ตอนที่ 486 ซ่อนตัว

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 486

ซ่อนตัว

“ท่านเจ้าสำนัก….”ไป๋จูล่งพูดพลางเดินเข้าไปหาเจ้าสำนักผลาญสุริยันด้วยท่าทีแน่วแน่ ในเมื่อมีแต่เจ้าสำนักเท่านั้นที่ให้คำตอบแก่มันได้ ก็ไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปที่ไหนอีกแล้ว

“ขอ ขอรับนายน้อย”เจ้าสำนักผลาญสุริยันหนาวสันหลังวาบ ยามนี้ให้จักรพรรดิของอาณาจักรมันมาด้วยตนเองยังจะสบายใจกว่านี้อีก

“ท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่ว่าทำไมถึงอยากบุกเข้าสำนักร้อยบุปผานัก”ไป๋จูล่งถามอย่างจริงจังทำเอาเจ้าสำนักผลาญสุริยันกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“นายน้อย ถึงเป็นท่านมาขวางข้าก็ไม่คิดจะหยุดหรอกนะขอรับ”เจ้าสำนักผลาญสุริยันกัดฟันแน่น สาเหตุอะไรกันถึงทำให้พวกสำนักผลาญสุริยันต้องบุกสำนักร้อยบุปผามาตลอดเช่นนี้ และจากที่จูล่งดูแม้สำนักผลาญสุริยันจะมีจำนวนคนมาก แต่กำลังของสำนักผลาญสุริยันออกจะอ่อนแอกว่าอย่างเห็นได้ชัด จำนวนยอดฝีมือของฝั่งสำนักร้อยบุปผามีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ในอาณาจักรไป๋หรืออู๋จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่สำนักที่มียอดฝีมือ 6 คนนั้นนับว่ายิ่งใหญ่มากในอาณาจักรรอบนอกแบบนี้ คิดว่าสำนักผลาญสุริยันต้องใช้ความพยายามขนาดไหนถึงสามารถค่อยๆทำให้เหล่ายอดฝีมือของสำนักร้อยบุปผาบาดเจ็บไปทีละคนได้

“ข้ายังไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าข้าจะขวางท่าน เรื่องนั้นขึ้นอยู่กับเหตุผลของท่านต่างหาก”ไป๋จูล่งว่าพลางจ้องมองดวงตาของเจ้าสำนักผลาญสุริยันนิ่ง

“เรื่องนั้น…..”เจ้าสำนักผลาญสุริยันก้มหน้าลงเล็กน้อย ตัวมันไม่ทราบจะบอกเรื่องนี้กับคนนอกอย่างไรดี เหตุผลที่พวกมันพยายามบุกสำนักร้อยบุปผามาหลายชั่วอายุคนนั้นเป็นเหตุผลส่วนตัวมากทีเดียว เกรงว่าคนนอกจะไม่เข้าใจ

“หากท่านไม่เล่าให้ข้าฟัง….ข้าก็จะไม่ปล่อยให้ท่านไป”ไป๋จูล่งว่าพลางเรียกทวนของตนเองออกมาถือ หากไมรู้สาเหตุ หรือสาเหตุนั้นไม่หนักแน่นพอ จูล่งก็ไม่อาจปล่อยให้สำนักผลาญสุริยันเข้าไปโจมตีสำนักร้อยบุปผาโดยเด็ดขาด

“เข้าใจแล้วขอรับ”เจ้าสำนักผลาญสุริยันตอบด้วยท่าทีจำยอม

.

.

