ออฮยูลเจลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วลุกขึ้นจากบัลลังก์
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะไม่มีชื่อยูอึลจินอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลดันมกอีกต่อไป”
รูแฮเงยหน้าขึ้น ทว่ากลับไม่ได้สบสายตากับออฮยูลเจ ออฮยูลเจนั้นทำเพียงมองตรงไปข้างหน้าในขณะที่ยื่นตระหง่านอยู่
ลบชื่อออกจากวงศ์ตระกูล
นั่นเป็นสิ่งที่รูแฮร้องขอเอง เป็นสิ่งเดียวกันกับที่เขาขอละทิ้งชื่อราชวงศ์ แต่เขาก็ไม่สามารถวางใจได้ คำว่าลบชื่อออกนั้นมันสามารถตีความหมายได้หลากหลาย มือที่จับมือกโยซึลอยู่บีบแน่นขึ้น กโยซึลที่ก้มหน้าอยู่ไม่ขยับเคลื่อนไหว มีความเป็นไปได้มากมายในความเงียบสงัดสั้นๆ นี้ เป็นช่วงที่ในหัวของเชื้อพระวงศ์ทุกคนกำลังวุ่นวาย
หลังจากนั้นคำประกาศที่เด็ดเดี่ยวของจักรพรรดิก็ดังขึ้น
“จงประหารเมื่อตะวันขึ้นในวันรุ่ง”
บทลงโทษ รูแฮปิดตาลงอย่างแน่น การตัดสินของออฮยูลเจนั้นชัดเจน
“ฝ่าพระบาท!”
“องค์จักรพรรดิ!”
“โปรดเมตตาเถิด”
“ฝ่าพระบาท!”
คนที่ออกมาสนับสนุนรูแฮกับกโยซึลต่างพากันเปล่งเสียงร้องขอ ทว่าออฮยูลเจก็เพิกเฉยต่อคำวอนขอนั้น ราวกับว่าไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ
“ในวันรุ่งจะมีงานฉลองวันคล้ายวันราชสมภพของแทฮวางกุน และจะมีการแต่งตั้งฮวางแทซน จงทำการลงโทษประหารอย่างรวดเร็วและเป็นความลับ”
ออฮยูลเจมองไปรอบท้องพระโรง และสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่สตรีนางหนึ่ง นางลุกขึ้นยืนแล้วพูดออกมาด้วยเสียงดังก้องกังวาน
“หม่อมฉันจะกลับบ้านเกิดของหม่อมฉันเพคะ”
นางคือยอมิน ในขณะที่ทุกคนสนับสนุนรูแฮกับกโยซึล ทว่าไม่มีใครใส่ใจนางที่เป็นชายาของรูแฮเลย พวกเชื้อพระวงศ์ที่วอนขอให้ปล่อยทั้งสองคนนั้นออกไปไม่มีใครเห็นหัวยอมินเลย ไม่มีใครคิดถึงนางเลย ในขณะที่ทุกคนลืมนาง ทว่านางกลับดูไม่ได้เศร้าเลย แม้สามีที่รักของตนจะไปรักกับคนอื่นและมีผู้ให้การสนับสนุน นางนิ่งเหลือเกิน สายตานั้นราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจ ราวกับว่ายอมินได้ลืมฮวางเซจาไปก่อนหน้านี้แล้ว
“คนที่ทำผิดต่อแนวทางปฏิบัติของตระกูลนั้นคือฮวางเซจา มิใช่หม่อมฉันเพคะ คนที่ตัดความสัมพันธ์ที่สวรรค์ผูกให้นั้นคือฮวางเซจา ฉะนั้นหม่อมฉันจึงไม่มีความผิด และไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งใดเพคะ”
ออฮยูลเจพยักหน้า
“คำพูดของพระชายาฮวางเซจานั้นถูกต้อง ทว่าการเข้ามาในพระราชวังแห่งนี้แล้วมิสามารถเดินออกไปตามอำเภอใจได้”
“หม่อมฉันมีเหตุผลอันใดที่ต้องอยู่ในที่นี่ในฐานะพระชายาฮวางเซจาอีกหรือเพคะ ขอทรงโปรดปลดตำแหน่งของหม่อมฉันเถิดเพคะ”
