ตอนที่ 556: การมาถึงเมืองเฟิงหยาง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 556: การมาถึงเมืองเฟิงหยาง

พลังอำนาจของลูกเสือที่เปิดเผยได้สร้างความประหลาดใจให้กับหมิงตงและโหยวเยว่ ซึ่งทำได้เพียงจ้องมองอย่างหนัก ไม่มีใครสักคนจะคิดว่ามันเป็นเสือด้วยขนาดตัวที่เท่ากับแมว แต่ทว่ามันครอบครองพลังอำนาจมหาศาล ซึ่งมีอำนาจมากพอที่จะสังหารสัตว์อสูรระดับ 4 ได้อย่างง่ายดายราวกับเป่าฝุ่น ด้วยสายตาเช่นนี้ มันยากเกินไปเพื่อให้ทุกคนพบว่ามันค่อนข้างยากที่จะเชื่อ

เจี้ยนเฉิน ทำไมลูกเสือตัวนี้จึงได้แข็งแกร่งเช่นนี้ ? ดวงตาของหมิงตงนั้นยังคงจับจ้องอยู่กับศพหมีดำ

เจี้ยนเฉินหัวเราะ ข้าเคยบอกเจ้ามาก่อนว่า อย่าได้ประมาทลูกเสือน้อย ความแข็งแกร่งอยู่ไกลเกินสิ่งที่เจ้าจะสามารถจินตนาการ

จ้องมองที่เจ้าตัวน้อย ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย แต่มันก็เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู โหยวเยว่กล่าวว่า แปลก ดูแข็งแกร่งมาก ถ้าข้าไม่เห็นตัวเอง ข้าจะไม่เคยมีความเชื่อว่า เจ้าตัวน้อยนั้นจะสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับ 4 อย่างง่ายดาย เจี้ยนเฉิน มันชื่อว่าอะไร แล้วปกติมันชอบกินอะไร

นำลูกเสือออกมาจากไหล่ของเขาและกอดมันไว้กับหน้าอกของเขา เจี้ยนเฉินลูบมันบนหัวของมัน เจ้าลูกเสือนั้นมันไม่ได้ต่อต้านการกระทำของเจี้ยนเฉิน กลับกัน มันปิดดวงตาของมันในความรู้สึกเพลิดเพลินอย่างเงียบ ๆ

ข้าไม่ทราบชื่อที่แท้จริงของมัน ข้ามักจะเรียกมันว่าเจ้าเสือขาวน้อย อาหารโปรดของมันคืออะไร หือ มันชอบกินสมบัติสวรรค์และมันยังชอบเนื้อย่างด้วยเช่นกัน เจี้ยนเฉินกล่าวเบา ๆ กับองค์หญิงที่ดูเหมือนว่านางจะวางแผนที่จะให้อาหารกับเจ้าตัวน้อย เพื่อให้มันชอบนาง

สมบัติสวรรค์และเนื้อย่าง รอจนกว่าเราเข้าไปในเมือง ข้าจะให้บางส่วนกับเจ้า องค์หญิงตอบอย่างตื่นเต้น นางเริ่มที่จะเฝ้ารอการมาถึงที่เมือง

อ่า แล้ว ถ้าลูกเสือไม่มีชื่อ ทำไมเราไม่ตั้งให้มันเล่า ? หากเรียกมันว่าเจ้าเสือขาวน้อยหรือเจ้าเสือขาว มันจะไม่ลำบากเกินไปหรือ โหยวเยว่จ้องตาเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าคำแนะนำนี้ค่อนข้างสมเหตุสมผล และเห็นด้วย ดีแล้ว แต่ข้าจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดี ?

โหยวเยว่เงียบลงครู่หนึ่ง “เจ้าเสือน้อยมีปีกบนหลังของมัน แม้ว่ามันจะมีร่างกายเล็ก แต่ทว่ามันมีความกล้าหาญอย่างมากเช่นพระเจ้า ใช่ เราควรตั้งชื่อที่เหมือนกัน ดวงตาของโหยวเยว่เป็นประกาย ข้าควรจะเรียกมันว่าพยัคฆ์ปีกเทวะ แม้มันไม่ใช่ชื่อเฉพาะที่มีประสิทธิภาพ แต่มันก็เหมาะกับเจ้าเสือ ถ้ามันสามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับ 4 ได้ง่ายดาย มันก็ดูเหมือนว่าพยัคฆ์ปีกเทวะก็จะฉลาดมาก

เจี้ยนเฉินได้แต่รู้สึกสะดุ้งกับชื่อที่โหยวเยว่ตั้งให้กับมัน นางได้จัดการเดาชื่อจริงเจ้าเสือตัวนี้ ที่ซึ่งคนน้อยมากจะรู้จักอดีตของพยัคฆ์ปีกเทวะ มีเพียงยอดฝีมือเร้นกายเท่านั้นที่จะรู้เกี่ยวกับมัน

