ตอนที่ 487 ล่าช้า

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 487

ล่าช้า

“เฮ้อ เสียแรงจริงๆเลยที่ไปช่วย”ต้าเฉียนบ่นขณะกำลังเดินทางกลับไปยังเมืองที่สำนักผลาญสุริยันตั้งอยู่ พวกนางลงแรงช่วยซีหยวนไปตั้งมาก กลับกลายเป็นปกป้องคนผิดเสียอย่างนั้นทำเอารู้สึกแย่อย่างมากเลยทีเดียว

“เมื่อวันก่อนข้าลงมือหนักไปหน่อยต้องขอโทษด้วยเจ้าค่ะ”ส่วนทางต้าหวานนั้น นางกำลังขอโทษเหล่าศิษย์สำนักผลาญสุริยันด้วยท่าทีนอบน้อมอย่างมาก แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเอาเรื่องนางอยู่แล้ว แถมพอทราบว่าพวกนางคือผู้ติดตามของไป๋จูล่ง คนที่แม้แต่เจ้าสำนักยังต้องเรียกว่านายน้อยพวกมันจะไปทำอะไรได้เล่า

“ข้าเองก็ไม่คิดเลยว่านางจะทำแบบนั้นคนเรานี่ดูแต่ภายนอกไม่ได้จริงๆ”ชางซีที่กำลังช่วยหลี่เย่รักษาบาดแผลของศิษย์สำนักผลาญสุริยันบ่นออกมา นางยังขนลุกอยู่เลยที่เห็นบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันโดนขังเอาไว้ภายในห้องลับเช่นนั้น

“จูล่ง เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ เห็นนั่งเงียบมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว”หลี่เย่ที่กำลังรักษาอาการบาดเจ็บร่วมกับชางซีและจูล่งถามพลางมองจูล่งที่กำลังพันผ้าพันแผลให้ศิษย์คนหนึ่งอยู่เงียบๆ

“ข้า…เหมือนลืมอะไรไปขอรับ แต่นึกไม่ออกเลย”จูล่งตอบพลางทำสีหน้าครุ่นคิดออกมา แต่น่าเสียดายแม้จะมีความทรงจำเหนือมนุษย์แต่เรื่องที่ลืมมันก็ลืมจริงๆนี่นะ

.

.

“พวกเจ้า…”ทางด้านสำนักร้อยบุปผา ซีหยวนที่โดนศิษย์ทั้ง 6 ล้อมเอาไว้กำอาวุธเอาไว้แน่น พวกนางทำไมถึงปล่อยจิตสังหารออกมากัน

“อาจารย์ ท่านไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่ามีศิษย์ของเราตายไปเพราะต่อสู้กับสำนักผลาญสุริยันมากมายแค่ไหน”ศิษย์คนหนึ่งถามด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย หากเรื่องราวมันเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าสำนักผลาญสุริยันเป็นฝ่ายชอบธรรม และพวกนางที่สู้เพื่อปกป้องสำนักมาตลอดกลับกลายเป็นกระทำผิดมาตลอดเลยไม่ใช่หรืออย่างไร

“ทั้งหมดเป็นเพราะท่านต้องการเก็บบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันเอาไว้ เพียงเพื่อให้มันปรุงยาอย่างนั้นหรือ”ศิษย์อีกคนถามด้วยท่าทีเจ็บปวด ทั้งๆที่หากปล่อยบรรพบุรุษของสำนักผลาญสุริยันไปเรื่องก็จบแท้ๆ แต่นี้พวกนางต้องทนลำบากสู้กับสำนักผลาญสุริยันมาตั้งเนิ่นนานเพื่ออะไรกัน

“แล้วยังไงล่ะ เรื่องนี้เป็นความลับของเจ้าสำนัก ทุกท่านก็ทำมาเช่นนี้”ซีหยวนว่าพลางมองไปรอบๆ ยามนี้ศิษย์ที่ได้รู้ความลับไม่มีใครเห็นด้วยกับนางเลยแม้แต่คนเดียว

