TQF:บทที่ 510 ไม่มีค่าพอให้แค้น (2)
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าหมายความว่าเจ้าก็จะไป?”
“ใช่ ศึกครั้งสุดท้าย เราไปดูด้วยกัน”
“เรื่องนี้….”
โม่ซวนซุนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสี่ยวเสี่ยว ให้ข้าออกโรงเองก็จัดการได้แล้ว เจ้าอยู่ที่บ้านนี่แหละ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“ไม่ ครั้งนี้ข้าอยากไปดูหน่อย”
“ทำไมล่ะ”
มองคนที่มีสีหน้าแน่วแน่ โม่ซวนซุนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่รู้สิ สังหรณ์ใจว่าศึกครั้งนี้ไม่ธรรมดา อาจจะมีเรื่องอย่างอื่นที่เราคาดไม่ถึงก็ได้”
“เรื่องที่คาดไม่ถึง?”
โม่ซวนซุนเลิกคิ้ว เขารู้ว่าเฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่พูดอะไรแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เกรงว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นจริงๆ
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าจะ…”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ตัดสินใจแล้วว่าจะไปก็คือจะไป”
“งั้นก็ได้ มะรืนเราไปด้วยกัน”
“ได้”
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์จงหยวนเริ่มรวบรวมไพร่พล ผู้ฝึกฝนวิทยายุทธชุดแรกออกเดินทางไปแล้วภายใต้การวางแผนของผู้เฒ่าหยิง บุกเข้าไปในเมืองโลกทมิฬเพื่อสู้กับผู้ฝึกตนวิถีมาร
ตกกลางคืน มีแขกไม่ได้รับเชิญมาที่ตำหนักเถาวัลย์หยก
เห็นการมาของเขาเฉิงเสี่ยวเสี่ยวชะงักไป ก่อนจะรีบกลับมามีท่าทีเรียบเฉยตามปกติ แต่ไม่ได้เป็นฝ่ายทักทายก่อน
ตาเฒ่าลั่วเห็นปฏิกิริยาของนางเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้ เขาย่างก้าวเข้าไปในศาลา นั่งลงตรงหน้าเฉิงเสี่ยวเสี่ยว
“เสี่ยวเสี่ยว ข้าเรียกเจ้าแบบนี้ได้มั้ย” ไม่รู้ทำไม อยู่ต่อหน้าหลานสาวคนนี้แล้วตาเฒ่าลั่วไม่สามารถวางตัวเหนือกว่าในฐานะท่านตาได้เลย กลับมีท่าทีอ่อนโยน ถ้าคนที่ไม่รู้เรื่องมาเห็นคงนึกว่าเป็นตาหลานที่สนิทกันมาก
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวมองเขาแว้บนึงก่อนจะกล่าวเรียบๆ “แล้วแต่”
“งั้นก็ดี” ตาเฒ่าลั่วยิ้ม “เสี่ยวเสี่ยว ไม่คิดว่าพริบตาเดียวเจ้าก็โตแล้ว ไม่เพียงแต่ฉลาดเฉลียว หน้าตาก็ยังสะสวยอีกด้วย เสี่ยวเสี่ยว ข้าขอบคุณเจ้านะ ที่เจ้ายอมปล่อยวางเรื่องในอดีต และไม่ถือโทษโกรธกัน เจ้าช่วยเหลือพวกเราไว้เยอะจริงๆ ข้าจะจำไว้อยู่ในใจเสมอ”
“ไม่จำเป็น ท่านรู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ข้าก็แค่ช่วยท่านน้าเท่านั้น ไม่ได้เป็นเพราะท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า”
