับมา”

 

 

รูแฮมอบห่อผ้าที่เต็มไปด้วยของมีค่าให้กับกโยซึล หลังจากกอดนางไว้แน่น เขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาของกโยซึลสั่นไหวอย่างวุ่นวายใจ

 

 

หากแต่นางนั้นรอได้ เพราะเป็นรูแฮ ช่วงเวลาที่ต้องรอคอยเขาไม่ได้ยากหรือลำบากอะไรเลย

 

 

***

 

 

ปล่อยนางไปแล้ว

 

 

บีพาอันสั่งซังกุงให้จัดโต๊ะสุราเข้ามาให้ เขานั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวในห้องบรรทมที่ตำหนักดงชอน บีพาอันไม่ได้เป็นคนชอบดื่มเหล้าเท่าไร หากแต่ดื่มอย่างไรก็ไม่เมามายเสียที เขายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกเป็นระยะๆ พร้อมกับขวดเหล้าที่ทับถมกันมากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

รอบด้านเปล่าเปลี่ยวเงียบสงบเช่นเดียวกับหัวใจของเขา

 

 

“ในที่สุดก็ได้เงียบสงบลงบ้าง”

 

 

รอยยิ้มขมขื่นถูกฉีกออก พร้อมกับหัวใจที่ว่างเปล่า เขาปล่อยนางไปแล้ว

 

 

“ท่านพี่ฮวางแทจา”

 

 

ท่ามกลางความเงียบงัน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่บีพาอันก็ไม่ได้ตกใจอะไร ถึงแม้จะเป็นผู้มาเยือนที่มาอย่างไร้สุ้มเสียง เขากลับรู้ได้ถึงการมาเยือนของอีกคน บีพาอันหันหน้ากลับไปอย่างเชื่องช้า ก็พบกับรูแฮที่ยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างที่ถูกเปิดออก เขายืดตัวตรงพร้อมกับตอบออกไปอย่างเอื่อยๆ

 

 

“หากเลยช่วงเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ทหารจะมาเดินตรวจตราอีกครั้ง เจ้าไม่ได้ต้องรีบไปหรือ?”

 

 

“น้องติดหนี้บุญคุณอันใหญ่หลวงต่อท่านพี่แล้ว”

 

 

รูแฮที่เดินมาทางด้านหน้าของบีพาอันโค้งคำนับลง บีพาอันที่จ้องมองแผ่นหลังของรูแฮที่คว่ำหน้าอยู่กับพื้น เบนสายตาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก

 

 

รูแฮเปิดฉากพูดขึ้นต่อท่าทีที่ไม่ใส่ใจนั้น

 

 

“…ไม่ว่าอย่างไรน้องก็ไม่สามารถเอาชนะท่านพี่ได้เลย”

 

 

“พูดอะไรของเจ้า เข้าใจยากเสียจริง”

 

 

“ดอกกดมาลี”

 

 

“…เหตุใดอยู่ๆ ถึงถามหาดอกไม้หน้าร้อนที่หมดฤดูไปแล้วกัน”

 

 

รูแฮกัดริมฝีปากตนแน่น

 

 

ช่างร้ายกาจนัก

 

 

รูแฮได้คนรักที่เขาปรารถนา ได้อนาคตที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนรัก หากแต่ ณ เวลานี้ รูแฮถูกครอบงำด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ที่ขมขื่น ทำให้แสดงกระทั่งความโกรธเคืองออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง

 

 

“ดอกไม้ดอกนั้น ท่านพี่ไม่ได้เป็นคนนำไปให้นางหรือขอรับ”

 

 

“มันใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องดอกไม้หรือ เหมือนว่าเส้นทางที่จะไปนั้นไม่ได้มีความหมายเลยสินะ”

 

 

“ ‘เด็กคนนั้น’ ที่ท่านพี่ตรัสถึงก็คือ อูรึม คือพระชายาไม่ใช่หรือขอรับ!”

 

 

รูแฮที่เห็นบีพาอันแกล้งทำเป็นไม่รู้และพูดอ้อมค้อมไปมา หลุดตะโกนออกมาในที่สุด ช่างร้ายกาจนัก บีพาอันช่างเป็นคนร้ายกาจเหลือเกิน  เขาไม่สามารถทนเห็นท่าทางที่ร้ายกาจนั้นได้อีกต่อไป กำปั้นที่ถูกกำไว้แน่นสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมแรงได้ แต่กระนั้นบีพาอันก็ยังคงรักษาท่าทีใจเย็น พร้อมกับจิบเหล้าช้าๆ

 

 

“จะปล่อยนางไปอย่างนี้ได้จริงๆ หรือขอรับ ทรงปล่อยนางไปกับชายอื่นได้จริงๆ หรือ”

 

 

“แม้จะบอกว่าไม่ได้ มันก็ชัดแจ้งอยู่แล้วว่ารูแฮจะพาชายาไปอยู่ดี ไม่รู้ว่าเจ้าจะถามไปเพื่ออะไร”

 

 

บีพาอันที่ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น เบือนหน้าหนี เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่ขาวผ่องของเขา สันกรามคมนั่นสั่นเล็กน้อย เขาปิดปากไว้แน่นสนิท ด้วยความกลัวว่าคำพูดเพ้อเจ้อจะหลุดออกมาจากปากตัวเอง ในความเป็นจริง ต่อให้บีพาอันจะห้ามไม่ให้ไป รูแฮก็จะพากโยซึลไปอยู่ดี ไม่สิ มันต้องเป็นเช่นนั้น หากไม่ทำอย่างนั้น ก็จะไม่มีที่ว่างสำหรับทั้งสองคนในพระราชวังนี้อีกต่อไป

 

 

“ชายารักรูแฮด้วยหัวใจทั้งหมดของนาง เพราะฉะนั้นก็ขอให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”

 

 

แม้จะจงใจส่งเสียงเย็นชาออกมา แต่ท้ายคำพูดของบีพาอันกลับสั่นคลอน สุดท้ายแล้วเขาก็หลับตาลง

 

 

“ท่านพี่ทรงรู้จักกับอูรึมมาก่อนแล้วใช่หรือไม่”

 

 

บีพาอันไม่ได้ตอบออกไป

 

 

“ท่านพี่ทรงรู้จักอูรึมก่อนที่นางจะเป็นพระชายาฮวางแทจาเสียอีก ทรงหลงรักนางตั้งแต่ตอนนั้นแล้วไม่ใช่หรือ”

 

 

บีพาอันไม่ได้ตอบอะไรออกไป มีแต่รูแฮที่ทุกข์ทน รูแฮกัดริมฝีปากแน่นพลางกระโดดข้ามหน้าต่างหายตัวไปไร้ซึ่งคำบอกลา

 

 

ลมในค่ำคืนเหน็บหนาวพัดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ แก้วเหล้าที่ห้อยอยู่ที่ปลายนิ้วมือขาวของบีพาอันสั่นคลอนอย่างหมิ่นเหม่

 

 

“รักอย่างนั้นหรือ…” รอยยิ้มจางปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของบีพาอัน

 

 

นี่คงเป็นจุดจบของเรื่องทั้งหมด หน้ากากสีขาวที่จะสวมทับอีกครั้งนี้จะแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่มีอะไรมาทำให้แตกสลายได้อีก

 

 

ความมืดถอยห่างออกไป พร้อมกับรุ่งเช้าที่มาถึงอีกครั้ง แสงแดดส่องกระทบปลายเท้าของบีพาอันที่นั่งถือแก้วเหล้าอยู่บนเบาะรองนั่งใบนุ่ม