“พวกมันมากันอีกแล้ว”ทางฝั่งสำนักร้อยบุปผา หลังจากเห็นว่าสำนักผลาญสุริยันมารวมกำลังกันอยู่ที่ตีนเขาก็เตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าคนของสำนักผลาญสุริยันเริ่มเคลื่อนพลขึ้นมาแล้วเหล่าศิษย์ในสำนักก็ประกาศเตือนให้เตรียมพร้อมทันที แน่นอนว่าต้าเฉียน ต้าหวาน รวมทั้งชางซีต่างก็เตรียมพร้อมเอาไว้อยู่แล้ว

“นึกว่าเอาคนมาเยอะแล้วจะทำอะไรได้งั้นหรือ”ซีหยวนเจ้าสำนักร้อยบุปผาพูดพลางยิ้มออกมา ยามนี้นางมียอดฝีมืออย่างต้าเฉียนและต้าหวาน ไม่มีทางที่สำนักผลาญสุริยันจะบุกเข้ามาได้แน่ๆ

“พี่ต้าหวาน…”ชางซีที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างหน้าสะดุ้งโหยงเมื่อสายตาของนางมองไปที่แถวหน้าสุดของกลุ่มศิษย์สำนักผลาญสุริยัน

“น้องจูล่ง?”ต้าหวานกะพริบตาปริบๆมองไปที่จูล่งด้วยท่าทีสับสน เหตุใดจูล่งถึงได้ขี่หลังตงฟางนำหน้าคนของสำนักผลาญสุริยันได้

“เกิดอะไรขึ้น”ต้าเฉียนถามพลางลดทวนของตนลง หากมีจูล่งอยู่ตรงหน้านางจะปาทวนเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร

“ข้าจะเข้าไปถามน้องจูล่งเอง พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”ต้าหวานตอบพลางเดินเข้าไปหาจูล่งด้วยตัวเองท่ามกลางสีหน้างุนงงของเหล่าศิษย์สำนักร้อยบุปผา

“เกิดอะไรขึ้นกัน”ต้าเฉียนพึมพำออกมาพลางมองต้าหวานที่เดินเข้าไปหาจูล่ง นางเดินเข้าไปได้โดยที่คนของสำนักผลาญสุริยันไม่ทำอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ สักพักต้าหวานก็พูดคุบกับจูล่งไม่กี่คำนางก็หันกลับมาทางสำนักร้อยบุปผา ก่อนจะร่วมเดินมาพร้อมๆกับคนของสำนักผลาญสุริยันเสียอย่างนั้น ทำเอาพวกต้าเฉียนไม่อาจโจมตีได้เลย ส่วนศิษย์สำนักร้อยบุปผาเองพอเห็นเช่นนั้นก็พากันงุนงง แบบนี้พวกนางก็โจมตีไม่ได้นะสิ แถมอีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะโจมตีด้วย หรือว่าพวกมันจะมาเพื่อขอแจรจากัน?

“ท่านซีหยวน”ทันทีที่เดินมาถึง จูล่งก็ยิ้มพลางมองไปทางซีหยวนที่อยู่แถวหน้าสุดทันที

“เจ้าค่ะ…”ซีหยวนสะดุ้งวาบตอบรับคำเรียกของจูล่งในทันที อยู่ๆจูล่งก็เดินมาพร้อมกับเจ้าสำนักผลาญสุริยัน ทำเอานางไม่ทราบจะทำเช่นไรดีเลย

“ท่านได้บอกข้าเอาไว้เมื่อคราวก่อนไม่ใช่หรือขอรับว่าสำนักของท่านห้ามบุรุษเข้าไป”ไป๋จูล่งถามพลางเปลี่ยนดวงตาของตนเองเป็นสีม่วงและเขียวทันที มันมองเข้าไปในสำนักครู่หนึ่งก็มองเห็นบางสิ่งเข้าอย่างจัง

“เจ้าค่ะ กฎข้อนี้ของสำนักมีมานานแล้ว”ซีหยวนตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีแปลกๆ

“แล้วเหตุใดในสำนักของท่านถึงมีผู้ชายอยู่ภายในล่ะขอรับ”จูล่งถามพลางเปลี่ยนดวงตากลับเป็นเหมือนเดิม ทางด้านหลี่เย่เห็นดวงตาของจูล่งเปลี่ยนไปก็เข้าใจทันทีว่าจูล่งทำอะไร นางจึงเปลี่ยนดวงตาของตนเป็นสีเขียวบ้าง หลังจากมองหาไปทั่วสำนักหลี่เย่ก็พบว่าที่ห้องของซีหยวนมีชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่ในนั้น แถมท่าทางยังแปลกๆอีกต่างหาก