“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ช่วยไปแล้ว ข้าก็ต้องขอบคุณ” ตาเฒ่าลั่วไม่ใส่ใจน้ำเสียงเย็นชาของนาง พูดต่อ “เดี๋ยวก็ต้องไปออกรบกับเมืองโลกทมิฬแล้ว เสี่ยวเสี่ยว ต้องการให้ข้าไปด้วยมั้ย”
“เรื่องนี้ให้ผู้เฒ่าหยิงเป็นคนจัดการ ถ้าท่านอยากไปก็ไปบอกผู้เฒ่าหยิง” เฉิงเสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในใจยังรู้สึกไม่ค่อยอยากเผชิญหน้ากับเขา
ตาเฒ่าลั่วจ้องมองนางอย่างตั้งใจ อดถามคำในใจออกไปไม่ได้ “เสี่ยวเสี่ยว เจ้ายังแค้นข้าอยู่ใช่รึเปล่า”
“แค้นท่าน…”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ว่าทำไมเขาถามคำถามแบบนี้ขึ้นอีก สีหน้าเข้มขึ้นนิดหน่อย “ทำไมต้องแค้นท่านด้วย ท่านมีอะไรที่คุ้มค่าที่จะให้ข้าแค้น ท่านมีชีวิตดีๆของท่าน ข้ามีชีวิตลำบากของข้า นี่มันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องแค้น ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องทุ่มเทแรงใจไปแค้นคนอื่น”
“….” ตาเฒ่าลั่วยิ้มเฝื่อนๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกดี ที่จริงเขาตั้งใจจริงๆที่จะคุยกับหลานสาวให้เข้าใจ ทำให้สิ่งบาดหมางในใจหายไป
แต่ว่า….
ในเวลานี้โม่ซวนซุนกลับเจอเข้ากับน้องชายว่าที่ภรรยา เฉิงเจิ้งหยวน
“พี่เขย เตรียมจะไปออกรบกับเมืองโลกทมิฬจริงรึเปล่า ท่านพาข้าไปดูด้วยสิ ได้มั้ย” เฉิงเจิ้งหยวนมองเขาด้วยใบหน้าคาดหวัง
“เป็นไปไม่ได้” โม่ซวนซุนปฏิเสธแบบไม่แม้แต่จะคิด ล้อเล่นรึไง ต้องไปประมือกับพวกตัวประหลาดจากเมืองโลกทมิฬ จะให้พาตัวถ่วงไปด้วยได้อย่างไร หาเรื่องให้ทรมานตัวเองชัดๆ
เฉิงเจิ้งหยวนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้มาก จะยอมพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
“ไม่ได้เจิ้งหยวน เจ้าเด็กเกินไป สงครามครั้งนี้ไม่ได้ง่ายแบบที่เจ้าคิด เจ้าไปฝึกฝนให้ดีก่อน”
“พี่เขย ท่านรังแกคนหรือไง ข้าจะยังเป็นเด็กอยู่ได้ไง ข้าบรรลุนิติภาวะแล้วชัดๆ ทำไมข้าจะเข้าร่วมไม่ได้”
“เจ้า…”
ความดื้อรั้นของน้องคนนี้โม่ซวนซุนเองก็รู้สึกแล้ว อดปวดหัวไม่ได้ เจ้าเด็กนี่ไม่ยอมง่ายๆแน่
สุดท้ายเขาจะออกคำสั่งอย่างช่วยไม่ได้ “อยากไปก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ ข้าจะกดระดับวิทยายุทธลงถึงราชันย์เทพยุทธ์เพื่อประมือกับเจ้า ถ้าเจ้าสามารถกันการโจมตีของข้าได้ถึง 10 ท่า ข้าก็จะพาเจ้าไป แต่ถ้าเจ้าไม่สามารถรับไหวเจ้าก็ต้องเป็นเด็กดีฝึกฝนตัวเองอยู่ที่นี่”
“ได้ ข้ารับปาก” เฉิงเจิ้งหยวนรีบรับปากโดยไม่ต้องคิด
เพราะเขาอยากจะหายอดฝีมือมาประมือด้วยตั้งนานแล้ว จะได้ฝึกความไวของปฏิกิริยาด้วย
“เริ่ม…”
โม่ซวนซุนตะโกนขึ้น ลมปราณของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
————————————-