Dual Cultivation บทที่ 564: วันประชุม

 

“หยุด พวกเจ้ากําลังอยู่ตรงหน้าหอประชุมตระกูลซี จงระบุตน”

 

เมื่อซูหยางและหวังเหรินไปถึงที่แห่งนั้น พวกเขาก็ถูกหยุดโดยทหารยามที่เฝ้าระวังสถานที่แห่งนั้น

 

หวังชูเหรินก้าวขึ้นไปข้างหน้าและแสดงเหรียญของตระกูลชี้ให้กับทหารยาม รวมไปถึงจุดหมายจากเจ้าซีที่ให้สิทธิ์ในการใช้หอประชุม

 

“อา ท่านต้องเป็นนักปรุงยาหวังจากนิกายตอกบัวเพลิง พวกเราคาดหวังว่าจะเป็นท่านอยู่แล้ว แต่ว่าใครที่อยู่ด้านหลังท่าน”

 

ทหารยามชี้ไปที่ซูหยาง ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากก่อนที่จะมาถึงยังที่แห่งนั้น

 

“นี่เป็นอาจารย์ของข้า นักปรุงยาผู้ทรงเกียรติที่สุดที่ได้ยินยอมให้มีการประชุมนี้ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก” หวังชูเหรินกล่าวกับทหารยาม

 

“นักปรุงยาผู้ที่ค้นพบโอสถสู่ปฐพีงั้นรี พวกเราต้องขออภัยที่มิอาจจดจําท่านได้ ท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ”

 

เหล่าทหารยามต่างพากันคํานับเขาอย่างเต็มที่ก่อนที่จะปล่อยพวกเขาเข้าไปในหอประชุม

 

หลังจากที่เข้าไปด้านในอาคารแล้ว ซูหยางก็มองไปยังพื้นที่กว้างขวางนั้นด้วยความพึงพอใจ

 

“มีตระกูลกตระกูลที่เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้” เขาถามเธอ

 

“ผู้เข้าร่วมได้เพิ่มขึ้นจนเป็น 130 สํานัก และ 269 ตระกูลตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้บอกกล่าวให้กับท่าน ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้จํากัดสิทธิ์ให้แต่ละตระกูลและสํานักส่งคนเข้ามาร่วมได้เพียงแค่สองคนในงานประชุมครั้งนี้ ดังนั้นพวกเราก็มิควรจะเห็นคนมากเกินกว่าพันคน”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าทํางานได้ยอดเยี่ยมมาโดยตลอดด้วยตัวของเจ้าเอง” ซูหยางพลันกล่าวยกย่องเธอ และเขาก็กล่าวต่ออีกว่า “เจ้ามีอะไรที่ต้องการเป็นของรางวัลหรือไม่ ข้าจักให้เป็นรางวัลแก่เจ้า”

 

“อื… มิจําเป็นต้องมีอะไรเป็นพิเศษ…” หวังชูเหรินตอบสนองด้วยท่าทางสับสน ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะให้รางวัลเธอ

 

“มิจําเป็นที่จะต้องถ่อมตัว” เขากล่าว

 

“ถ้าเช่นนั้น… ข้าพอที่จะเรียนรู้เพิ่มในเรื่องเม็ดยาจิตมารได้หรือไม่ ข้าได้เกิดความสนใจในเม็ดยานี้ตั้งแต่ข้าเห็นมัน” เธอกล่าวหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ

 

“นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการ เม็ดยาจิตมารมิได้เป็นอะไรที่น่าประทับใจเท่าไหร่”

 

“นั่นเพียงพอสําหรับข้าแล้ว” หวังซูเหรินพยักหน้า

 

“ตกลง เช่นนั้นข้าก็จักมอบสูตรให้กับเจ้าหลังจากที่พวกเราจากที่แห่งนี้ไปแล้ว”

 

“ขอบคุณ ซู-อาจารย์” หวังซูเหรินคํานับเขา

 

ในเวลานั้นที่ตระกูลซี เจ้าซีก็ได้จ้องไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตรงหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “อะไรนะ นักปรุงยาลึกลับนั้นได้มาถึงที่หอประชุมพร้อมกับหวังชูเหรินแล้วอย่างนั้นรึ เจ้ามั่นใจว่าเป็นเขารี”

 

“ใช่ ท่านเจ้า ตัวหวังชูเหรินเองได้เป็นคนแนะนําเขาว่าเป็นอาจารย์ของเธอ”

 

“แล้วตัวตนของเขาล่ะ พวกเราพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาหรือไม่” เจ้าซีได้ถามต่อ

 

“ไม่ เขาได้สวมหน้ากากและทั้งตัวของเขาก็คลุมทับไปด้วยเสื้อคลุมสีดํา ดูเหมือนว่าเขามีเจตนาที่จะซ่อนตัวตนของเขาเอาไว้

 

“ข้าเข้าใจ.. มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมที่ข้าควรจะรู้”

 

“พวกเราได้รับข่าวว่าซูหยางจากนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยได้มาปรากฏตัวที่เมืองนี้ เขาถูกพบเห็นว่าเข้าเมืองมาพร้อมกับหวังชูเหริน แต่เขาได้หายตัวไปที่ไหนสักที่หนึ่งหลังจากนั้น”