“อาจารย์ วันนี้ข้าขอขับไล่ท่านออกจากสำนัก”ยอดฝีมือคนหนึ่งของสำนักร้อยบุปผาพูดพลางเรียกอาวุธสำรองออกมาชี้ไปทางซีหยวน

“ข้าเองก็ด้วย ท่านไม่มีค่าพอจะเป็นเจ้าสำนักของพวกเราอีกแล้ว”ยอดฝีมืออีกคนพูดด้วยท่าทีเจ็บปวด นางเองก็เจ็บช้ำที่โดนหลอกให้ปกป้องความผิดของสำนักเช่นกัน

“พวกเจ้า…..”ซีหยวนกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ จะไล่นางออกจากสำนักของนางเอกงั้นเหรอ ตัวนางที่โตมากับสำนักไม่อาจรับได้จริงๆ

“จะไล่ข้าออกจากสำนักของข้างั้นเหรอ ใครกล้าก็เข้ามา”ซีหยวนคำรามพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาข่มเหล่าศิษย์ทั้งหลาย ตัวซีหยวนนั้นเป็นอาจารย์ของพวกนาง แข็งแกร่งกว่าพวกนางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แม้จะอยู่ระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 เหมือนกันแต่ซีหยวนนั้นชั้นเชิงเหนือกว่ามาก

ฟุบ!! ร่างของยอดฝีมือคนหนึ่งพุ่งเข้าไปโจมตีซีหยวน แต่เพราะนางพึ่งหายบาดเจ็บยังไม่ฟื้นฟูดีทำให้นางไม่อาจใช้พลังได้อย่างเต็มที่ ผลที่ตามมาคือซีหยวนฟันลำตัวของนางเข้าจนเป็นแผลลึกเลยทีเดียว

“ข้าจะออกจากสำนักก็ต่อเมื่อข้าตายเท่านั้น ใครคิดว่าทำได้ก็เข้ามา”ซีหยวนว่าพลางพุ่งเข้าไปหาเหล่าศิษย์ของตน ยามนี้ไม่มีใครนับถือนางอีกต่อไปแล้ว ยิ่งเห็นนางฟันหนึ่งในยอดฝีมือพวกนางยิ่งหมดท่าทีลังเล

เปรี้ยง!! ซีหยวนทะยานเข้าไปกลางวงล้อมของศิษย์ก่อนจะฟันไปรอบๆอย่างรวดเร็ว ศิษย์ที่ไม่ได้อยู่ชนชั้นยอดฝีมือต่างบาดเจ็บแทบจะทันที ส่วนเหล่ายอดฝีมือก็ได้แต่ยื้อนางเอาไว้เท่านั้น

ฉึก!! กระบี่ของซีหยวนแทงทะลุร่างของศิษย์คนหนึ่ง แต่นางเองก็โดนกระบี่ในมือศิษย์แทงเข้าที่ท้องเช่นกัน

“เจ้า….”ซีหยวนกัดฟันกรอดก่อนจะไล่โจมตีคนอื่นๆต่อ ยามนี้นางไม่เหลือคราบอาจารย์ของเหล่าศิษย์สำนักร้อยบุปผาอีกต่อไปแล้ว

.

.

ไม่ทราบซีหยวนกับเหล่าศิษย์สู้กันนานแค่ไหน แต่สภาพภายในสำนักยามนี้กลับเต็มไปด้วยศพและเลือดที่อาบไปทั้งทางเดิน หากใครมาเห็นเข้าก็ต้องคิดว่าสำนักร้อยบุปผาโดนบุกอย่างแน่นอน

“นี่มันอะไรกัน”หลังจากทุกอย่างสงบ ศิษย์สำนักร้อยบุปผาทั้งหมดไม่มีใครรอดเลยแม้แต่คนเดียว จะมีเพียงคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นที่ไม่ตายไปด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ หลานฮวา ที่พึ่งกลับจากการตามหาซีหยวนนั่นเอง

“……”หลานฮวาหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นสภาพสำนักตรงหน้า ศิษย์พี่และศิษย์น้องของนางตายกันหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ภาพที่เห็นอยู่นี้สำหรับนางแล้วไม่ต่างจากฝันร้ายเลย

