“ยามเฉินสามเค่อแล้วเจ้าค่ะ คุณชายรองเพิ่งมาหาเมื่อครู่นี้ เห็นว่าท่านยังไม่ตื่นเลยให้บ่าวบอกท่านว่าคุณชายจะไปโรงหัตถกรรมก่อนเจ้าค่ะ”
‘สายขนาดนี้แล้ว’ เมิ่งเชียนโยวขมวดคิ้ว เอ่ยสั่งในทันที “รีบไปตักน้ำมาให้ข้าล้างหน้าล้างตา ยังจะต้องไปดูสถานการณ์ของคุณชายเปาที่จวนตระกูลเปาเสียหน่อย”
จูหลียกน้ำกะละมังหนึ่งเข้ามา ชิงหลวนเดินออกไป
เมิ่งเชียนโยวล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย ชิงหลวนก็นำอาหารยกเข้ามาพอดี
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว กัวเฟยก็จัดการเตรียมรถม้าเรียบร้อย รออยู่หน้าประตูใหญ่
นั่งรถม้ามาถึงจวนตระกูลเปา ผู้ดูแลจวนเฒ่ามารออยู่หน้าประตูอยู่แล้ว เห็นนางลงมาจากรถม้าก็เดินเข้ามาหาพลางพูดว่า “คุณท่านบอกว่าแม่หญิงเมิ่งน่าจะใกล้มาถึงแล้ว เลยให้บ่าวออกมารับท่านอยู่หน้าประตูขอรับ”
เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า เดินตามเขาเข้าไปในจวน แล้วถึงกดเสียงเอ่ยถามว่า “คุณชายของพวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ใบหน้าผู้ดูแลจวนเฒ่ามีความยินดีแสดงออกมาให้เห็น เอ่ยตอบเสียงเบา “เมื่อคืนนี้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีไข้แล้ว กินโจ๊กไปชามแล้วชามหนึ่งขอรับ”
ระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันอยู่ก็เดินมาถึงภายในห้องเปาอีฝาน
เปาชิงเหอ เปาฮูหยินและซุนฮุ่ยที่พามั่วเอ๋อร์มาด้วยล้วนอยู่ข้างใน เห็นนางเดินเข้ามา ใบหน้าของเปาฮูหยินก็มีรอยยิ้มออกมาให้เห็น “แม่หญิงเมิ่ง ข้าเห็นว่าวันนี้ฝานเอ๋อร์ดูสีหน้าดีขึ้นมากนัก ใช่ว่าไม่มีเรื่องน่ากังวลถึงแก่ชีวิตแล้วหรือไม่”
เมิ่งเชียนโยวเดินมาถึงหน้าเตียง มองดูสีหน้าของเปาอีฝานอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าสีหน้าจะยังซีดเผือด แต่ก็ไม่ได้ซีดขาวโปร่งแสงเหมือนกับเมื่อวานนี้ มีสีเลือดให้ได้เห็นอยู่บ้าง เมิ่งเชียนโยวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง จับมือข้างหนึ่งของเปาอีฝานขึ้นมา ยื่นมือออกไปจับชีพจรของเขา การเต้นของชีพจรยังคงอ่อนแรง แต่สมดุล เป็นการบ่งบอกว่าร่างกายนี้กำลังดีขึ้น นางพยักหน้าพลางพูดว่า “น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ก็ไม่อาจละเลย จะต้องดูอาการอีกสักวันหนึ่ง หากไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ถึงเวลานั้นขอเพียงแต่พักผ่อนให้ดีก็พอแล้ว”
ทั้งสามคนยินดีเป็นอย่างมาก
เปาฮูหยินก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง จับมือของเมิ่งเชียนโยวไว้มั่น พูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ “แม่หญิงเมิ่ง ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องตอบแทนเจ้าเช่นไร ชีวิตของพวกเราสองแม่ลูกล้วนเป็นเจ้าที่ช่วยเหลือ เจ้าถือเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวเราโดยแท้”
เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ วันเดียว บนศีรษะของเปาฮูหยินก็มีผมขาวเพิ่มขึ้นไม่น้อย แลดูแก่ชราลงไปมากนัก ไม่มีความสง่างามนิ่งเฉยในกาลก่อนให้ได้เห็น เมิ่งเชียนโยวรีบพูดว่า “ท่านป้า เมื่อวานนี้ท่านรับปากข้าแล้วไม่ใช่หรือว่าหลังจากนี้จะไม่พูดเกรงอกเกรงใจเช่นนี้อีก”
