“เจ้าคิดจะทำอย่างไร”
“ย่อมต้องให้แม่หญิงเมิ่งไปส่งพวกข้าสักระยะหนึ่งเป็นแน่”
“ได้!”
“ในเมื่อแม่หญิงเมิ่งตอบรับง่ายเช่นนี้ ข้าเองก็ง่ายดายเช่นเดียวกัน คนอื่นถอยไป รบกวนแม่หญิงเมิ่งส่งข้าออกจากเมืองประจิมด้วย แล้วให้คนของท่านเตรียมม้าชั้นดีตัวหนึ่งให้ข้า”
“ได้!”
“ไม่ได้!”
เสียงของเมิ่งเชียนโยวและหวงฝู่อี้เซวียนดังขึ้นมาพร้อมกัน
“ดูท่าซื่อจื่อจะไม่เห็นด้วย เช่นนั้นต้องรบกวนแม่หญิงเมิ่งพูดเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แต่ความอดทนของข้ามีจำกัด หวังว่าพวกท่านจะเร็วเสียหน่อย”
หวงฝู่อี้เซวียนก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง “โยวเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ข้าจะส่งพวกเจ้าออกจากเมืองเอง”
เหวินเอ้อร์ส่ายหัว “วิชาวิทยายุทธ์ของซื่อจื่อลึกล้ำเกินคาดเดา หากว่ากลับคำขึ้นมา ข้าย่อมสู้ท่านไม่ได้เป็นแน่ อย่างไรแม่หญิงเมิ่งออกโรงเรื่องนี้ข้าก็สบายใจกว่าหน่อย”
“ได้ ข้าจะไปส่งเจ้าออกจากเมืองในทันใด” เมิ่งเชียนโยวพูด
หวงฝู่อี้เซวียนมองนางด้วยสายตาไม่เห็นด้วยอย่างมาก
เมิ่งเชียนโยวส่งยิ้มให้เขาทีหนึ่ง “คุณชายเหวินเอ้อร์แม้จะนิสัยต่ำช้าไปเสียหน่อย แต่ก็เป็นคนที่เข้าใจเรื่องราว รู้ว่าหากเขาทำร้ายข้าจนบาดเจ็บ ท่านจะต้องไล่ตามฆ่าเขาอย่างสุดหล้าฟ้าเขียวเป็นแน่ ถึงเวลานั้นวันเวลาที่เขาจะได้พักผ่อนย่อมไม่มีเป็นแน่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ” พูดเท่านี้ก็หันไปทางเหวินเอ้อร์ “ข้าพูดถูกหรือไม่ คุณชายเหวินเอ้อร์”
เหวินเอ้อร์ยิ้มพลางพยักหน้า “แม่หญิงเมิ่งพูดได้ถูกต้องนัก ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้นเป็นแน่”
“เช่นนั้นก็ไปเถิด ข้าจะส่งคุณชายเอ้อร์ออกจากเมือง” เมิ่งเชียนโยวเองก็ยิ้มพลางพูดออกมา
คุณชายเหวินเอ้อร์ส่งสายตาให้คนในปกครอง “พวกเจ้าไปก่อน”
กลุ่มคนที่อยู่ในลานเรือนพักขยับฝีเท้า
“ช้าก่อน!” เมิ่งเชียนโยวยิ้มพลางตะโกนเสียงดัง “ข้ารับปากส่งคุณชายเหวินเอ้อร์ออกจากเมือง แต่ไม่ได้รับปากว่าจะปล่อยลูกน้องของเจ้าเหล่านี้ไป”
เหวินเอ้อร์ชะงักเก็บท่าที หรี่ตาลง “แม่หญิงเมิ่งหมายความเช่นไร”
“หมายความเฉกที่เจ้าคิด เจ้าไปได้ พวกเขาจำต้องอยู่ที่นี่”
“หากว่าข้าไม่ตกลงเล่า” เหวินเอ้อร์ถามเสียงเย็น
เมิ่งเชียนโยวยักไหล่ “เช่นนั้นก็คงได้แต่ปล่อยให้เจ้าฆ่าเหวินซื่อแล้ว”
“เจ้า…” เหวินเอ้อร์โมโหอย่างมาก คิดจะระเบิดออกมา
เมิ่งเชียนโยวยิ้มมองเขา
ความโกรธของเหวินเอ้อร์สลายหายไปในทันใด ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าต้องให้พี่ชายแสนดีผู้นี้ไปก่อนข้าแล้ว” พูดจบมีดก็ทิ่มเข้าไปในลำคอเหวินซื่ออีกเล็กน้อย
เหวินซื่อส่งเสียงร้องในลำคอ
เมิ่งเชียนโยวมองเหวินเอ้อร์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนว่าไม่ได้เอาความเป็นอยู่ของเหวินซื่อเก็บมาคิด
เหวินเอ้อร์พยายามขยับมีดอีกเล็กน้อยเป็นการลองเชิง