“จริงด้วย มีผู้ชายอยู่ในนั้น”หลี่เย่ตอบเพื่อยืนยันคำพูดของไป๋จูล่ง

“ท่านซีหยวน นี่มันเรื่องอะไรกัน”ต้าเฉียนถามพลางหันมามองทางซีหยวนนิ่ง ท่าทางจะมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว

“ท่านเจ้าสำนัก ชายคนนั้นคือบรรพบุรุษของท่านถูกต้องสินะขอรับ”ไป๋จูล่งถามพลางหันไปมองเจ้าสำนักผลาญสุริยัน

“ถูกต้องขอรับ ท่านถูกเจ้าสำนักร้อยบุปผาหลายรุ่นก่อนจับตัวไป จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ปล่อยตัวออกมา”เจ้าสำนักผลาญสุริยันตอบ เหตุผลที่สำนักผลาญสุริยันพยายามบุกสำนักร้อยบุปผามาเนิ่นนานนั้นก็เพราะสำนักร้อยบุปผาจับตัวบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันไปนั่นเอง แต่ก่อนสำนักผลาญสุริยันไม่ได้ยิ่งใหญ่เช่นทุกวันนี้ แต่เป็นเพียงสำนักเล็กๆเท่านั้น แต่ก่อนพวกมันโดนสำนักร้อยบุปผาโจมตี และชิงตัวเจ้าสำนักหลายรุ่นก่อนไป โชคดีที่ท่านเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณขั้นสูง ต่อให้ถูกจับขังเอาไว้นานเท่าไหร่ก็ยังมีชีวิตมาได้จนถึงปัจจุบัน

“เรื่องนั้นไม่จริงเสียหน่อย พวกเราจะไปจับบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันมาทำไมกันล่ะเจ้าคะ”ซีหยวนตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว น่าเสียดายที่ไป๋จูล่งและหลี่เย่มีความสามารถมองทะลุสิ่งของทำให้สามารถมองเห็นได้โดยไม่ต้องเข้าไปในสำนักเสียด้วยซ้ำว่านางซ่อนคนเอาไว้

“เรื่องนั้นไม่ยาก ข้าจะพาท่านบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุยันออกมาอธิบายด้วยตนเอง”จูล่งว่าพลางเดินผ่านต้าเฉียนและชางซีเข้าไปทางประตูสำนักร้อยบุปผาทันที

“ไม่ได้นะเจ้าคะ ถึงจะเป็นท่านแต่หากจะเข้าไปพวกเราก็ต้องขวางเอาไว้”อยู่ๆเหล่ายอดฝีมือของสำนักร้อยบุปผาก็ลงมาห้ามจูล่งเอาไว้เสียก่อน พวกนางพึ่งหายบาดเจ็บเพราะได้หลี่เย่ช่วยรักษา แต่กลับหันอาวุธเข้าหาจูล่งเสียอย่างนั้น

ปัง!! จูล่งไม่ฟังพวกนางแม้แต่น้อย มันผลักประตูเข้าไปในสำนักอย่างรวดเร็ว พร้อมเดินเข้าไปอย่างกับไม่มีใครขวางเอาไว้

“ไม่..”ยอกดฝีมือของสำนักร้อยบุปผาทั้ง 6 คนกัดฟันกรอดก่อนจะเข้ามาโจมตีจูล่งในทันที พวกนางไม่เคยเห็นผู้ชายในสำนักมาก่อน และไม่ทราบความสามารถของจูล่งและหลี่เย่ด้วย ทำให้พวกนางไม่เชื่อสิ่งที่จูล่งและเจ้าสำนักผลาญสุริยันกล่าวหาแม้แต่น้อย พวกนางคิดว่าจูล่งคงโดนเจ้าสำนักผลาญสุริยนหลอกเอาแน่ๆ

เปรี้ยง!! จูล่งไม่ได้หลบตามปกติ มันเพียงนำทวนออกมาวาดไปรอบๆ 1 ครั้งอาวุธในมือของเหล่ายอดฝีมือของสำนักร้อยบุปผาก็แตกกระจายไม่เหลือชิ้นดี ทำเอาเจ้าสำนักผลาญสุริยันสะดุ้งโหยง คราวก่อนจูล่งก็ตีอาวุธของมันแตกแบบนี้เช่นกัน

