เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “ดี ยามนี้เหวินซื่อน่าจะอยู่ที่ร้านยาเต๋อเหริน พวกเราไปรับเขาตอนนี้ จัดการเรื่องวุ่นวายได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนอมยิ้มมองนาง

 

 

เมิ่งเชียนโยวเกิดระแวงในใจ เขยิบถอยหลังไปริมรถก้าวหนึ่ง พูดว่า “ท่านมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน”
    

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเม้มริมฝีปาก ร่างกายเขยิบเข้าไปใกล้นางอีกนิด

 

 

เมิ่งเชียนโยวใช้มือกันหน้าอกเขาเอาไว้ “หยุดเดี๋ยวนี้ หากท่านกล้า…”

 

 

ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกหวงฝู่อี้เซวียนดึงกลับเข้ามา ริมฝีปากจรดทับลงมา อุดสิ่งที่นางจะพูดกลับลงไป
    

 

 

“อื้อ” เมิ่งเชียนโยวคิดไม่ถึงว่าตอนที่ฟ้าสว่างจ้าเขายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ นางใช้มือทุบลงไปในบนแผ่นหลังของเขาด้วยความโมโห

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนกลับกระชับกอดนางให้แน่นมากขึ้น เปิดริมฝีปากของนางอย่างได้คืบจะเอาศอก สอดลิ้นเข้าไปออกแรงดูดดึง

 

 

มีชีวิตมาสองภพก็ยังไม่เคยกระทำสิ่งที่บ้าคลั่งเช่นนี้มาก่อน เมิ่งเชียนโยวทั้งโกรธทั้งอาย กัดลงไปบนลิ้นของเขาอย่างจัง
    

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนออกเสียงในลำคอ ปล่อยนางไป มุมปากมีเลือดน้อยๆ ไหลออกมาให้เห็นในทันใด

 

 

คนบังคับรถม้าได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านใน ไถ่ถามในทันที “ซื่อจื่อ ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ เพราะข้าน้อยบังคับรถม้าเร็วเกินไปหรือไม่ ทำให้ท่านบาดเจ็บหรือขอรับ”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนตอบไม่ค่อยชัดถ้อยชัดคำเท่าไรนัก “ไม่เป็นไร เจ้าบังคับรถม้าไป ไม่ต้องส่งเสียง”

 

 

คนบังคับรถม้าลอบอึดอัดอยู่ในใจ แต่กลับไม่กล้าถามอีก
    

 

 

เพราะเมิ่งเชียนโยวร้อนรนใจ การกัดครั้งนี้จึงไม่ลงแรงไปไม่น้อย มุมปากของหวงฝู่อี้เซวียนมีเลือดไหลซึมออกมาตลอด

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนเองก็ไม่เช็ด ยังคงอมยิ้มมองนางอยู่อย่างนั้น

 

 

หลังจากที่เมิ่งเชียนโยวกัดไปแล้วก็เกิดรู้สึกเสียใจขึ้นมา มองเห็นรอยเลือดที่ไหลซึมก็เกิดความรู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก แต่กลับฝืนพูดว่ากล่าวออกไป “สมน้ำหน้า ใครให้ท่านเกิดอารมณ์แบบไม่คำนึงสถานการณ์เล่า”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนแลบลิ้นออกมา เลียรอยเลือดบริเวณมุมปากด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์
    


 

 

เมิ่งเชียนโยวหลบตาด้วยความใจฝ่อ

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนดึงนางเข้ามาในอ้อมอกของตนเองในทันใด ริมฝีปากกดบดลงไปอย่างรุนแรง

 

 

เมิ่งเชียนโยวดิ้นไม่หลุด คิดจะกัดเขาอีกครั้ง ในหัวเกิดภาพเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขา สุดท้ายแล้วก็ทำใจร้ายอีกครั้งไม่ลง
    

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลายของนาง ก็ยิ่งได้คืบจะเอาศอก ตราบจนทั้งสองคนหายใจม่ทันถึงได้ปล่อยนางออก

 

 

เมิ่งเชียนโยวมุดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาหอบหายใจ หวงฝู่อี้เซวียนตระกองกอดนางแน่นมากขึ้น วางศีรษะลงบนศีรษะนาง พูดด้วยความอ่อนโยนว่า “เจ้าคือพระชายาซื่อจื่อของข้า ต่อจากนี้ต้องคุ้นชินกับเรื่องประเภทนี้ได้แล้ว”

 

 

เมิ่งเชียนโยวผลักเขาออก ถึงตามอง ใบหน้าแดงระเรื่อนพูดว่า “ใครเป็นพระชายาซื่อจื่อของท่านกัน ซื่อจื่อท่านลืมแล้วหรือว่าคุณหนูจวนตระกูลซ่างซูที่เป็นพระคู่หมั้นในนามของท่านต่างหาก”
    

