กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 987
กู้ชูหน่วนยกเสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์ที่ยังคงเหนื่อยหอบขึนมา
“เจ้าชอบเยี่ยจิ่งหานมากเช่นนั้น งั้นข้าย่างเจ้ามอบให้กับเขาดีกว่า”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต้องการติดตามนายท่านคนเดียวเท่านั้น นายท่าน ข้าเดินทางไปไหนต่อไหนอย่างเหน็ดเหนื่อย แถมยังต้องคอยส่งข่าวให้ท่าน ท่านพอจะมีอะไรให้กินบ้างหรือไม่”
“ได้สิ งั้นย่างหมูกี่ตัวดี? ยี่สิบตัวพอไหม?”
“ได้”
กู้ชูหน่วนรีบตกปากรับคำอย่างรวดเร็ว เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับรู้สึกใจเต้นแรง
“นายท่าน ท่านยิ้มออกมาแบบนี้ทำให้ข้ารู้สึกขนลุกขึ้นมา”
“บนตัวของเจ้ามีขนหรือ?”
“ไม่มี”
“เช่นนั้นจะเรียกว่าขนลุกได้อย่างไร?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็แค่พูดเปรียบเทียบออกมาแค่นั้นเอง”
“ใช้โอกาสวันงานแต่งงานนี้ เจ้าเข้าไปหาเบาะแสของเซี่ยวอวี่เซวียนดูอีกครั้งว่าเจอหรือไม่”
“นายท่าน ในวังหลวงตอนนี้เต็มไปด้วยแร่กำมะถันและสารหนู เพื่อนๆ ของข้ายังไม่มีใครกล้าเข้าไปเลย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลัว”
“เจ้าเป็นราชางูหลามไม่ใช่หรือ? กลัวอะไรแค่แร่กำมะถันและสารหนู?”
“ไม่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าสารพิษชั่วร้ายเหล่านั้นผสมอะไรไปบ้าง มันมีความน่ากลัวอย่างมาก ครั้งที่แล้วข้าเกือบจบชีวิตลงที่นั่น ไม่งั้น ข้าให้กระทิงไฟลองไปดูอีกครั้ง”
“ไม่ต้องแล้ว เป็นเพราะข้าใจร้อนมากเกินไป จักรพรรดินีจอมปลอมรู้ว่าข้าสามารถควบคุมอสูรร้ายได้ เช่นนั้นแล้วนางจะปล่อยให้พวกเจ้าเข้าไปง่ายดายได้อย่างไร อสูรร้ายของเรามาครบหรือยัง?”
“วางใจได้นายท่าน อสูรร้ายทั้งที่ฝีมือดีและต่ำต้อยต่างก็มากันหมดแล้ว รอเพียงแค่คำสั่งของนายท่านก็สามารถฆ่าพวกเขาให้ราบเป็นหน้ากลอง”
ให้ราบเป็นหน้ากลอง?
อ๋า…..
“ข้าจะเข้าไปในวังหลวง เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อดูสถานการณ์โดยรวม”
“นายท่าน ท่านจะไปคนเดียวหรือ?”
“ไม่งั้นล่ะ?”