“พวกเจ้าห้ามทำอะไรน้องจูล่งเด็ดขาด”ต้าหวานเห็นพวกนางหันอาวุธใส่จูล่งก็ไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางกับต้าเฉียนเดินเข้ามาหาจูล่งพลางเดินตามจูล่งไปโดยไม่ปล่อยให้ศิษย์คนไหนเข้ามาขวางอีกแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาทำอะไรจูล่งอีก เพราะแม้แต่ 6 ยอดฝีมือยังโดนตีทีเดียวกระเจิงเลย

“ที่นี่สินะ”ไป๋จูล่งเดินเข้ามาในห้องของเจ้าสำนัก ซึ่งเป็นห้องของซีหยวนนั่นเอง น่าเสียดายภายในห้องนี้กลับไม่มีอะไรน่าประหลาดใจเลย มันก็เป็นเพียงห้องนอนธรรมดาๆเท่านั้น

โครม!! จูล่งไม่พูดพร่ำทำเพลงใช้ทวนในมือฟันกำแพงภายในห้องของเจ้าสำนักทิ้งทันที เมื่อกำแพงหายไปก็พบว่าที่ด้านหลังกำแพงมีทางเดินต่อไปอีก ท่าทางจะเป็นห้องลับที่ซ่อนเอาไว้ในห้องเจ้าสำนักสินะ

“ท่านอาวุโส”จูล่งพูดพลางเดินเข้าไปในทางเดินลับช้าๆ ภายในห้องลับนั้นเพียงเดินเข้ามาไม่กี่ก้าวก็เห็นกรงขังขนาดใหญ่ที่ใช้คุมขังชายชราคนหนึ่งเอาไว้ สภาพของท่านช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน ชายชรายามนี้นั่งหมดอาลัยตายอยากโดยรอบกายนั้นกลับมีเครื่องมือบดยาเต็มไปหมด

“……”คนที่คุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้ที่สุดคงจะเป็นหลี่เย่ สภาพของชายชรานั้นแทบไม่ต่างจากอาจารย์ของนางก่อนหน้านี้เลย แถมยาที่มันกำลังผสมอยู่ก็เหมือนจะเป็นยาที่ทำหน้าที่ช่วยฝึกฝนพลังวิญญาณด้วย อย่าบอกนะว่าเจ้าสำนักร้อยบุปผาจับตัวเจ้าสำนักผลาญสุริยันรุ่นก่อนมาเพื่อบังคับให้ทำยาให้คนของสำนักตนเอง

โครม!! ไป๋จูล่งทำลายกรงทิ้งในพริบตา ก่อนจะพาชายชราออกมา

“ท่านบรรพบุรุษ”ทันทีที่จูล่งพาชายชราออกมาที่หน้าสำนัก เจ้าสำนักผลาญสุริยันก็วิ่งพรวดเข้ามาหาชายชราทันที

“เป็นความผิดของพวกเราเองที่เข้ามาช่วยเหลือท่านไม่ได้”เจ้าสำนักผลาญสุริยันว่าพลางก้มตัวโขกศีรษะลงกับพื้นทันที

“พวกเจ้าไม่เห็นต้องลำบากเพราะตาแก่อย่างข้าเลย”ชายชราพูดพลางยื่นมือไปลูบหัวเจ้าสำนักผลาญสุริยันช้าๆ กว่าสำนักเล็กๆอย่างสำนักผลาญสุริยันจะไต่เต้าขึ้นมาสู้กับสำนักร้อยบุปผาได้ต้องใช้เวลาร่วมหลายร้อยปี พวกมันเสียเจ้าสำนักภายใต้คมกระบี่ของสำนักร้อยบุปผามาแล้วหลายต่อหลายรุ่น แถมยิ่งพวกมันหาเรื่องสำนักร้อยบุปผาเท่าไหร่ ก็กลายเป็นว่าพวกมันเป็นคนเลวเที่ยวหาเรื่องสำนักหญิงล้วนอีกต่างหาก