 

 

ในดวงตาของหวงฝู่อี้เซวียนเกิดแสงประกายแล้วหายไป หัวเราะแกมพูดว่า “โยวเอ๋อร์หึงอย่างนั้นหรือ”

 

 

“ออกไป!” เมิ่งเชียนโยวถีบเขาทีหนึ่ง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนไม่หลบไม่หลีก หัวเราะรับเท้าของนาง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา คิดจะเช็ดรอยเลือดบริเวณมุมปากให้นาง

 

 

เมิ่งเชียนโยวเอียงหัวหลบ
    

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนถอนหายใจเสียงเบา “แท้จริงแล้วโยวเอ๋อร์ก็อยากให้ข้าจูบอีกครั้งนี่เอง ข้ายินดียิ่งนัก” พูดจบก็พุ่งเข้าหา

 

 

เมิ่งเชียนโยวถลึงตามองเขาอย่างแรงทีหนึ่ง แยกผ้าเช็ดหน้าในมือเขาไป ยกขึ้นเช็ดอย่างไม่ใส่ใจสองสามครั้งพลางโยนกลับให้เขา พูดด้วยความแง่งอนว่า “ของท่านเองก็เช็ดด้วย”

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนยิ้มพลางรับผ้าเช็ดหน้ามา ดึงนางให้เข้ามาใกล้อีกเล็กหน่อย เช็ดรอยเลือดให้นางอย่างละเอียดอ่อน แล้วถึงได้ยัดผ้าเช็ดหน้ากลับเข้าไปในมือเมิ่งเชียนโยว ขยับหน้าให้เข้าไปใกล้นาง ความหมายชัดเจนอย่างมาก ให้นางเช็ดให้เขา
    

 

 

เมิ่งเชียนโยวแทบอยากจะปาผ้าเช็ดหน้าใส่หน้าเขาอย่างแรง แต่พอคิดไปถึงผลที่ตามมาหลังจากโยนไป ก็ต้องกัดฟันแน่นกล้ำกลืนลงไป จงใจเช็ดรอยเลือดบริเวณมุมปากเขาอย่างแรง

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนส่งเสียงสูดปากออกมาด้วยความเจ็บหลายครั้ง

 

 

เมิ่งเชียนโยวถึงได้รู้สึกระบายอารมณ์ไปบ้าง

 

 

เช็ดรอยเลือดเสร็จแล้ว มองดูผ้าเช็ดหน้าในมือ เมิ่งเชียนโยวคิดว่าควรจะจัดการเช่นไรดี
    

 

 

หวงฝู่อี้เซวียนหยิบกลับไป พับอย่างเรียบร้อย ใส่เข้าในสาบเสื้อบริเวณหน้าอกของตนเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งดั่งเดิม

 

 

เมิ่งเชียนโยวอ้าปากค้างน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

รถม้ามาถึงร้านยาเต๋อเหริน หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับตัว เมิ่งเชียนโยวเดินลงจากรถม้าไปก่อน
   

 

 

พนักงานในร้านยาเต๋อเหรินรีบเดินเข้ามาต้อนรับ “แม่หญิงเมิ่ง ท่านมาแล้วหรือขอรับ เถ้าแก่นของพวกข้าอยู่ด้านบนขอรับ”

 

 

เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า เดินขึ้นไปข้างบนแล้วผลักประตูเดินเข้าไปเลย

 

 

เหวินซื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นมาข้างบน เขาเงยหน้าขึ้นมา เห็นว่านางผลักประตูเดินเข้ามา จึงวางสมุดบัญชีในมือลง ถามว่า “เจ้ามาด้วยเหตุใดกัน”
   

 

 

เดินมายืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเขา เมิ่งเชียนโยวพูดตรงๆ “อี้เซวียนตามหาที่หลบซ่อนตัวของน้องชายต่างมารดาตัวดีของเจ้าพบแล้ว เจ้าตามพวกข้าไป จัดการเรื่องราวความแค้นบุญคุณทั้งหมดให้แล้วสิ้นเถิด”

 

 

เหวินซื่อตะลึงไปพักหนึ่ง

 

 

เมิ่งเชียนโยวขมวดคิ้ว สีหน้านิ่งขรึม “เหตุใดหรือ หรือว่าทำใจลงมือไม่ได้”
    

 

 

เหวินซื่อโบกมือ “เรื่องนี้เหตุใดถึงรบกวนไปถึงซื่อจื่อได้เล่า”

 

 

