เหวินซื่อหมุนฝีเท้าในทันใด รีบก้าวขึ้นไปบนรถม้าด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ไปเมืองประจิม” หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยเสียงสั่ง
คนบังคับรถม้ายกแส้ขึ้นฟาดบังคับรถม้าไม่นานก็มาถึงเมืองประจิม
คนเมืองอุดรแม้จะยากจน แต่ก็ล้วนเป็นคนพื้นที่ที่ซื่อสัตย์จริงใจทั้งสิ้น แต่เมืองประจิมกลับต่างออกไป คนพื้นที่ คนนอกพื้นที่ ขอทาน คนร่อนเร่ ผู้อพยพ ผู้คนหลากหลายประเภทล้วนมีทั้งสิ้น เป็นสถานที่ที่มีคนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน จวนราชการเองก็ยังไม่อาจทำอะไรเมืองประจิมได้ ผ่านไปนานวันเข้าก็กลายเป็นแถบพื้นที่ที่ไม่มีใครเข้าไปจัดการ
รถม้ามาถึงเมืองประจิม ผู้คนทั้งหลายทยอยลงมาจากรถม้า คนที่แต่งกายชุดองครักษ์จวนอ๋องผู้หนึ่งเดินมาถึงหน้ารถม้า พูดอย่างนอบน้อมว่า “ซื่อจื่อ เขายังอยู่ในเรือนพักขอรับ”
“นำทาง!”
“ขอรับ!”
องครักษ์นำทางกลุ่มคนเดินเข้าไปในถนนที่สกปรกอย่างมาก
น้อยครั้งที่จะมีคนแต่งตัวโดดเด่นดูสง่าเช่นนี้มายังเมืองประจิม ฉะนั้นสถานที่ที่พวกเขาเดินผ่านล้วนมีคนไม่น้อยส่งสายตาสงสัยทอดมองมา
หวงฝู่อี้เซวียนและเมิ่งเชียนโยวเดินตรงเข้าไปในอย่างไม่ว่อกแว่ก
เหวินซื่อไม่ค่อยคุ้นชินกับสายตาเช่นนี้เท่าไรนัก ขมวดคิ้วมุ่น
เดินมาจนถึงสุดปลายถนนมีบ้านหลังทรุดโทรมอยู่หลังหนึ่ง องครักษ์หยุดฝีเท้าลง “ซื่อจื่อ ตรงนี้ขอรับ”
หวงฝู่อี้เซวียนพยักหน้า แสดงท่าทีให้รับรู้
องครักษ์ก้าวขึ้นไปข้างหน้า ถีบประตูใหญ่ของเรือนพักหลังเล็กเข้าเต็มเท้า คนที่เหลือทยอยเดินเข้าไปข้างในลานเรือนพัก
คนในเรือนพักได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว หยิบอาวุธในมือกระชับให้แน่น ล้อมรอบผู้ที่เข้ามาบุกรุกเอาไว้
คุณชายเหวินเอ้อร์เดินออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าดำคล้ำ
เมิ่งเชียนโยวกวาดตาพิจารณาเรือนพักทรุดโทรมหลังนี้ จิ๊ปากออกมาสองที พูดเย้ยหยันว่า “ทำให้คุณชายเอ้อร์ลำบากแล้ว จำต้องมาหลบซ่อนอยู่ในที่สกปรกเช่นนี้”
คุณชายเหวินเอ้อร์เอ่ยปากขึ้นด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “พวกเจ้าช่างกัดไม่ไป อยู่เป็นเงาตามตัวเสียเหลือเดิน ตามหาที่นี่จนพบ”
“ไม่รู้จะทำเช่นไร คุณชายเอ้อร์มอบของกำนัลให้ข้าหลายครั้งติดต่อกัน ข้าเองจะไม่ตอบแทนก็ดูไม่ถูกต้องเท่าไรนัก แต่วันนี้ข้าไม่ได้มาลงมือกับท่าน เรื่องระหว่างพวกท่านสองพี่น้องก็ไปจัดการกันเองเสียเถิด ข้ายืนดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว” พูดจบก็เลี่ยงตัวออกไป ให้เหวินซื่อเดินขึ้นมาข้างหน้า
คุณชายเหวินเอ้อร์แค่นเสียงหัวเราะ มองเหวินซื่อด้วยความดูถูก “อาศัยเพียงคนไร้ความสามารถเช่นเจ้า ยังคิดจะประมือกับข้าอีกหรือ”
เหวินซื่อหน้าดำคล้ำ พูดว่า “ตั้งแต่เด็กข้าเห็นเจ้าเป็นน้องชาย ปฏิบัติกับเจ้าอย่างดี เหตุใดเจ้าถึงทำร้ายข้าไม่เลิกไม่รา”
คุณชายเหวินเอ้อร์หัวเราะด้วยความดูแคลน “เจ้าไม่มีอะไรสู้ข้าได้ เพียงแต่อาศัยตำแหน่งลูกชายคนโตจากภรรยาเอกก็สามารถสืบทอดร้านยาเต๋อเหรินได้ แต่ข้านั้นไม่ว่าจะพยายามเช่นไร เจ้าเฒ่าผู้นั้นก็ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา แม้แต่เรื่องการแต่งงานก็ยังเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า ข้าไม่ยอม!”