“ท่านเจ้าสำนัก นี่มันเรื่องอะไรกัน”เหล่าศิษย์สำนักร้อยบุปผาถามพลางมองไปทางซีหยวน ศิษย์คนอื่นอาจจะไม่ทราบเรื่องนี้ แต่เจ้าสำนักที่มีห้องลับภายในห้องของตนเองมีหรือจะไม่ทราบ เกรงว่าเรื่องนี้จะมีแต่เจ้าสำนักเท่านั้นที่ทราบต่อๆกันมากระมัง

“ข้าเดาว่าพวกเจ้าคงได้รับยาเพื่อใช้ในการฝึกฝนพลังวิญญาณสินะ”หลี่เย่พูดพลางมองมาทางเหล่ายอดฝีมือของสำนักร้อยบุปผา

“เจ้าค่ะ”ไม่ใช่เพียงยอดฝีมือเท่านั้น เรียกได้ว่าศิษย์ทุกคนต่างได้รับยาที่ช่วยให้ฝึกฝนพลังวิญญาณได้เร็วขึ้นทุกเดือนเลยทีเดียว

“นั่นคือยาที่บรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันโดนเจ้าสำนักของพวกเจ้าบังคับให้ทำอยู่ในคุก”หลี่เย่ตอบพลางเดินหันหลังให้กับสำนักร้อยบุปผาในทันที เกรงว่าเรื่องในครานี้พวกนางจะไม่อาจเข้าข้างสำนักร้อยบุปผาได้อีกแล้ว

“ท่านโชคดีนะที่น้องจูล่งเป็นคนใจดี”ต้าหวานพูดพลางเดินเข้าไปหาซีหยวน นางจะไม่บ่นเรื่องที่นางได้รับความช่วยเหลือจากพวกตนเพราะพวกตนเสนอตัวเอง แต่หลังจากนี้พวกนางจะไม่ช่วยเหลืออะไรพวกนางอีกต่อไปแล้ว

“เท่านี้สำนักผลาญสุริยันก็คงไม่มาทำอะไรพวกท่านอีกแล้วล่ะ เพราะสาเหตุที่พวกมันมาโจมตีจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว”ต้าเฉียนตอบพลางจิกสายตามองมาทางซีหยวนนิ่ง นางยอมให้ศิษย์ตนเองบาดเจ็บล้มตายกันขนาดนั้นเพื่อเก็บตัวบรรพบุรุษของสำนักผลาญตะวันเอาไว้ได้อย่างไร หากเป็นนางคงปล่อยตัวบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันไปตั้งนานแล้วแท้ๆ

“ท่านเจ้าสำนัก ที่พวกมันมาโจมตีพวกเราเพราะท่านขังคนของพวกมันเอาไว้งั้นหรือ”ยอดฝืมือของสำนักร้อยบุปผาพูดพลางหันมามองเจ้าสำนักด้วยดวงตาผิดหวัง พวกนางเจ็บปวดอย่างมากที่ได้รู้ความจริงว่าพวกนางกำลังปกป้องความผิดของสำนักอยู่โดยไม่รู้ตัว

“ใช่ แล้วจะทำไมล่ะ หากไม่ใช่เพราะยาที่มันทำพวกเจ้าจะมาถึงขั้นนี้งั้นหรือ”ซีหยวนว่าพลางชักอาวุธออกมา นางสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ศิษย์ของตนส่งมาเข้าอย่างจัง นี้พวกนางคิดจะทำอะไร

“น้องจูล่ง ไปกันเถอะ”ต้าเฉียนเห็นท่าทางสำนักร้อยบุปผาไม่ค่อยดี แต่เพราะพวกนางเองก็โดนหลอกเช่นกันต้าเฉียนจึงไม่คิดจะสนใจอีก พวกนางพาจูล่งและคนของสำนักผลาญสุริยันลงไปจากเนินเขา ปล่อยให้สำนักร้อยบุปผาจัดการเรื่องในสำนักกันเอาเอง