ตอนที่ 555: เผยความแข็งแกร่งของลูกเสือขาว
บนถนน เจี้ยนเฉินและกลุ่มยังคงหัวเราะ พวกเขาสนทนากันไปจนกระทั่งถึงเมืองเฟยหยาง พวกเขาเดินทางอย่างช้า ๆ หมิงตงและเจี้ยนเฉินตัดสินใจที่จะอธิบายสถานการณ์ของทวีปเทียนหยวนให้เถี่ยต้าและโหยวเยว่ฟังเล็กน้อย
นางเป็นองค์หญิงของอาณาจักร โหยวเยว่ไม่ค่อยเดินทางในทวีป อย่างไรก็ตามความรู้ของนางก็ค่อนข้างกว้างขวางและนางตระหนักถึงกฎของทวีปที่นางอาศัยอยู่
ขณะที่เจี้ยนเฉินรับรู้ถึงความรู้สึกผิดปกติ ลูกเสือขาวที่ได้นอนหลับอยู่บนหน้าอกของเขาก็ตื่นขึ้นมา ค่อย ๆ ลืมตา ลูกเสือส่ายหัวไปมาเพื่อที่จะมองบริเวณโดยรอบด้วยความอยากรู้
เห็นว่าลูกเสือได้ตื่นขึ้นในที่สุด เจี้ยนเฉินไม่สามารถช่วยอะไรได้ ได้แต่ยิ้มและลูบอยู่บนหัวของเจ้าตัวน้อย “ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้นมา หรือว่าเจ้าหิวกัน”
อ๋าวววว.. เหมือนมันเข้าใจอะไรที่เจี้ยนเฉินพูด ลูกเสือน้อยมีท่าทีมีความสุข ประท้วงเล็กน้อย ก่อนที่จะกระโดดอย่างสง่างามลงบนไหล่ของเจี้ยนเฉิน มันออดอ้อนด้วยความรักด้วยการเลียที่แก้มของเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉิน เจ้าได้รับลูกเสือมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ข้าเคยสังเกตเห็นมันเมื่อนอนหลับ ขณะที่มันได้ตื่นขึ้น ข้าสามารถมองดูได้ว่ามันสวยงามจริง ๆ หมิงตงหัวเราะขณะที่ถาม เขาได้สังเกตเห็นลูกเสือขาวมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขาไม่เคยให้ความสนใจใด ๆ จนถึงขณะนี้
“ยามเมื่ออยู่ในเมืองทหารรับจ้าง ข้าเจอมันในภูเขาที่ใกล้เคียงกัน” เจี้ยนเฉินยิ้ม ตัวตนที่แท้จริงของลูกเสือขาวนั้นยิ่งมีคนรู้น้อยก็จะย่อมเป็นการดีกว่า
แล้วลูกเสือก็กระโดดลงจากไหล่ของเจี้ยนเฉิน กระโดดลงบนอาน ดมกลิ่นที่มือตรงแหวนมิติ และเจ้าตัวน้อยก็มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยการวิงวอน
รู้เพียงว่าลูกเสือต้องการสิ่งใด เจี้ยนเฉินไม่อาจช่วยอะไรได้ ได้แต่หัวเราะออกมา เจ้าหิวแล้วหรือ ? เจ้าตัวตะกละ เจ้ากินทุกอย่างไปหมดแล้ว มันไม่มีอะไรเหลือแล้ว หลังจากดังกล่าว มันเป็นระยะเวลานาน สมบัติสวรรค์ที่ราชาวานรให้มา ตอนนี้มันไม่มีอะไรหลงเหลือในแหวนมิติของเจี้ยนเฉิน ลูกเสือเข้าใจในสิ่งที่เจี้ยนเฉินกล่าวออกมา ประกายสว่างในดวงตาของลูกเสือเริ่มจางลงและดูเศร้าหมอง
เห็นท่าทีของเจ้าลูกเสือตัวน้อย เจี้ยนเฉินปลอบโยน เขากล่าวว่า “รอจนกว่าจะไปยังเมืองใกล้เคียง ข้าจะซื้อสมบัติสวรรค์ให้เจ้ากิน
ฟื้นจิตวิญญาณบางอย่างในสายตาของมัน ลูกเสือขาวคำราม 2 ครา ราวกับขอความมั่นใจจากเจี้ยนเฉินให้สัญญาของเขา
สิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดนั้นเองที่ทำให้ทุกคนสงสัย
อะไรนะ ข้าหูฝาดหรือไม่ เจี้ยนเฉิน เจ้ากำลังจะซื้อสมบัติสวรรค์สำหรับเจ้าตัวน้อยนี้ ? สวรรค์ นี่มันไม่ใช่ความจริง ! หมิงตงมองอย่างพิศวงไปที่เจี้ยนเฉิน ทั้งหมดคือที่สิ่งที่เขาได้ยิน
เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เจ้าตัวน้อยสนุกกับการกินสมบัติสวรรค์และกินจุ
นั่นไม่สามารถเจี้ยนเฉิน เจ้า…เจ้ากำลังให้สมบัติสวรรค์อันแสนมีค่าแก่เจ้าตัวน้อยนี้ โอ้ สวรรค์ที่รัก ถ้าเจ้ามีเงินจำนวนมากก็อย่าใช้แบบทิ้งกว้าง หมิงตงกุมหัวของเขาด้วยความเจ็บปวด
เห็นปฏิกิริยาบนใบหน้าของหมิงตง เจี้ยนเฉินอาจหัวเราะเพียงเท่านั้น แต่เขาไม่ได้ให้คำอธิบาย ลูกเสือซึ่งเข้าใจว่าหมิงตงสบประมาทเขา ดังนั้นมันกระโดดลงบนหัวเจี้ยนเฉิน มันยกหัวที่น่ารักของมันสูงไปในอากาศ จ้องมองหมิงตงด้วยความไม่พอใจ
โอ้ เจ้าตัวน้อย เจ้ากำลังดูถูกข้า ! หมิงตงที่ถูกดูหมิ่น แทบจะกระอักเลือดด้วยความโกรธของเขา เพราะความจริงที่ว่าสัตว์ตัวน้อยที่ไม่ได้แม้แต่จะยาวไม่ถึงครึ่งเมตรกลับปฏิบัติต่อเขาแบบสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ
เมื่อตู่กูเฟิงที่เห็นปฏิกิริยาของลูกเสือ ประกายแสงปรากฏในดวงตาของเขา “นี่มันอะไรกัน เจ้าเสือตัวนี้มันไม่ธรรมดา”
โหยวเยว่มีท่าทีขบขันกับท่าทางการแสดงออกของเจ้าตัวน้อย และยิ้มให้กับมันอย่างอบอุ่นด้วยความชื่นชอบ เจ้าตัวน้อยแสนน่ารักนี้ดูเหมือนจะเข้าใจเราได้ เจี้ยนเฉิน ให้ข้าสัมผัสมันได้หรือไม่ ? ขณะที่นางพูด โหยวเยว่เอื้อมมือออกไปกอดลูกเสือขาวตัวน้อย
ทันทีกระโดดลงจากหัวของเจี้ยนเฉินและเข้าไปในเสื้อคลุมของเขา ลูกเสือขาวจ้องโหยวเยว่ นอกเหนือจากเจี้ยนเฉิน มันจะไม่อนุญาตให้บุคคลอื่นไปสัมผัสมัน มันเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่เย่อหยิ่งโดยธรรมชาติและไม่ยินยอมให้ใครแตะต้องทั้งนั้น
เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่วิงวอนกับเจี้ยนเฉิน นางเป็นหญิง นางเห็นสิ่งดังกล่าวเป็นสัตว์ที่น่ารัก ไม่เพียงแต่น่ารัก แต่มันเป็นอย่างชาญฉลาด ดังนั้นโหยวเยว่จึงถูกดึงดูดโดยมัน
บังคับให้รอยยิ้ม เจี้ยนเฉินตอบว่า ข้าไม่มีทางเลือกใด ๆ ข้าจะไม่พยายามและบังคับให้ลูกเสือขาวทำสิ่งที่มันไม่ต้องการ
โอ้ ลืมมัน ข้าจะไม่กอดมัน แล้วข้าก็จะดูจากที่นี่ โหยวเยว่ตอบด้วยใบหน้าซึม
กรร.. ทันใดนั้น สัตว์อสูรที่มองเห็นว่าเป็นหมีดำขนาดยักษ์พุ่งมาทางเจี้ยนเฉินและกลุ่ม
ตอนนี้นั้นเจี้ยนเฉินให้ความสนใจไปที่หมีดำ ตู่กูเฟิงมองอย่างไร้อารมณ์และกล่าวว่า มันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับ 4 ข้าจะจะจัดการมันเอง
ก่อนตู่กูเฟิงจะกล่าวจบ ลูกเสือมีท่าทีที่ตื่นเต้น บินออกจากเสื้อคลุมของเจี้ยนเฉินเป็นสายฟ้าสีขาว ไปในทิศทางของหมีดำ
โดยไม่หยุดลูกเสือ เจี้ยนเฉินหัวเราะ ให้เจ้าตัวน้อยจัดการสัตว์อสูรระดับ 4 ณ ขณะนี้ ลูกเสือยังเป็นสัตว์อสูรระดับ 4 ด้วย เจี้ยนเฉินเองก็อยากเห็นว่ามันแข็งแกร่งเพียงใด ในเมื่อเจ้าลูกเสือตัวนี้เป็นถึงพยัคฆ์ปีกเทวะในตำนาน เจี้ยนเฉินจึงไม่ได้เป็นห่วงในความปลอดภัย