เมิ่งเชียนโยวแค่นเสียงในลำคอ “ไม่ได้เป็นเพราะเจ้าหรืออย่างไร เมื่อคืนนี้น้องชายตัวดีของเจ้าคิดจะลักพาตัวข้าระหว่างที่ข้าเดินทางกลับจวนจากการไปส่งพี่สะใภ้ อี้เซวียนอยู่บนรถม้าของจ้าพอดี ไม่เพียงแต่จัดการคนที่เขานำมาด้วยจนราบคาบ แล้วยังจงใจปล่อยเขาไป ถึงได้ตามหารังเก็บตัวของเขาได้พบจากร่องรอยที่ทิ้งไว้”
    

 

 


เหวินซื่อผุดลุกขึ้น กวาดตาพิจารณานางทั้งร่างอยู่สองสามที ถามอย่างเป็นกังวลว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

 

 

“หากวันนี้ท่านไปจัดการกับเขาให้เสร็จข้าก็ไม่เป็นอะไร หากว่าเจ้ายังใจมีเมตตาใจอ่อนอยู่ล่ะก็ เกรงว่าข้าคงจะมีเรื่องเดือดร้อนไปตลอด”

 

 

“ไม่มีทาง วันนี้ข้าจะจัดการอย่างเด็ดขาดให้จบสิ้นกับเขา ไม่ใช่เขาตายก็ข้าสิ้น” เหวินซื่อพูดเสียงขรึม 
    


 

 

เมิ่งเชียนกรอกตาขึ้นมองท้องฟ้า “เถ้าแก่เหวิน มีพวกข้าคอยช่วยเหลืออยู่อีกแรง แล้วท่านจะยังสู้เอาเป็นเอาตายกับเขาอีก เช่นนี้มันไม่ได้โง่เขลาไปหน่อยหรือ”

 

 

เหวินซื่อโบกมือ “พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง เรื่องระหว่างพวกข้า พวกข้าจะจัดการเอง”

 

 

“ท่านมั่นใจหรือว่ารับมือเขาได้” เมิ่งเชียนโยวถามด้วยความสงสัย
    

 

 

เหวินซื่อถลึงตามองนางด้วยความไม่พอใจ “ดูถูกข้าไปแล้ว แต่ก่อนนี้ข้าอยู่ในที่สว่างเขาอยู่ในที่มืด ข้าจึงรับมือเขาไม่ไหว วันนี้พวกข้าเผชิญหน้าตรงกัน กวางน้อยจะตายในมือใครก็ยังไม่แน่นอนหรอก”

 

 

เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “ขอให้ท่านอย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้พวกเราอีกเลย”

 

 

พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไป
    

 

 

เหวินซื่อบ่นพึมพำด้วยความไม่พอใจลับหลังนาง “เจ้าเด็กบ้า ใครจะไปสร้างเรื่องเดือดร้อนให้เจ้า ข้าเองก็มีวิชาเหมือนกัน”

 

 

เมิ่งเชียนโยวชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับมาในทันใด เอ่ยถามด้วยท่าทีเหมือนจะยิ้มแย้ม “เมื่อครู่นี้ท่านพูดว่าอะไรหรือ ข้าได้ยินไม่ชัด”

 

 

เหวินซื่อก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองนางด้วยความหวาดระแวง เอ่ยปฏิเสธลูกเดียว “ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น”

 

 

แค่นเสียงเย็นออกมาทีหนึ่ง เมิ่งเชียนโยวหมุนตัวเดินออกไป “อี้เซวียนรอข้าอยู่บนรถม้า หากท่านกล้าเรียกข้าเช่นนี้อีก ให้เขาได้ยินเข้าเจ้าก็คงจะรู้ว่ามีอะไรรออยู่”
    

 

 

คิดถึงวิธีการจัดการที่มีชีวิตยังไม่สู้ว่าไปตายที่หวงฝู่อี้เซวียนปฏิบัติต่อเฮ่อเหลี่ยน เหวินซื่อก็ต้องตัวสั่นสะท้าน ปิดปากของตนในทันใด

 

 

เดินมาถึงชั้นล่าง เมิ่งเชียนโยวเดินตรงออกไปข้างหน้า ก้าวขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ข้างหน้า

 

 

เหวินซื่อเดินตามมาข้างหลัง เอ่ยกำชับพนักงานสองสามประโยคถึงได้ออกมา เดิรตรงไปยังรุม้าช้างหน้า

 

 

เสียงของหวงฝู่อี้เซวียนลอยออกมาจากในรถม้า “ไม่รบกวนเถ้าแก่เหวินให้มาบังคับรถม้าของพวกข้าหรอก เจ้าไปนั่งรถม้าด้านหลังเถิด”