แม้ยอมินต้องเผชิญหน้ากับออฮยูลเจ แต่นางดูไม่ไดเกรงกลัวเลยสักนิด พูดจาชัดถ้อยชัดคำ และคำตอบของออฮยูลเจต่อคำร้องของยอมินที่พูดอย่างกล้าหาญนั้นเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง
“ข้าพเจ้าจะมิปลดตำแหน่งพระชายาฮวางเซจา”
ยอมินที่มองหน้าออฮยูลเจมาตลอดอย่างไม่สั่นไหว ในตอนนี้ขมวดคิ้วมุ่น นางกำลังคัดค้านราวกับว่ายังไม่เข้าใจ
“ในเมื่อไม่มีฮวางเซจาแล้ว ชายาฮวางเซจาจะมีได้อย่างไรกันเพคะ”
การที่ลบชื่อรูแฮออกจากวงศ์ตระกูล แต่ยังคงไว้ซึ่งตำแหน่งชายาฮวางเซจานั้นช่างไร้เหตุผลยิ่ง
“อย่างที่พระชายาฮวางเซจาได้กล่าวเมื่อครู่ พระชายาฮวางเซจาไม่มีความผิดอันใดเลยมิใช่หรือ”
“หม่อมฉัน…จะมิขอรับใช้สามีผู้ซึ่งทำผิดศีลธรรมเพคะ หม่อมฉันลาขาดจากเขาแล้วเพคะ หม่อมฉันขอรับผิดชอบความไม่จงรักภักดีที่ได้ปฏิเสธฮวางเซจา และขอลงจากตำแหน่งชายาฮวางเซจาเพคะ หม่อมฉันมิอาจยอมรับคนอย่างเขาให้เป็นพระสวามีได้”
ยอมินมองรูแฮด้วยสายตาที่ไร้ความปรานี หลังจากที่นางระเบิดความเคียดแค้นออกมา ในตอนนี้จึงทำให้ทุกสายตาต่างจดจ้องไปที่นาง ยอมินรีบควบคุมสายตา แล้วหันไปเอ่ยขอออฮยูลเจ
“ทรงจะทำให้หม่อมฉันเป็นหญิงม่ายหรือเพคะ จะทรงปลดหรือทำอันใดหม่อมฉันไม่สนใจ หม่อมฉันเพียงต้องการออกไปจากพระราชวังแห่งนี้ โปรดประทานพระบรมราชานุญาตให้หม่อมฉันได้กลับบ้านด้วยเถิดเพคะ”
ตาอันเป็นประกายของออฮยูลเจมองไปที่ยอมิน เขาใช้นิ้วโป้งลูบไล้ไปที่ใต้คาง
“ความมุ่งมั่นนี้น่าชื่นชม” ออฮยูลเจที่ไม่ได้พูดมาสักพักได้พูดชื่นชมยอมิน และเขาก็ออกคำสั่งอย่างสั้นๆ “เราอนุญาต”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้เพคะ ขอโปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันที่ต้องจากไปก่อนจึงไม่สามารถเข้าร่วมการแต่งตั้งองค์ฮวางแทซนได้เพคะ หม่อมฉันจะออกจากพระราชวังในทันทีที่ตะวันขึ้นเพคะ”
หลังจากที่นางทำความเคารพออฮยูลเจแล้ว นางก็นั่งลงอีกครั้งอย่างสงบเสงี่ยม
พระราชวังใต้ถูกสะสางในชั่วพริบตา ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสิบห้านาทีนั้น มันทั้งหนักอึ้งและหายใจแทบไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการตัดสินนั้นเกี่ยวข้องกับยอมิน หรือเพราะทุกคนรับรู้การมีตัวตนอยู่ของนางอีกครั้ง คนที่สนับสนุนรูแฮกับกโยซึลไม่มีใครกล้าเปิดปากพูดอะไร ไม่มีใครร้องขอความเมตตาจากออฮยูลเจที่ประกาศบทลงโทษเลย ไม่มีใครกล้าสนับสนุนพวกเขาต่อหน้ายอมินอีกเลย ความเงียบในท้องพระโรงยืดยาวออกไป มีเพียงออฮยูลเจเท่านั้นที่สามารถทำลายความเงียบนี้ได้
“จะไม่มีการพูดถึงชาติกำเนิดของโดฮวานอีก ฉะนั้นเราขอสั่งให้ฮวางแทจาเป็นผู้ทำการลงโทษประหารชายาฮวางแทจากับฮวางเซจา”