เปาฮูหยินตีมือนาง ดวงตาชื้นฉ่ำอยู่เล็กน้อย “ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะต้องตอบแทนเจ้าเช่นไร ตระกูลพวกข้าได้รู้จักเจ้าถือว่าสวรรค์บันดาลความสุขมาให้โดยแท้”
เมิ่งเชียนโยวยิ้มบางๆ ยอมรับอย่างไม่ถ่อมตัวแม้แต่น้อย “ใช่แล้ว ได้รู้จักกับข้าถือว่าเป็นโชคของพวกท่าน”
คิดไม่ถึงว่านางจะพูดเช่นนี้ เปาฮูหยินตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา “เจ้าเด็กคนนี้นี่ ช่างเอาอกเอาใจเช่นนี้ตลอดเวลา”
ซุนฮุ่ยยิ้มพลางพยักหน้าเอ่ยสมทบ “น้องยอวเอ๋อร์เป็นคนดีจิตใจกว้างขวาง ในภายภาคหน้าย่อมต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีเป็นแน่”
เมิ่งเชียนโยวมองค้อนนางทีหนึ่ง พูดแกมหัวเราะ “ดูพี่ฮุ่ยเอ๋อร์พูดเข้า เหมือนว่าตอนนี้ข้าไม่ได้มีผลตอบแทนที่ดีเสียอย่างนั้น”
“พูดอะไรกันน่ะ” ซุนฮุ่ยถลึงตามองนางทีหนึ่ง “ข้าหมายความว่าเจ้าและซื่อจื่อจะต้องมีผลลัพธ์ที่ดีเป็นแน่ต่างหาก”
คิดถึงการกระทำเมื่อคืนนี้ของหวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชียนโยวหน้าแดงระเรื่อในทันใด โชคดีที่จิตใจของคนที่เหลือล้วนเทไปที่เปาอีฝาน ไม่มีใครสังเกตนาง
เมื่อวานนี้เปาชิงเหอไม่ได้ออกไปข้างนอก วันนี้เมื่อเห็นว่าเปาอีฝานไม่เป็นอะไรแล้วจึงกันไปบอกเปาฮูหยินว่าจะไปดูที่ศาลาว่าการเสียหน่อย หากไม่มีอะไรเขาค่อยกลับมา อย่างไรแล้วเขาก็เป็นถึงขุนนางข้าราชการ ไม่อาจจะเสียเรื่องราชการเพียงเพราะเหตุในบ้านของตนเอง เปาฮูหยินพยักหน้า “มีเรื่องอันใดท่านโปรดวางใจไปจัดการเถิด ทางฝานเอ๋อร์ยังมีพวกข้าสองคนคอยเฝ้าอยู่”
เปาชิงเหอเดินจากไป
เปาฮูหยินเอ่ยสั่งบ่าวรับใช้ให้ไปรินชาใสมา ให้ซุนฮุ่ยนั่งดื่มชาอยู่กับเมิ่งเชียนโยว ตนเองกลับไปนั่งเฝ้าเปาอีฝานอยู่ข้างเตียง
ตราบจนเปาชิงเหอกลับมา กลุ่มคนทั้งหมดจึงได้รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน เปาอีฝานยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา
เมิ่งเชียนโยวจับชีพจรให้เขาอีกครั้งหนึ่ง บอกคนที่เหลือว่าไม่มีอะไรแล้ว อาการตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้ที่เสียเลือดมาก ผ่านไปไม่กี่วันร่างกายจะฟื้นบำรุงได้ระดับหนึ่ง ก็จะไม่หลับนานเช่นนี้อีกแล้ว
ทั้งสามคนสบายใจขึ้น
ผู้ดูแลจวนเฒ่าเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจากด้านนอก รายงานว่า “คุณท่านขอรับ อ๋องฉีซื่อจื่ออยู่หน้าประตูขอรับ บอกว่ามีเรื่องสำคัญมาหาแม่หญิงเมิ่งขอรับ”
เปาชิงเหอตกใจอย่างมาก มองไปยังเมิ่งเชียนโยว
หวงฝู่อี้เซวียนมาหาถึงจวนสกุลเปาย่อมต้องมีเรื่องสำคัญมากเป็นแน่
เมิ่งเชียนโยวลุกขึ้น ยิ้มพลางพูดว่า “ข้าออกไปดู”
เปาชิงเหอจัดการเสื้อผ้าตนเอง เดินตามออกไปข้างนอก
เปาฮูหยินและซุนฮุ่ยสบตากันทีหนึ่ง เดินตามไปเช่นเดียวกัน
กลุ่มคนเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นว่าหวงฝู่อี้เซวียนลงจากรถม้ามาแล้ว ยืนรออยู่หน้าประตูจวนตระกูลเปา