เมิ่งเชียนโยวยังคงยิ้มมองเขาอยู่เหมือนเดิม
เหวินเอ้อร์ไม่กล้าขยับอีก สีหน้าดำคล้ำมองเมิ่งเชียนโยว
เมิ่งเชียนโยวผายมือทำท่าทางเชื้อเชิญ “คุณชายเอ้อร์ รบกวนเร็วเสียหน่อย เวลาไม่เช้าแล้ว หลังจากที่เก็บกวาดร่างพวกท่านทั้งหลาย ข้ายังต้องรีบกลับไปร่วมรับประทานอาหารอีก”
เหวินเอ้อร์มองนางด้วยสายตาลอบประเมิน แต่กลับมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วพูดจริงหรือโกหก
ผ่านไปครู่ใหญ่จู่ๆ เหวินเอ้อร์ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “แม่หญิงเมิ่ง ท่านชนะแล้ว คนพวกนี้ข้าไม่พาไปด้วย จัดการได้ตามใจเจ้าเลย”
“ผู้ที่รู้หน้าที่และกาลเทศะถือเป็นวีรบุรุษ คุณชายเหวินสมแล้วที่เป็นผู้ชาญฉลาด หวังว่าหลังจากนี้จะยังมีโอกาสได้พบหน้ากันอีก” เมิ่งเชียนโยวพยักหน้าเอ่ยชื่นชม
เหวินเอ้อร์พูดออกมาด้วยท่าทีแสยะยิ้ม “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แม่หญิงเมิ่งมอบของขวัญชิ้นใหญ่ที่ยากจะลืมเลือนให้ข้าเช่นนี้ ข้าจะไม่จดจำว่าต้องตอบแทนได้อย่างไร”
“ดี ข้าจะรอ หวังว่าครั้งหน้าคุณชายเอ้อร์จะไม่ทำให้ข้าผิดหวังเช่นนี้”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น และหวังว่าแม่หญิงเมิ่งจะมีชีวิตที่ยืนยาวเสียหน่อย รอข้ากลับมารำลึกความหลังกับท่าน”
เมิ่งเชียนโยวพยักหน้า “ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปข้างนอก “ใกล้จะถึงช่วงเที่ยงวันแล้ว ข้าส่งคุณชายเอ้อร์ออกนอกเมืองดีกว่า”
หวงฝู่อี้เซวียนคิดจะตามไป เสียงของเหวินเอ้อร์ดังขึ้น “ซื่อจื่อ ทางที่ดีท่านอย่าได้ขยับ ข้ารับประกันว่าแม่หญิงเมิ่งจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
หวงฝู่อี้เซวียนไม่ขยับ
เหวินเอ้อร์ผลักเหวินซื่อให้เดินอ้อมกลุ่มคนอย่างระมัดระวัง ตามเมิ่งเชียนโยวออกไปทางประตูหลัง ตรงไปยังนอกเมือง
เมืองประจิมแต่เดิมเป็นสถานที่ที่มีคนดีและคนเลวปะปนกัน มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งต่อสู้เกิดขึ้นทุกวี่ทุกวัน เห็นเหวินเอ้อร์ใช้มีดพกจ่ออยู่ตรงลำคอเหวินซื่อ ผลักให้เขาเดินตามสตรีผู้หนึ่งก็เพียงแต่มองด้วยความแปลกใจเท่านั้น ไม่ได้มีใครมาสนใจ
เมื่อใกล้ถึงประตูเมืองประจิม เมิ่งเชียนโยวก็หยุดฝีเท้าลง หมุนตัว “ข้าส่งคุณชายเหวินเอ้อร์ถึงที่นี่ก็แล้วกัน”
“แม่หญิงเมิ่งคิดจะกลับคำหรืออย่างไร” เหวินเอ้อร์ถามเสียงเคร่ง
เมิ่งเชียนโยวส่ายหน้า “คุณชายเหวินเอ้อร์บีบบังคับเหวินซื่อเช่นนี้ ถูกนายทหารเฝ้าเมืองเห็นเข้าจะต้องถูกกีดขวางเป็นแน่ ถึงตอนนั้นเจ้าเองก็ไปไหนไม่ได้ ไม่สู้ว่าเจ้าปล่อยมือตอนนี้ ข้าสั่งให้คนไปจูงม้ามา”
เหวินเอ้อร์กวาดตามองรอบข้างด้วยความหวาดระแวง พลางมองประตูเมืองที่อยู่ข้างหน้า คำนึงถึงความเป็นจริงของคำพูดของเมิ่งเชียนโยว
เมิ่งเชียนโยวก็ไม่ได้เร่งเร้าอะไร ปล่อยให้เขาคิดจนเข้าใจ
ผ่านไปครู่หนึ่งเหวินเอ้อร์ถึงได้กัดฟันพูดว่า “เอาเถิด ข้าจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ให้คนของเจ้าไปจูงม้ามา”