ออฮยูลเจทำให้ทุกอย่างจบลงอย่างเฉียบขาด เขาไม่รับการโต้แย้งใดๆ อีก เขาทำให้ความวุ่นวายที่เหมือนกับลมพายุที่มาสั่นคลอนราชวงศ์สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์
ประกาศลงโทษประหารพระชายาฮวางแทจา และฮวางเซจา
และประกาศว่าแทฮวางกุนนั้นเป็นสายเลือดของฮวางแทจา
ไม่มีผู้ใดสามารถล้มล้างการประกาศอย่างเป็นทางการขององค์จักรพรรดิได้ ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร โดฮวานนั้นก็ถูกยอมรับอย่างชัดเจน ตอนนี้การสงสัยในชาติกำเนิดของโดฮวานนั้นก็เหมือนกับการต่อต้านอำนาจของออฮยูลเจ
“ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
บีพาอันคุกเข่าด้านหนึ่งแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ มีคำสั่งลงมา และฮวางแทจาก็รับคำสั่งนั้นอย่างไม่มีการฝ่าฝืนหรือเปลี่ยนแปลง
ออฮยูลเจหันตัวเดินออกจากท้องพระโรงไป เสียงสะอึกสะอื้นของผู้คนที่ได้ลืมยอมินไปอีกครั้ง ดังขึ้นทั่วท้องพระโรง ดึกวอลตะโกนออกมาอย่างไม่อาจระงับโทสะไว้ได้ ไหล่ของโอรันที่นั่งติดอยู่กับเขาสั่นเครือ ส่วนรูแฮกับกโยซึลนั้นเพียงแค่จับมือกันไว้ นิ้วของรูแฮแทรกอยู่ระหว่างนิ้วที่เรียวบางของกโยซึล ราวกับว่าทั้งคู่จะไม่แยกจากกันดั่งนิ้วที่ประสานกันอยู่
วันพรุ่งนี้ของราชสำนักที่จะมาถึงนั้น ช่างเป็นวันที่เศร้าสลด
ฮวางแทจาต้องประหารชายาของตน และหลังจากประหารแล้วจะต้องนำร่างไปทิ้งที่ทุ่งหญ้า ส่วนพระชายาฮวางเซจาจะกลับบ้านเกิด เพราะไม่มีตำแหน่งฮวางเซจาอีกต่อไปแล้ว และพรุ่งนี้ก็เป็นวันครบรอบวันราชสมภพของโอรสของฮวางแทจากับพระชายาฮวางแทจา และเขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นฮวางแทซนในวันที่แม่ของเขาถูกประหารชีวิต
ความมืดมิดปกคลุมไปทั่วพระราชวัง
***
ฮวางแทจา บีพาอัน เป็นคนที่ฉลาด
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ขอร้องให้ปล่อยรูแฮกับกโยซึลไป แต่สุดท้ายออฮยูลเจก็ได้สั่งเขาให้ประหารคนผิดที่เขาสนับสนุน ออฮยูลเจนั้นรู้จักบีพาอันเป็นอย่างดี และบีพาอันก็รู้จักออฮยูลเจเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าบีพาอันก็สามารถอ่านความคิดภายในใจที่ออฮยูลเจไม่ได้เอ่ยปากพูดในการประชุมรวมราชวงศ์ได้อย่างแตกฉาน เนื่องจากหน้ากากได้แตกที่สวมอยู่ได้แตกสลายไปนานแล้ว บนใบหน้าของบีพาอันจึงมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้น
ดึกแล้วบีพาอันก็ยังไม่เข้านอน ข้ารับใช้ในวังตะวันออกถูกปลดออกไปหมด ทำให้เขาต้องอยู่คนเดียว ในช่วงเวลาที่แม้แต่แมลงกลางคืนก็หลับไปแล้ว บีพาอันลุกขึ้นและก้าวออกไปข้างนอก เขาไม่ได้ไปทางห้องบรรทม แสงจันทร์ดุจแสงไฟ เขาจึงซ่อนตัวตามเงาของก้อนเมฆ และเดินลัดเลาะพระราชวังอย่างระมัดระวัง