“เจ้าพึ่งกลับมางั้นหรือ”ซีหยวนพูดขณะนั่งอยู่บนก้อนหินก้อนหนึ่งที่วางประดับอยู่ในลานหน้าสำนัก

“อาจารย์ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”หลานฮวาถามพลางมองไปรอบๆ สภาพราวกับนรกเช่นนี้นางไม่อยากจะเชื่อเลย

“เจ้าไม่เห็นงั้นหรือว่าเกิดอะไรขึ้น”ซีหยวนถามพลางกำกระบี่ในมือแน่น หากหลานฮวาเห็นก็คงต้องฆ่านางด้วย

“ไม่เจ้าค่ะ หรือว่าจะเป็นพวกสำนักผลาญสุริยัน พวกมันลงมือเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้”หลานฮวาพูดออกมาด้วยท่าทีสั่นๆ แม้พวกนางกับสำนักผลาญสุริยันจะมีเรื่องบางอย่างบาดหมางกัน แต่ก็ไม่คิดการบุกของพวกมันจะถึงขั้นสังหารคนทั้งหมดเช่นนี้

“หึ…ใช่เป็นพวกสำนักผลาญสุริยัน”ซีหยวนยิ้มออกมาพลางกล่าวโทษสำนักผลาญสุริยันทันที เพียงแต่หากมองดีๆจะพบว่าเสื้อผ้าของซีหยวนยามนี้เต็มไปด้วยเลือด และไม่ใช่เพียงเลือดของเหล่าศิษย์เท่านั้น ยังมีเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลของนางด้วยเช่นกัน แม้จะบอกว่าเหล่ายอดฝีมือทั้ง 6 ต่างได้รับบาดเจ็บ แต่สู้กับพวกนางและศิษย์ทั้งหมดมีหรือที่ซีหยวนที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าระดับเจ้าสวรรค์จะสามารถเอาชนะมาได้โดยง่าย

“แต่ทั้งหมดนี่ก็ไม่ใช่เพราะสำนักผลาญสุริยันเท่านั้น”ซีหยวนยิ้มออกมาพลางกุมไปที่บาดแผลของตนเอง น่าเสียดายนางโดนเหล่าศิษย์แลกชีวิตเข้าหา ทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักมากจริงๆ เกรงว่าหากไม่ได้หมอฝีมือดีช่วยคงจะไม่รอด และหมอฝีมือดีที่ว่าก็พึ่งเดินจากไปทั้ง 2 คนด้วย

“ยังมีเจ้าเด็กที่ชื่อว่าจูล่งด้วย”ซีหยวนพูดพลางจ้องมองไปทางหลานฮวา ก่อนจะพาตนมาจูล่งบอกว่าทราบข่าวมาจากหลานฮวา นั่นหมายความว่าหลานฮวาต้องรู้จักไป๋จูล่งอย่างแน่นอน ก่อนนางจะตายอย่างน้อยก็อยากจะฝากรอยแค้นเอาไว้ให้จูล่งเสียก่อน

“จูล่ง….ทำไมถึงเป็นมัน”หลานฮวาทำสีหน้าไม่เข้าใจออกมา นางจำจูล่งได้ แต่ไม่คิดว่าเด็กแบบนั้นจะมีส่วนในการโจมตีสำนักของนาง

“หึ เจ้าเด็กนั่นนำพวกสำนักผลาญสุริยันเข้ามาเลย ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่ต้องจบเช่นนี้”ซีหยวนว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ ทำให้หลานฮวาได้เห็นว่าจริงๆแล้วซีหยวนบาดเจ็บหนักเพียงไร แต่ถึงจะใกล้ตายซีหยวนกลับยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปหาหลานฮวาช้าๆ

“แก้แค้นให้ข้าด้วย”ไม่ทราบว่าเพราะนางฆ่าศิษย์ตนเองจนเสียสติหรืออย่างไร ศิษย์คนเดียวของนางที่เหลืออยู่นางยังวางแผนให้ไปฆ่าจูล่ง ดูจากระดับฝีมือของมัน ครอบครัวของมัน และคนติดตามของมันหลานฮวาไม่อาจล้างแค้นให้ได้แน่ๆ และถ้านางทำก็คงโดนจัดการได้ไม่ยากนัก เท่านี้ก็จะจบสิ้นชื่อสำนักร้อยบุปผาไปเลย