 

“ซูหยางรึ เกิดบ้าอะไรกันจึงทําให้เจ้าเด็กเลวนั่นมาทําอะไรที่นี่ หรือว่าเขาก็มาเข้าร่วมงานประชุมด้วยเช่นกัน” เจ้าชีพึมพัมกับตนเอง

 

“ไม่… ถ้าหากว่าเขามีความสัมพันธ์กับนักปรุงยาลึกลับนั่นล่ะ จากที่รู้จักเขา ข้าเกือบมั่นใจได้ว่าเขาต้องมีความสัมพันธ์กับนักปรุงยานั่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

 

เพราะว่าอายุซูหยางและประวัติความเป็นมา ความคิดที่ว่าซูหยางจะเป็นนักปรุงยาลึกลับนั้น จึงไม่เคยได้เกิดขึ้นในใจของเจ้าซีเลย ไม่ว่าเขาจะพรสวรรค์แค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางที่เขาจะเป็นนักปรุงยาได้โดยไม่มีการฝึกฝนเป็นเวลาหลายๆปี

 

“อย่างไรก็ตามข้าจะไปหอประชุมเพื่อทักทายกับนักปรุงยานี้ก่อน” เจ้าซีกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนที่จะออกจากห้องไป

 

หลายนาทีให้หลัง เจ้าซีก็ไปถึงหอประชุม

 

“ผู้อาวุโสนักปรุงงยาอยู่ไหนรี” เขาถามทหารยาม

 

“อื้อ… หวังชูเหรินกับผู้อาวุโสนักปรุงยาได้จากหอประชุมไปเรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้า”

 

“อะไรกัน ข้ามาที่นี่ทันทีที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาไปไหนกัน”

 

อย่างไรก็ตามทหารยามส่ายหน้า “ไม่ ท่านเจ้า พวกเขาออกไปจากที่นี่โดยมิได้กล่าวอะไรเลยสักคําหลังจากที่ดูไปรอบๆอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง”

 

“เชี่ย ข้าต้องการถือโอกาสในสถานการณ์นี้เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก่อนงานชุมนุม แต่ดูเหมือนว่านั่นเป็นไปมิได้อีกต่อไป” เจ้าซีร่ําร้องอยู่ภายใน

 

อย่างไรก็ตามเจ้าซีไม่ได้ละความพยายามง่ายๆ และทําการรออยู่ภายในหอประชุมในกรณีที่นักปรุงยากลับมา

 

แต่อนิจจา หวังชูเหรินและซูหยางได้กลับคืนมายังนิกายดอกบัวเพลิงนานแล้ว ทําให้ความพยายามของเจ้าซีกลายเป็นหมัน

 

ภายในที่พักของหวังชูเหริน ซูหยางได้ส่งสูตรของเม็ดยาจิตมารให้กับหวังชูเหรินและได้ทําการฝึกฝนเธอตลอดเวลาสองสามวันที่เหลือ จนกว่าจะได้เวลางานประชุม

 

สองสามวันให้หลัง ซูหยางและหวังซูเหรินก็ออกมาจากห้องยาโดยที่หวังชูเหรินนั้นเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

 

“ถ้าเจ้าไม่ได้นําเตาปรุงยาไปก็ให้นํามันไปกับเจ้าด้วยแล้ว ข้าจักแสดงความสามารถของข้าก่อนที่จะได้เริ่มพูดคุยกัน” ซูหยางกล่าว

 

หวังชูเหรินพยักหน้าก่อนที่จะทําความสะอาดร่างกายในห้องน้ํา

 

ครั้นเมื่อพวกเขาได้เตรียมตัวที่จะจากไปกันแล้ว ซูหยางก็ได้นําเอายานบินออกมา และพวกเขาก็กลับไปยังเมืองหิมะโปรย

 

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ซูหยางได้ปลอมตัวเข้าไปก่อนที่จะออกไปจากนิกายดอกบัวเพลิง

 

ในวันประชุม จะสามารถพบเห็นจอมยุทธผู้มีชื่อมากมายจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและจากสํานักที่ทรงอํานาจต่างพากันเข้ามายังเมืองหิมะโปรยทีละคนสองคน สร้างความตกตะลึงให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องภายนอกและภายในเมือง

 

“นั่น นั่นเป็นผู้นําตระกูลเจียงจากภาคตะวันตก เขาเดินทางมาไกลถึงที่นี่เพื่อทําอะไรกัน”

 

“มองไปด้านหลังเขาสิ นั่นเป็นผู้นําตระกูลหลิง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยา”

 

“กระทั่งผู้นําสํานักสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในผู้นําด้านการปรุงยาในโลกนี้ก็ยังมาที่เมืองหิมะโปรย และเขาก็ยังถึงกับนําเอาศิษย์มาด้วย”

 

“เมื่อมีการรวมตัวจอมยุทธที่มีชื่อเสียงมากมายจากทั่วทุกมุมโลก จะต้องมีสิ่งยิ่งใหญ่บางอย่างได้เกิดขึ้นในเร็วๆนี้แน่ หากว่ายังมิได้เกิดขึ้นไปแล้วในตอนนี้”