“ไม่ ไม่ ข้าขอปฏิเสธ ชื่อนี้ไม่ดีต่อการได้ยินนัก ข้าขอเปลี่ยน” เจี้ยนเฉินรีบปฏิเสธคำแนะนำของโหยวเยว่ ไม่ว่าอย่างไร ชื่อของพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นไม่อาจใช้ชื่อนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินนั้นพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อซ่อนตัวตนของลูกเสือ เขากลัวว่าถ้าข่าวไปถึงตระกูลกิลลิกันแล้ว มันจะกลายเป็นหายนะ

ข้าคิดว่าชื่อนี้มันก็ฟังดูดีไม่น้อย โหยวเยว่สับสนไม่น้อยที่เจี้ยนเฉินยืนกรานปฏิเสธ มันเป็นเพียงแค่ชื่อ เหตุใดเจี้ยนเฉินจึงไม่ยอมรับมัน

มันไม่ได้เป็นชื่อที่ดีนัก ข้าคิดว่ามันควรเรียกว่า เสี่ยวไป๋ เจี้ยนเฉินตอบ

ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี โหยวเยว่จ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน เสี่ยวไป๋ ชื่อนั้นง่ายเกินไป มันไม่แสดงตัวตนของลูกเสือเลยแม้แต่น้อย มันดูเลวร้ายกว่าชื่อของข้า

ข้าไม่รู้สึกว่า มันเป็นชื่อที่ไม่ดี ลูกเสือมีขนขาวอย่างหิมะและมีขนาดเล็ก เสี่ยวไป๋เป็นชื่อที่เหมาะสมกับมันไม่น้อย เจี้ยนเฉินมองลูกในเสื้อคลุมของเขา และถาม จากนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวไป๋ เจ้าชอบชื่อนี้หรือไม่ ?

ม๋าววววว~ ~ ลูกเสือร้องเสียงดังและประทับเท้าเล็ก ๆ ทั้งสี่ของมันลงบนอกของเจี้ยนเฉินซ้ำ ๆ ราวกับว่ามันชื่นชอบชื่อนี้

ค่อนข้างพอใจ เจี้ยนเฉินหันมองไปที่โหยวเยว่ ดูเหมือนว่าเสี่ยวไป๋จะชื่นชอบชื่อนี้

ไปยังถนนที่ยาวออกไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ พวกเขามักจะเดินทางโดยที่ไม่เห็นคนอื่น แต่บางครั้งก็มีกลุ่มทหารรับจ้างหรือคาราวานพ่อค้าที่เดินสวนกับพวกเขา อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขายังคงเดินไปโดยม้าของพวกเขาอย่างไม่ได้หยุด พวกเขาเดินไปยังเมืองเฟิงหยาง พวกเขาต่างก็สนทนากันอย่างสนุกสนาน

แม้ว่าในกลุ่มจะไม่มีหยุนเจิ้งและศิษย์พี่อัน มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาแต่อย่างใด เจี้ยนเฉินอยากให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีออกจากเมืองเวคไปยังเทือกเขาแดนอสูร เขาจึงให้คนทั้งสองปกป้องกลุ่มคนเหล่านั้น มิฉะนั้นแล้ว เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ

กลุ่มในขณะนี้ต่างก็มีระดับสูงและทักษะการต่อสู้ระดับสูง นอกจากนี้ ไคเอ้อยังครอบครองลูกพยัคฆ์ขนทอง

ในอดีต มันเป็นเพราะพยัคฆ์ขนทองนั้นทำให้กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเกือบถูกลบชื่อออก ดังนั้น เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจี้ยนเฉินเคยโกรธเคืองมันถึงขนาดที่จะจัดการกับมันตามที่เขาได้วางแผนในคราแรก แต่เมื่อเขาย้อนกลับไปคิดว่า มันยังคงเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่รู้จักวิถีของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีถูกฆ่า เขาจึงฝืนใจที่จะปล่อยให้มันรอด

แม้บางคนก็โทษว่ามันเป็นเพราะความโลภของคน หากพวกมันไม่ขโมยลูกสัตว์อสูรแล้ว พวกมันคงจะไม่เจอความพิโรธของแม่มันและตกอยู่ในหายนะดังกล่าว

ผู้อาวุโสเต้าคังได้ถูกฆ่าเพราะลูกพยัคฆ์ขนทอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มทหารรับจ้างนั้นได้สูญเสียเหงื่อและเลือดเนื้อมากเกินไป ดังนั้นมันจะไปมีประโยชน์อะไรกับสิ่งที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีลงแรงและความพยายามไป ดังนั้น เมื่อเจี้ยนเฉินคิดเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจให้ไคเอ้อทำให้ลูกพยัคฆ์ขนทองเชื่อง มันจะกลายเป็นผลตอบแทนว่าความพยายามของพวกเขานั้นไม่ไร้ประโยชน์