“พวกเจ้าไล่ข้าออกจากตระกูล ทำให้ข้าไม่มีอะไรติดตัวเลยไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าเองก็จะให้พวกเจ้าลิ้มรสความเจ็บปวดจากการไม่ได้ครอบครองสิ่งที่เห็น”
“เป็นอย่างไรบ้างเล่า ตอนที่เห็นผู้หญิงที่รักสุดหัวใจให้กำเนิดทารกไร้ชีวิตออกมา ในใจเจ็บปวดมากใช่หรือไม่ จะบอกเจ้าให้ฟัง นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ขอเพียงแต่ข้ายังอยู่ ชีวิตนี้ของเจ้าก็ไม่ต้องคิดว่าจะมีลูกได้อีก เจ้าอวดอ้างไม่ใช่หรือว่ามีสัมพันธ์อันลึกซึ้งต่อเฝิงจิ้งเหวิน ข้าคิดอยากจะดูนักว่านางไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้อีกแล้ว ความสัมพันธ์อันลึกซึ้งของเจ้านี้จะยังยืนหยัดได้อีกนานเพียงใด”
“แท้จริงแล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นเจ้าคอยชักใยอยู่เบื้องหลังนี่เอง เสียดายที่ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องชายแท้ๆ” เหวินซื่อพูดออกมาด้วยความโมโห
เหวินเอ้อร์เขยิบเข้ามาใกล้พวกเขาอีกก้าวหนึ่ง “ข้าทำแล้วจะทำไมหรือ คนไร้ความสามารถเช่นเจ้าจะทำอะไรข้าได้”
เหวินซื่อพูดเสียงดัง “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์พี่น้องของข้าและเจ้าตัดจากกัน ข้าไม่มีทางใจอ่อนมีเมตตากับเจ้าอีกต่อไป!”
เหวินเอ้อร์แค่นเสียงเย็น แล้วก้าวขึ้นไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง “ไม่ใจอ่อนมีเมตตากับข้าอีก เช่นนั้นก็ต้องดูแล้วว่าเจ้ามีความสามารถนั้นหรือไม่!”
เมิ่งเชียนโยวรู้สึกว่าไม่ถูกต้องเท่าไรนัก ตะโกนเตือนขึ้นมาประโยคหนึ่ง “เหวินซื่อ!”
แต่ว่าช้าเกินไป เหวินเอ้อร์บ้าคลั่งไปแล้ว ใช้ความเร็วดุจสายฟ้าฟาดควักมีดพกออกมาจ่ออยู่ตรงคอของเหวินซื่อ ยิ้มเย็นมองเมิ่งเชียนโยวและหวงฝู่อี้เซวียน “ข้าเคยพูดไว้นานแล้ว เขาเป็นคนไร้ความสามารถ พวกเจ้าไม่ฟัง ตอนนี้คงรู้แล้วใช่หรือไม่ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าเขาสิบคนก็ไม่ใช่ศัตรูของข้า”
เหวินซื่อดิ้นหนีสุดกำลัง มีดพกของเหวินเอ้อร์หายเข้าไปในคอของเขาเล็กน้อย เลือดจำนวนหนึ่งไหลลงมาตามคมมีด
“เหวินซื่อ อย่าขยับ!” เมิ่งเชียนโยวต่อว่าเสียงดัง
เหวินเอ้อร์ก็หัวเราะหยันพูดว่า “พี่ใหญ่คนดีของข้า มีดพกในมือของน้องไม่ได้เป็นของธรรมดา เจ้ายังดิ้นหนีอีก ระวังว่าภรรยาคนดีของเจ้าจะกลายเป็นแม่ม่ายเอา”
เหวินซื่อหยุดดิ้นหนี มองไปยังเมิ่งเชียนโยวด้วยความอับอาย
มีดพกของเหวินเอ้อร์จมหายเข้าไปในคอเหวินซื่อลึกขึ้นอีกเล็กน้อย เขาไม่สนใจเลือดสดที่ไหลออกมาจากลำคอแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “แม่หญิงเมิ่ง ซื่อจื่อ พวกเรามาคุยข้อตกลงกันจะว่าอย่างไร”
“เจ้าพูด!” เสียงของเมิ่งเชียนโยวพูดขึ้นมาเรียบๆ
“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าคนไร้ความสามารถนี้ไป พวกเจ้าเองก็ต้องให้ทางรอดกับข้าจะว่าอย่างไร”
“ไม่ต้องสนใจข้า ฆ่าเขา” เหวินซื่อพูดเสียงดัง