“อาจารย์….”หลานฮวาใจหายวาบเมื่ออาจารย์ของนางล้มลงตรงหน้า ตลอดชีวิตนี้นางไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันเช่นนี้เกิดขึ้น

“…….”หลานฮวานั่งอยู่ต่อหน้าศพของอาจารย์พักใหญ่ ก่อนจะเริ่มลุกขึ้นยืน นางอุ้มร่างของอาจารย์ไปฝังในสำนัก ก่อนจะเริ่มเอาร่างของเหล่าศิษย์ในสำนักไปฝังทีละร่างๆอย่างช้าๆ กว่าจะครบทุกคนก็กินเวลาไปทั้งวันเลยทีเดียว

ฉึก….หลานฮวาปักกระบี่ลงบนพื้นแทนป้ายหลุมศพของเหล่าศิษย์และอาจารย์ ตัวนางไม่ทราบจะทำเช่นไรดี ในหัวตลอดทั้งวันครุ่นคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น และได้แต่เชื่อมโยงเอาว่าบางทีความผิดทั้งหมดจะมาจากตนเองก็ได้ หากวันนั้นนางไม่ไปพบจูล่งเข้า บางทีวันนี้ครอบครัวของนางก็คงไม่ลงเอยเช่นนี้

“จูล่ง….”หลานฮวาพูดพลางกำด้ามกระบี่แน่น ยามนี้นางจะไม่เชื่อคำสั่งเสียของอาจารย์ได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่นางเห็นและได้ฟังมาเป็นเช่นนั้น ทำให้หลานฮวาเชื่อเต็มอกไปแล้วว่าคนที่ลงมือทำเช่นนี้คือไป๋จูล่งนั่นเอง

.

.

“เส้าเทียน ยินดีด้วย”ขณะเดียวกัน ณ อาณาจักรที่อยู่ไม่ห่างจากเมืองที่ไป๋จูล่งอยู่นักก็ปรากฏชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนก้อนหินกำลังชื่นชมศิษย์ของตนเองที่กำลังแสดงวิชาของตนเองให้อาจารย์ดู

“อาจารย์ ข้าฝึกสำเร็จแล้วสินะขอรับ”เส้าเทียนชายหนุ่มอายุราวๆ 17 ปีพูดพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ

“ใช่ เจ้าฝึกสำเร็จแล้ว วิชาลับของข้าไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้ เมื่อเจ้าลงจากเขาลูกนี้ไปก็ไม่มีใครอีกแล้วที่จะเอาชนะเจ้าได้”ชายชราพูดอย่างภาคภูมิใจ มันเก็บตัวอยู่บนนี้มานานหลายพันปี มันวางมือมาจากยุทธภพมานานมากแล้ว แต่ก่อนจะวางมือมันเคยเป็นยอดฝีมือที่ไม่มีใครกล้าสู้ด้วยมาแล้ว ยามนี้มันได้พบศิษย์คนหนึ่งก่อนหมดสิ้นอายุขัย ในใจคิดจะถ่ายทอดวิชาให้เด็กน้อยได้ใช้ป้องกันตัวนิดหน่อยเท่านั้น แต่กลับน่าแปลก ศิษย์ผู้นี้ราวกับอัจฉริยะที่พระเจ้าประทานลงมาให้ก่อนมันตายไม่มีผิด วิชาที่มันใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะคิดค้นและฝึกฝนจนสำเร็จ เจ้าหนูนี่กลับฝึกได้ในเวลาไม่กี่ปี แถมยังเชี่ยวชาญได้รวดเร็วทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเสียด้วยซ้ำ

“ขอรับอาจารย์ ข้าจะลงไปจากภูเขาและประกาศชื่อวิชาของอาจารย์ให้ทั่วอาณาจักร”ชายหนุ่มนามเส้าเทียนว่าพลางกำหมัดแน่น