“วรยุทธ์ของจักรพรรดินีจอมปลอมแข็งแกร่งมาก และในวังหลวงก็มีแต่คนของนาง หาก……”
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าดวงแข็งไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่ได้กลัวว่าท่านจะตาย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แค่อยากจะบอกว่า ให้คนอื่นไปได้หรือไม่ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หิวหมูย่าง”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “กิน กิน กิน ระวังจะมีสิบหัวล่ะ”
“ถ้ามีสิบหัวจริงก็คงดี ราชางูเหลือมหยกเก้าเศียรหากพัฒนาได้ถึงระดับของมนุษย์ก็จะมีอีกหัวหนึ่งโผล่ออกมา”
“……”
“นายท่าน ไม่เช่นนั้นท่านย่างหมูสองตัวนั้นให้ข้าก่อน ส่วนที่เหลือก็ค่อยๆ ย่างให้ข้าก็ได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์แทบจะหิวตายอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาปิดทาง กู้ชูหน่วนก็จิ้มไปที่ท้องกลมๆ ของมันอย่างไม่เกรงใจและกล่าวว่า “พุงของเจ้าจะเหมือนกลองระฆังอยู่แล้ว”
“ไม่เลย แฟ่บมาก ท่านดูสิ มันกำลังร้องเพลงเมืองที่ว่างเปล่าอยู่เลย”
“ครั้งนี้ตั้งใจทำให้ดีล่ะ เพียงแค่สามารถจัดการกับจักรพรรดินีจอมปลอมได้และช่วยชีวิตเซี่ยวอวี่เซวียนออกมาได้ จากนั้นค่อยตามหาดวงวิญญาณ ข้าจะย่างหมูป่าให้เจ้าสิบตัวเลย”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดจะยื้อนางอีก แต่เมื่อได้ยินคำว่าดวงวิญญาณมันก็ทำได้เพียงให้ความร่วมมือเพื่อกู้ชูหน่วนจะได้รวบรวมดวงวิญญาณทั้งหมดกลับมา
ในพิธีถวายเครื่องบูชาแด่สรวงสวรรค์
จักรพรรดินีและเหวินเส่าอี๋ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน
ท่ามกลางแท่นที่สูงตระหง่าน นอกจากข้าราชบริพารชั้นสูงและขุนนางที่นั่งอยู่สองฝั่งแล้วนั้น ยังมีผู้อาวุโสของเผ่าเพลิงฟ้าอีกจำนวนมาก
แต่เมื่อเทียบกับความนิ่งเฉยของข้าราชบริพารและขุนนางแล้วนั้น คนของเผ่าเพลิงฟ้าต่างแสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไป มีทั้งกังวล ดีใจ ตื่นเต้นและรับไม่ได้
ผู้อาวุโสฉีของเผ่าเพลิงฟ้ากล่าวขึ้นมาอย่างกังวลใจ “รองหัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าไม่ได้รักใคร่ชอบพอฝ่าบาท เราให้หัวหน้าแต่งงานกับฝ่าบาทจะไม่เป็นการ……”
ผู้อาวุโสหงที่นั่งอยู่ทางขวากล่าว “การแต่งงานครั้งนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าคนก่อนได้กำหนดไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน และตอนที่หัวหน้าเผ่ารับตำแหน่งก็ได้ให้คำสัญญาว่าจะแต่งงานกับฝ่าบาท ตอนนี้ก็เป็นเพียงทำตามสัญญาการแต่งงานเท่านั้น มีอะไรให้น่ากังวล”
“แม้จะพูดมาแบบนี้ แต่แตงที่ฝืนเด็ดจากต้น ย่อมไม่หวาน หากหัวหน้าเผ่า……”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น อยู่กันไปก็จะเข้าใจกันเอง ตอนนี้ไม่รักใคร่ชอบพอกัน แต่อนาคตต่อไปก็ค่อยๆ เรียนรู้กันได้ เจ้าอย่าลืมไปว่านี่ไม่ใช่เพียงคำสัญญาของหัวหน้าเผ่า แต่เป็นความรับผิดชอบของเราด้วย อีกอย่างบนโลกนี้ก็มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่คู่ควรกับหัวหน้าเผ่าของเรา พวกเขาเหมาะสมกันที่สุดแล้ว”
ผู้อาวุโสจ้องมองไปยังรองหัวหน้าเผ่าด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ และหวังว่ารองหัวหน้าเผ่าจะออกหน้าแทนในเรื่องนี้ ไม่แน่อาจยังพอมีทางแก้ไขได้
ใครๆ ก็ดูออกว่าหัวหน้าเผ่าไม่ได้รักใคร่ชอบพอฝ่าบาทเลยสักนิด
และฝ่าบาทเองก็ไม่คู่ควรกับหัวหน้าเผ่าเลย
ไม่เพียงเพราะอายุของนาง แต่เป็นเพราะนางมีจิตใจโหดเหี้ยมและกระหายเลือด อีกทั้งยังชอบหมกมุ่นกับผู้ชาย
หัวหน้าเผ่าเป็นคนจิตใจดี รักประชาชนเหมือนลูกหลาน มีความสง่าสูงส่ง จะไปเทียบกับนางได้อย่างไร?