เปาชิงเหอก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ค้อมตัวทำความเคารพ “ข้าน้อยเปาชิงเหอ เข้าพบซื่อจื่อขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนค้อมตัวน้อยๆ พูดว่า “ไม่ต้องมากพิธี ตัวข้ามาหาโยวเอ๋อร์ รบกวนใต้เท้าเปาแล้ว”
เปาฮูหยินและซุนฮุ่ยก็ทำความเคารพเช่นเดียวกัน “เข้าพบซื่อจื่อเจ้าค่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนก็ให้พวกเขาไม่ต้องมากพิธีเช่นเดียวกัน
ทั้งสามคนยืนอย่างนอบน้อมอยู่อีกด้านหนึ่ง ซุนฮุ่ยลอบพิจารณาหวงฝู่อี้เซวียนอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าเพียงเขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีสบายอารมณ์ แต่กลับมีความรู้สึกสูงส่งเสมือนดึงดูดแสงอาทิตย์จันทราไว้ในตัวออกมา ในใจเกิดนึกทอดถอน ช่างเป็นคู่สร้างคู่สมที่สวรรค์บันดาลสร้างให้น้องโยวเอ๋อร์ยิ่งนัก
เมิ่งเชียนโยวเองก็ยิ้มบางๆ เหลือบพิจารณาเขาเช่นเดียวกัน รู้สึกว่าไม่เจอกันเพียงครึ่งวัน แต่บนกายของเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป ไม่ได้เรียบง่ายนิ่งสงบ กีดกั้นผู้อื่นให้ห่างไกล แต่รอบกายกลับมีความอบอุ่นแผ่ออกมา
หวงฝู่อี้เซวียนมองนาง พูดว่า “เรื่องเมื่อคืนนี้เริ่มมีสัญญาณบางอย่าง ข้าเลยตั้งใจมารับเจ้าไปด้วย”
เรื่องเมื่อคืนนี้ย่อมต้องเป็นเรื่องของคุณชายเหวินเอ้อร์ ดูท่าว่าคงจะพบเพียงแต่รังเก็บตัวของเขาแล้ว เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า ยิ้มให้คนที่เหลือพลางพูดว่า “ใต้เท้าเปา ท่านป้า พี่ซุน ข้าขอไปจัดการธุระเสียก่อน รอช่วงหัวค่ำข้าจะกลับมาดูคุณชายเปาอีกครั้งเจ้าค่ะ”
ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน
หวงฝู่อี้เซวียนหมุนตัวเดินขึ้นรถม้าไปก่อน เมิ่งเชียนโยวเดินตามเขาขึ้นไป
กัวเฟย ชิงหลวนและจูหลีบังคับรถม้าอีกคันหนึ่งตามไปข้างหลัง
มองดูรถม้าสองคนวิ่งตามกันห่างออกไปไกล เปาฮูหยินถึงได้หัวเราะและพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋องฉีซื่อจื่อช่างสมชื่อลืมชาเสียจริง ภาพลักษณ์สูงส่ง รูปลักษณ์งดงามไม่มีที่เปรียบ แม่หญิงเมิ่งได้คู่ครองเช่นนี้ การปกป้องหลายปีมานี้ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว”
ซุนฮุ่ยหัวเราะพลางพยักหน้า “ก็คงเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ข้าลอบมองเขาทีหนึ่ง คิดว่ามีเพียงน้องโยวเอ๋อร์เท่านั้นที่ควรคู่กับเขา”
เปาชิงเหอกระแอมไอ พูดว่า “ตอนนี้เรื่องการแต่งงานของซื่อจื่อและคุณหนูจวนตระกูลซ่างซูยังไม่ได้ยกเลิก คำพูดนี้พูดเพียงแค่ในบ้านก็พอแล้ว”
ทั้งสองคนรับคำ พากันกลับเข้าไปในห้องดูแลเปาอีฝาน
เปาชิงเหอกลับไปยังศาลาว่าการ
รถม้าวิ่งไประยะหนึ่ง เมิ่งเชียนโยวถามว่า “พบสถานที่ซ่อนตัวของน้องชายเหวินซื่อแล้วใช่หรือไม่”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า “น้องชายของเขาผู้นี้ไม่ง่ายเลยเสียจริง พอคนของข้าอ้อมไปมาอยู่นานถึงได้กลับมาที่รังเก่าของตนเอง ข้าคิดว่าอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องในครอบครัวของเหวินซื่อ พวกเราเข้าไปจัดการเองก็คงจะไม่ดีต่อเขา เลยคิดจะไปรับเหวินซื่อพร้อมกับเจ้า ให้พี่น้องสองคนไปจัดการกันเอาเอง”