เสียงของเหวินเอ้อร์ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย “หากว่าพี่ใหญ่คนดีของข้าดึงดันจะตายไปพร้อมกับข้าล่ะก็ ข้าเองก็ไม่มีความเห็นต่าง ก็ดีว่าในปรโลกยังมีคนไปอยู่เป็นเพื่อน”
“เจ้าไม่คู่ควร!” เมิ่งเชียนโยวพูดเสียงเย็น
เหวินเอ้อร์ตะลึงไป “ความหมายของแม่หญิงเมิ่งคืออะไรหรือ”
“ความหมายของข้าคิดเจ้าไม่คู่ควรที่จะตายไปพร้อมกับเหวินซื่อ ชาติกำเนิดเขาสูงส่ง ท่านเป็นเพียงสุนัขไม่มีเจ้าของตัวหนึ่งเท่านั้น คิดจะตายไปเป็นเพื่อนเขา ท่านดูเหมือนจะเป็นคนโง่ที่พูดจาเพ้อฝันไปเสียหน่อย”
เหวินเอ้อร์ไม่หงุดหงิด แล้วยังหัวเราะออกมาเบาๆ “เช่นนี้แม้หญิงเมิ่งเองก็คงตอบรับคำขอของข้าแล้วหรือ”
เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “วันนี้เป็นพวกข้าที่ไม่ระวัง ตกอยู่ในน้ำมือท่านเรื่องนี้พวกข้ายอมรับ วันอื่นหากได้พบเจอท่านอีก พวกข้าย่อมไม่ปล่อยไปง่ายๆ เป็นแน่”
เหวินเอ้อร์หันไปมองหวงฝู่อี้เซวียน “ความคิดของซื่อจื่อเล่า”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร
เหวินเอ้อร์พูดเองเออเอง “ดูท่าซื่อจื่อคงจะไม่เห็นด้วย”
“เรื่องของเขาข้าเป็นคนตัดสิน ข้าบอกให้ปล่อย เจ้าก็ต้องปล่อย” เมิ่งเชียนโยวพูด
เหวินเอ้อร์ดังเหวินซื่อให้เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ในน้ำเสียงแฝงความเย้ยหยันเอาไว้ “ได้ยินมาว่าแม่หญิงเมิ่งรู้สึกสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อซื่อจื่อยิ่งนัก ในตอนนั้นเพื่อเขาก็เกือบจะต้องสูญเสียชีวิตไป ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงได้เป็นห่วงเจ้าคนไร้ความสามารถผู้นี้ขนาดนี้ด้วย หรือว่าแม่หญิงเมิ่งและเจ้าคนไร้ความสามารถนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่อาจบอกใครได้เช่นนั้นหรือ”
ไอพิฆาตรอบกายหวงฝู่อี้เซวียนระเบิดออก ตะคอกเสียงดัง “หาที่ตาย!”
เหวินเอ้อร์กลับพยักหน้า “ซื่อจื่อพูดถูกแล้ว ข้านั้นรนหาที่ตายจริง ไม่สู้ว่าท่านข้าฆ่าให้ตายตอนนี้ ข้าจะได้ลากเจ้าไร้ความสามารถนี้มาเป็นแพะรับบาป”
เมิ่งเชียนโยวหรี่ตาลง เสียงยิ่งเย็นขึ้นหว่าเดิม “นี่เจ้ามั่นใจแล้วว่าพวกข้าจะไม่มีวิธีลงมือกับเจ้าเช่นนั้นหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ แม่หญิงเมิ่งและซื่อจื่อในเมื่อกล้ามาถึงที่นี่ คิดว่าคนของพวกท่านก็คงจะวางกรอบดักศัตรูเอาไว้ด้านนอกแล้วกระมัง เหวินเอ้อร์แม้จะไม่ฉลาด แต่ก็รักชีวิตยิ่งนัก แต่เมื่อดูท่าทีของพวกท่าน วันนี้ย่อมไม่มีทางปล่อยข้าไปง่ายๆ เป็นแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้ายังมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องร้องขอพวกท่านอีก สามารถดึงเจ้าคนไร้ความสามารถนี้ไปตายด้วยกันได้ ข้าเองก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว”
“ข้าเคยพูดไว้ ปล่อยเจ้าไป ขอเพียงแค่เจ้าปล่อยเหวินซื่อมา ข้าจะให้พวกเขาปลดออกทันที” เมิ่งเชียนโยวพูด
“แม่หญิงเมิ่งเห็นข้าเป็นเด็กสามขวบเช่นนั้นหรือ ต่อให้ปลดพวกเขาออกไปแล้วจะเป็นอย่างไร อาศัยเพียงวิชาวิทยายุทธ์ของพวกท่านทั้งหลายก็สามารถกุมตัวข้าได้อย่างง่ายดายแล้ว”