เขากลัว กลัวว่าฝ่าบาทจะข่มเหงและเหยียดหยามหัวหน้าเผ่าของเขา
และกลัวว่าหัวหน้าเผ่าจะยอมถูกดูถูกเหยียดหยามไปตลอดชีวิตเพียงเพื่อต้องการรักษาชีวิตของคนในเผ่าเพลิงฟ้าไว้
เมื่อนึกถึงเมื่อสามเดือนก่อนที่หัวหน้าเผ่าเกือบถูกจักรพรรดินีทำร้ายจนร้าย ผู้อาวุโสฉีก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ครั้งนั้นหากไม่ใช่ว่าเขาและรองหัวหน้าเผ่าไปช่วยได้ทัน เกรงว่าหัวหน้าเผ่าของพวกเขาคงจากโลกนี้ไปนานแล้ว
“รองหัวหน้าเผ่า เรื่องนี้ยังพอมีทางแก้ไขอยู่บ้าง……”
รองหัวหน้าเผ่ายกมือขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหุบปากลง
“เรื่องราวดำเนินไปถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้อีก ตอนที่หัวหน้าเผ่ารับตำแหน่งเขาก็ควรตระหนักถึงเรื่องนี้ นี่คือภารกิจของเผ่าเพลิงฟ้าที่ใครก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แม้แต่หัวหน้าเผ่าเอง”
“แต่……หากว่า……”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น…….”
รองหัวหน้าเผ่าหน้าเคร่งเครียดและโมโห ทำให้คนอื่นต่างไม่กล้าขัดขืน
เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาก็ไม่ได้ยอมง่ายๆ
หากฝ่าบาททำอะไรเกินไปจริง เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาก็ไม่ยอมอยู่เฉยแน่
รองหัวหน้ากำหมัดแน่น
แม้ว่าเขาจะคอยดูแลความเรียบร้อยในงานแต่งงานนี้เพียงลำพัง แต่ในใจของเขากลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าใคร
เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าทำไมอดีตหัวหน้าเผ่าถึงคิดข้อกำหนดการแต่งงานนี้ขึ้นมา และยังสั่งให้พวกเราทุกคนในเผ่าเพลิงฟ้าเชื่อฟัง
วินาทีนี้เขาคาดหวังเหลือเกินว่าท่านอ๋องเสวี่ยจะยกทัพบุกเข้ามาตีวังหลวงและโค่นล้มจักรพรรดินี และจากนั้นก็แต่งตั้งจักรพรรดินีพระองค์ใหม่ขึ้นมา
ผู้อาวุโสฉีถอนหายใจ และทำให้เพียงคอยมองดูอย่างเงียบๆ
พิธีการและดนตรีบรรเลงดังขึ้น จักรพรรดินีและพระสวามียืนคู่กันอยู่บนแท่นสูง เพียงแค่ผ่านพิธีสามขั้นตอน ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพิธีการถวายเครื่องบูชาแด่สรวงสวรรค์ และนั่นก็หมายความว่าพวกเขาได้เสร็จสิ้นพิธีการแต่งงาน
บนแท่นสูง เหวินเส่าอี๋สวมชุดสีแดงและผ่านการแต่งหน้าอย่างพิถีพิถัน เสมือนราวกับเทพบุตรเทวดา
เขายืนหลังตรงและสง่างามอย่างเป็นธรรมชาติ
แม้ว่าเขาจะรังเกียจการแต่งงานในครั้งนี้ ทว่าเหวินเส่าอี๋ก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างไร
จักรพรรดินีเข้าใกล้เหวินเส่าอี๋และเผยรอยยิ้มแห่งความชั่วร้ายออกมา
“วันนี้เจ้าหล่อเหลางดงามมาก ข้าแทบอดไม่ได้ที่จะปรนเปรอเจ้าเร็วๆ”
แววตาของเหวินเส่าอี๋เผยให้เห็นความรังเกียจขยะแขยง
ทว่าเขายังคงยิ้มออกมาอย่างจืดจาง
“ฝ่าบาทอย่าลืมสินสอดชิ้นสุดท้าย”
“วางใจได้ หลังจากเข้าเรือนหอเสร็จ ข้าจะเป็นคนมอบให้ถึงมือเจ้าเลย”