แม้รูแฮและกโยซึลจะเป็นเชื้อพระวงศ์แต่ก็ไม่อาจเข้าไปหาได้ง่ายๆ เพราะทั้งคู่ถูกขังอยู่ในคุกสำหรับเชื้อพระวงศ์ ตอนนี้คนที่สามารถเข้าไปในคุกนั้นได้มีเพียงออฮยูลเจ และบีพาอันที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น แม้ออฮยูลเจจะขึ้นครองบัลลังก์ด้วยการฆ่าพี่น้องของตนทั้งหมด แต่เขาไม่อาจฆ่ารูแฮ ลูกชายที่เขาหวงแหนได้ บีพาอันกำลังเดินไปที่คุกที่ทั้งคู่ถูกทหารของพระราชวังจับขังไว้ ระหว่างก็มักจะหลุดหัวเราะออกมา
“ตาเฒ่าอ่อนแอ เพราะอายุมากแล้วก็เลยใจอ่อนลง ฆ่าพี่น้องของตนเองได้ทุกคนแต่ฆ่าลูกตัวเองไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
ฮ่าๆ บีพาอันหัวเราะอย่างฝืนๆ ให้กับออฮยูลเจ แต่ก็เหมือนจะเป็นการหัวเราะให้กับตัวเขาเองด้วย หัวเราะเยาะตนเองที่ปกป้องภรรยาผู้กระทำความผิด เมื่อเช้าตรู่วันพรุ่งนี้มาถึงทุกคนก็จะวุ่นวายอยู่กับงานวันเกิดของโดฮวาน คงจะไม่มีใครมาดูการประหารชีวิต บีพาอันเดินมาถึงในสถานที่ที่อยู่ลึกเข้าไปของพระราชวัง ในที่ที่มืดมนกว่าที่ใดๆ ในพระราชวัง เขาไล่เหล่าทหารออกไป ตอนนี้ด้านในคุกมีเพียงบีพาอัน รูแฮ และกโยซึลเท่านั้น เขาเดินลงไปเรื่อยๆ ตามบันไดหินแข็งๆ ทีทอดยาวลงไปใต้ดิน ไม่รู้ว่าจะต้องลงไปไกลเท่าไร แต่เมื่อมาถึงจุดที่อากาศไม่ค่อยมี หายใจไม่ค่อยสะดวก เขาก็เดินมาถึงบันไดขึ้นสุดท้าย รูแฮกับกโยซึลถูกขังไว้ในห้องเดียวกัน ฝีเท้าของบีพาอันที่มองเห็นพวกเขาหยุดชะงัก
เขาทั้งสองที่กอดกันอยู่จนแทบจะกลายเป็นร่างเดียวกัน
สายตาของบีพาอันที่กำลังมองดูเงานั้นอย่างเหม่อลอยเลื่อนลงมา ริมฝีปากที่ฝืนยิ้มนั้นกลับมาเป็นรูปเดิม และสีหน้าของเขาก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม ในตอนนี้เขาต้องสวมหน้ากาก
“ชายา”
กโยซึลที่อยู่ในอ้อมกอดของรูแฮลืมตาขึ้น นางเห็นบีพาอัน กโยซึลมองบีพาอันอยู่สักครู่หนึ่งเนื่องจากตกใจที่มีคนมาหาอย่างไม่คาดคิด หลังจากนั้นก็ผละตัวออกมาจากอ้อมกอดของรูแฮ
“ฝ ฝ่าพระบาทฮวางแทจา”
เมื่อบีพาอันได้ยินคำเอ่ยทักอย่างลนลานของนาง เขาก็ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“รู้ใช่หรือไม่ว่าองค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้เราประหารท่านกับรูแฮ”
“…”
สีหน้ากโยซึลหม่นลง อยู่ต่อหน้าคนที่จะเอาชีวิตตนไป อยู่ต่อหน้าคนที่กุมชีวิตของตนไว้ในมือนั้นจะพูดสิ่งใดออกไปได้
แกร๊ก แอ๊ด
หลังจากเสียงหมุนล็อคแม่กุญแจเก่าดังขึ้น ประตูไม้บานแข็งที่ถูกปิดไว้แน่นสนิทก็เปิดออก บานพับประตูที่ถูกทำจากเหล็กส่งเสียงเสียดแหลมออกมา
ห้องขังได้ถูกเปิดออกแล้ว