หมิงตงจ้องมองและกล่าวออกมาเป็นคนแรกว่า โอ้ สวรรค์ วิธีที่ไปอย่างรวดเร็วเช่นนั้น ความเร็วของมันก็แทบจะไล่เลี่ยกับตัวข้า เจี้ยนเฉิน เจ้าเจอตัวเจ้าลูกอสูรตัวนี้ที่ใดกัน ? หมิงตงมีท่าทีตกตะลึง หลังจากที่มองความเร็วมหาศาลของลูกเสือ
ตู่กูเฟิงและโหยวเยว่ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
อย่าประมาทเจ้าตัวน้อย เจ้าลูกเสืออาจจะตัวเล็กแต่มันก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์อสูรระดับ 4 อย่างไรก็ตาม ข้าไม่สามารถบอกว่ามันแข็งแกร่งระดับไหน เจี้ยนเฉินกล่าวขึ้นเบา ๆ จ้องมองไปที่ลูกสัตว์อสูร
เร่งออกไปทางหมีดำ ด้วยลำตัวเล็กจิ๋วก็สามารถไปด้วยความเร็วและความอยากรู้อยากเห็น ร่างกายของเจ้าตัวน้อยดูเหมือนจะวิ่งไปราวกับเส้นตรง ด้วยความเร็วที่ใครยากจะเห็นร่างกายของมัน
ยามเมื่อหมีดำเห็นเจ้าตัวน้อยเข้าปะทะกับมันอย่างไม่เกรงกลัว เจ้าหมีดำก็รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกท้าทายศักดิ์ศรี ด้วยความโกรธ มันอ้าปากเผยให้เห็นขากรรไกรขนาดใหญ่และกว้าง มันคำรามออกด้วยเสียงของสัตว์ร้าย รวบรวมความเร็ว โจมตีอย่างไร้ความปราณีต่อลูกเสือขาว ในความพยายามที่กินมันทั้งหมด
ทันใดนั้น มีปีกคู่หนึ่งกางออกมาจากด้านหลังของเจ้าตัวน้อย มันเป็นปีกคู่หนึ่งของนกกับใบมีดสีขาวที่ส่องประกายออกมาพร้อมแรงระเบิดของลม และยิงออกไปทางหมีดำ
ใบมีดลมนั้นแข็งแกร่งและเร็วยิ่งกว่าที่หมีดำจะสามารถทำอันใดได้ ในที่สุด มันก็วิ่งผ่านหัวของหมีตำ แบ่งครึ่งร่างกายโดยไม่มีแรงต้านทานใด ๆ โดยไม่สูญเสียความเร็ว ใบมีดนั้นมันบินผ่านและถางหญ้าให้โล่งเตียน พื้นที่บริเวณนั้นหายไปจากสายตา
หมีดำถูกแบ่งออกให้เป็น 2 ส่วนโดยที่ไม่อาจคำรามร้องออกมาได้ ก่อนที่มันจะตาย ร่างของหมีดำขนาดเท่าภูเขา ร่างกายของมันยืนอยู่ราวกับตอไม้
ยามนี้เอง เจี้ยนเฉินและส่วนที่เหลือของกลุ่มที่อยู่ด้านบนของสัตว์อสูรระดับ 3 อย่างไรก็ตาม หลังจากที่พวกเขามองศพของหมีดำที่ถูกแบ่งครึ่ง ในยามนี้ พวกเขามองไปที่ลูกเสือขาวด้วยแววตาที่ต่างออกไป ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าประมาทเจ้าตัวน้อย ถ้าสัตว์อสูรระดับ 4 ถูกสังหารไปอย่างง่ายดายเช่นนี้แล้ว หมายความว่าสัตว์อสูรตัวนี้มันจะต้องมีพลังอำนาจเทียบเท่ากับเซียนปฐพีในด้านของความแข็งแกร่ง
กระโดดขึ้นไปในอากาศ ลูกเสือเริ่มกระโดดลงบนไหล่ของเจี้ยนเฉิน มันภาคภูมิใจมากกับความสำเร็จของตนเอง
เจี้ยนเฉินหวนย้อนคิดกับตัวเอง มองดูลูกเสือที่ฆ่าสัตว์อสูรระดับ 4 ด้วยความประหลาดใจ เจ้าลูกเสือนั้นไม่เคยที่จะต่อสู้มาก่อน แม้ว่ามันมีความแข็งแกร่งเท่ากับระดับ 4 แต่ด้วยสมบัติสวรรค์ มันก็ยังอยู่ในระยะของวัยรุ่น มันจึงยังไม่ได้โตเต็มที่
ถ้าเด็กที่ครอบครองพลังงานมหาศาลดังกล่าว เกรงว่ามันจะต้องน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมากยามเมื่อมันได้เติบโตเต็มวัย