เมืองเฟิงหยางห่างจากเมืองเวคประมาณ 1,500 กิโลเมตร และในไม่ช้า เจี้ยนเฉินก็ได้เดินทางมาถึงเมืองโดยใช้เวลาเกือบ 1 วัน

เมืองเฟิงหยางเป็นเมืองชั้นสอง และดังนั้น มันยิ่งประสบความสำเร็จกว่าเมืองเวคที่อยู่ห่างออกไป ขณะที่พวกเขาเดินเข้าอาจเห็นผู้เดินทางกลุ่มอื่นเดินสวนกันไปมาอยู่บนถนนสายหลัก เท่าที่ตาเห็น เหล่าพ่อค้าและทหารรับจ้างอาจใช้ถนนร่วมกัน

ที่ประตู ทหารทำหน้าที่ตรวจตรา พวกเขาได้มีการตรวจสอบให้แน่ใจทุกร้านค้าได้จ่ายค่าเข้ามาก่อนที่จะขาย หลังจากที่ชำระเงินค่าเข้าแล้ว มันจะไม่มีปัญหาแต่อย่างใด มิฉะนั้น มันจะมีการตรวจสอบสินค้าที่ถูกนำเข้ามา

อย่างช้า ๆ เจี้ยนเฉินและกลุ่มของเขาเข้ามาที่เมืองเฟิงหยาง ห่างจากเมืองเวค เมืองเฟิงหยางนั้นไม่ค่อยปรากฏสัตว์อสูรระดับสาม บางส่วนของทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งนั้นจะใช้ม้า เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจดังเช่นกลุ่มของเจี้ยนเฉิน

มันเป็นบางกลุ่มเท่านั้นที่ทหารเมืองเฟิงหยางจะกล้าล่วงเกิน ไม่สามารถที่จะทำอันใด ทุกคนที่ขี่สัตว์อสูรดังกล่าวนั้นย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาสามัญ ทหารไม่กล้าที่จะมีปัญหาเหล่านั้น ดังนั้นกลุ่มของเจี้ยนเฉินจึงเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็วโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ

เข้ามาในเมือง เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตาสังเกตการณ์ ในใจของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองได้ปรากฏขึ้นในใจดังเช่นภาพเคลื่อนไหว

สองปีได้ผ่านไปแล้ว ตั้งแต่ที่เขามาล่าสุด ยามนั้น เจี้ยนเฉินยังคงจดจำเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดได้ เขาได้นำซากของสัตว์อสูรระดับ 5 เข้าไปประมูลในโรงประมูล มันเนื่องมาจากจิตใจที่โลภของครอบครัวและสมัครพรรคพวก ทำให้เกิดการพยายามขโมยซากมันจากเขา หลังจากใช้ความพยายามที่กล้าหาญเขาก็สามารถที่จะหลบหนี แต่มันก็มีเซียนปฐพีเพื่อไล่ล่าเขาและไล่ล่าจนเขาตกหน้าผา

เดินมาถึงภายในเมือง เจี้ยนเฉินจัดการให้คนจองห้องพักและทำกิจส่วนตัวของพวกเขา หลังจากนั้น เขาหันไปมองที่ตู่กูเฟิง “ตู่กูเฟิง มันมีโรงประมูลฟินิกซ์สวรรค์ในเมืองนี้ ใช้แกนอสูรระดับ 5 สองอันและประมูลมัน จำไว้ อย่าได้แสดงความแข็งแกร่งของเจ้า อย่างไรก็ตาม มันขึ้นอยู่กับเจ้า”

“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าถึงประมูลแกนอสูรระดับ 5 กันเล่า ? เพื่อเงินหรือ ? ” หมิงตง ตู่กูเฟิงและโหยวเยว่ค่อนข้างจะสับสนกับการกระทำของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมอบรอยยิ้มอย่างเป็นความลับ “ข้ามีเหตุผลของการกระทำของข้า อย่าได้ถามในตอนนี้ มันจะชัดเจนกับพวกเจ้าในเร็ววัน”

ดี ข้ารู้ดีว่าต้องทำอันใด ตู่กูเฟิงตอบ เขารับเอาแกนอสูรระดับ 5 มาจากเจี้ยนเฉิน

อีกอย่างหนึ่ง อย่าปล่อยให้เขารู้ตัวตนของเรา เจ้ามีความสามารถนี้ได้ มันไม่ควรเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าเลย เจี้ยนเฉินกล่าวออกอย่างซับซ้อน

ตู้กู้เฟิงพยักหน้าลง “เข้าใจแล้ว” ตู่กูเฟิงออกไปพร้อมกับแกนอสูร

หลังจากตู่กูเฟิงจากไป เจี้ยนเฉินตัดสินใจที่จะไม่เข้าในห้องพัก “ลองไปกินบางสิ่ง แล้วเราจะไปเดินดูว่ามันมีสมบัติสวรรค์หรือไม่”