เมิ่งเชียนโยวโบกมือให้ด้านหลัง ชิงหลวนจูงม้าตัวหนึ่งเดินเข้ามา
เหวินเอ้อร์พยักเพยิดศีรษะส่งให้ชิงหลวน “เจ้าเดินไปทางนาง”
ชิงหลวนปล่อยบังเ**ยนในมือออก เดินไปข้างกายเมิ่งเชียนโยว
เหวินเอ้อร์ดันเหวินซื่อให้เดินไปข้างม้า เอาบังเ**ยนมากระชับถือไว้ในมืออย่างระแวดระวัง ผลักเหวินซื่อออกไปทางทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็กระโจนตัวขึ้นหลังม้าอย่างว่องไว ออกแรงฟาดหลังม้าอย่างแรง ม้ารู้สึกเจ็บส่งเสียงร้องลั่นแล้วกระโจนตัววิ่งออกไป
เสียงของเหวินเอ้อร์ลอยมาจากที่ไกล “แม่หญิงเมิ่ง พวกเรายังต้องพบกันอีก”
ชิงหลวนคิดจะไล่ตามไป เมิ่งเชียนโยวขวางนางเอาไว้ “ปล่อยเขาไปเถิด ลูกน้องเขาทั้งหมดเสียหายอยู่ในน้ำมือของพวกเรา เขาคนเดียวไม่อาจพลิกคลื่นลูกใหญ่มหึมาได้”
ชิงหลวนชะงักฝีเท้า
เหวินซื่อลูบเลือดสดข้างลำคอตนเองทีหนึ่ง พูดว่า “เจ้าไม่ควรยอมปล่อยเขาไป”
“เช่นนั้นหรือ?” เมิ่งเชียนโยวถามขึ้นด้วยท่าทีเย็นยะเยือก
เหวินซื่อไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในน้ำเสียงของนางเลยแม้แต่น้อย พยักหน้า “ตระกูลฝั่งยายของเขามีทรัพย์สินมากมาย เขาคิดจะฝึกฝนคอีกสักจำนวนหนึ่งก็ถือเป็นเรื่องง่ายดายนัก เจ้าทำเช่นนี้ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า…”
โครม! เขายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเมิ่งเชียนโยวยันลงไปบนพื้นเข้าอย่างจัง
ชิงหลวนอ้าปากค้างตาถลนมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า
เมิ่งเชียนโยวยังคงไม่หายโกรธ ก้าวขึ้นไปข้างหน้าซ้ำอีกสองที พูดด้วยความโมโหว่า “ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะใครกัน ข้าเคยเตือนท่านมาก่อนนี้แล้ว เขาไม่ใช่คนที่จะต่อสู้ด้วยได้ ท่านกลับถือเป็นลมข้างหู ถ้าไม่ใช่เพราะคำนึงถึงท่าน ข้าจะปล่อยให้เขาหนีไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้หรือ ท่านรู้หรือไม่ว่าคนที่เคยข่มขู่ข้า ข้าล้วนส่งผู้คนเหล่านั้นไปเกิดใหม่หมดแล้ว”
เหวินซื่อถูกเตะจนมึน นอนหงายท้องอยู่บนพื้นมองนางด้วยท่าทีซื่อบื้อ
เห็นท่าทีของเขาเมิ่งเชียนโยวยิ่งโมโหมาหขึ้น เดินเข้าไปใกล้เขามอบลูกเตะไปให้อีกทีหนึ่ง
เหวินซื่อได้สติกลับขึ้นมาในทันใด กลิ้งหลบไปทางด้านข้าง หนีจากฝีเท้านางไปได้ “เจ้าเด็กบ้า เจ้าเตะจริงๆ หรือนี่ ข้ายังบาดเจ็บอยู่นะ”
พอเขาหลบเมิ่งเชียนโยวก็ยิ่งโมโหมากขึ้น เท้าก็ยิ่งขยับเร็วมากขึ้น “ตายไปได้ก็ดี จะได้ไม่ต้องทำให้ข้าต้องมาคิดมากเรื่องท่านอยู่ทั้งวี่วัน ตอนแรกข้าตาบอดไปแล้วจริงๆ เหตุใดถึงได้รู้จักกับคนสมองหมูเช่นเจ้าด้วย”
ชิงหลวนไม่เคยเห็นเมิ่งเชียนโยวโหดเ**้ยมเช่นนี้มาก่อน นิ่งอึ้งยืนบื้อไปโดยสมบูรณ์แบบ
รอบข้างมีคนเดินผ่านไปมา ผู้ที่เดินเข้าเมืองออกเมืองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็พากันชะงักฝีเท้า ซุบซิบกล่าวขานหันมามองทางนี้