บทที่ 565: การชุมนุมยอดฝีมือ

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 565: การชุมนุมยอดฝีมือ

 

“ผู้อาวุโสเจิ้ง ข้ามคาดคิดว่าจะพบกับท่านที่นี่ นานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่ท่านได้จากสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ไป ดูเหมือนจะเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่ข้าเห็นท่านครั้งสุดท้าย”

 

“หือ นั่นมิใช่ท่านผู้นําไค่หรอกรึ นานขนาดนั้นเลยรึนับตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกันครั้งสุดท้าย ข้าสาบานว่าข้ารู้สึกเหมือนกับพวกเราเพิ่งเจอกันมินานมานี้”

 

ภายในหอประชุมที่ซึ่งที่นั่งต่างก็ถูกจับจองโดยเหล่าจอมยุทธกันอย่างรวดเร็ว ชายชราสองคนต่างก็พูดคุยกัน

 

หนึ่งในนั้นรู้จักกันในนามผู้อาวุโสเจิ้ง เจ้าสํานักสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสํานักไม่กี่สํานักในโลกนี้ที่เน้นหนักไปในด้านยาและสมุนไพร

 

ชายชราที่นั่งข้างเขานั้นเป็นผู้นําตระกูลไก่ ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพร

 

เพียงแค่คนทั้งสองนี้ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่ยากจะได้พบเห็นทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นพบเจอพวกเขาทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน อักทั้งยังมีผู้คนที่มีชื่อเสียงอิทธิพลอีกหลายคนแบบเดียวกับผู้อาวุโสเจิ้ง และผู้นําตระกูลไก่มารวมตัวกันอยู่ในหอประชุมเช่นเดียวกัน

 

แต่ละคนที่มาอยู่ในหอประชุมต่างมีอิทธิพลอย่างมากในยุทธภพ ซึ่งสามารถสั่นคลอนทวีปตะวันออกได้ด้วยเพียงคําพูดเพียงคําเดียว และเมื่อมีพวกเขามารวมตัวกันที่จุดเดียว นับว่าเป็นภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

 

“ข้าได้ยินว่ามินานมานี้ท่านได้รับศิษย์ใหม่รึ ศิษย์คนที่ว่านั้นคือหญิงสาวที่ข้างกายท่านใช่หรือไม่” ผู้นําตระกูลไค่มองไปยังหญิงสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกายผู้อาวุโสเจิ้ง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า… ใช่แล้ว นี่เป็นศิษย์ที่ล้ําค่าของข้า ข้าได้นําเธอมาที่นี่โดยหวังว่าเธอจักได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากนักปรุงยาลึกลับที่สั่นสะเทือนโลกนี้ด้วยโอสถสู่ปฐพีนั่น” ผู้อาวุโสเจิ้งหัวเราะและเขาก็กล่าวต่อในขณะที่มองไปยังเด็กสาวข้างกายผู้นําตระกูลไค่ “ข้าก็เห็นว่าท่านได้นําคนมากับท่านด้วยเช่นกันนี่”

 

“นี่เป็นลูกสาวคนเล็กของข้า ไคโจวฮวา ทักทายผู้อาวุโสเจิ้งสิโจวฮวา”

 

“ผู้เยาว์ไค่ คารวะผู้อาวุโสเลิ้ง ผู้เยาว์ได้ปรารถนาที่จะได้พบกับผู้อาวุโสนับตั้งแต่ได้ยินความสําเร็จอันยิ่งใหญ่ของท่านในด้านการแพทย์ นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่สุดท้ายก็ได้พบกับท่าน”

 

“ฮ่าฮ่า… ช่างเป็นหญิงสาวที่สง่างามและสุภาพ ตระกูลไค่ช่างโชคดีที่ได้มีคนแบบเจ้าอยู่ในตระกูล” ผู้อาวุโสเจิ้งหัวเราะเสียงดัง

 

แม้ว่าผู้อาวุโสเจิ้งจะมีท่าทางเสแสร้งเห็นได้ชัด แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าทําไมผู้นําตระกูลไค่จึงได้นําหญิงสาวมายังที่งานชุมนุมที่สําคัญแบบนี้ที่ไม่เหมาะกับสิ่งที่เธอเป็น ถ้านักปรุงยาลึกลับคนนี้เป็นของจริง ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลไคเป็นอย่างมากถ้านักปรุงยาผู้ที่ชื่นชอบคนจากตระกูลของเขา

 

ตามความเป็นจริงก็ยังมีคนในตระกูลอื่นอีกมากในหอประชุมที่ได้นําลูกสาวของตนเองมางานประชุมนี้ ทั้งหมดต่างหวังที่จะเพิ่มเส้นสายกับนักปรุงยานี้ซึ่งชื่อของเขาได้เทียบเท่ากับตระกูล ระดับสูงในทวีปตะวันออกไปเรียบร้อยแล้ว

 

“มองไปทางนั้นสิ นั่นผู้นําตระกูลฟางจากสี่ตระกูลใหญ่”

 

ผู้คนที่นั่นต่างพากันสังเกตเห็นการปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ของฟางเซียนเจว้อย่างรวดเร็ว

 

“แน่นอน เมื่อหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่มาอยู่ที่นี่ ข้าย่อมมิสงสัยเลยหากตระกูลที่เหลืออีกสามได้แสดงตัวขึ้น”

 

และในขณะที่หลายคนที่นั่นได้คาดการณ์ไว้ ตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลที่เหลือก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หอประชุมหลังจากนั้นไม่นานนัก

 

ตระกูลหลงที่ปกครองภาคตะวันออก ตระกูลเซียงที่ปกครองด้านใต้ ตระกูลฟางที่ครอบครองภาคตะวันตก และตระกูลซูจากภาคเหนือ ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ต่างก็มารวมตัวกันในที่ชุมชน นับเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากยิ่งนักแม้กระทั่งกับผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่เหล่านี้ซึ่งคุ้นเคยกับการได้พบเห็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติมาแล้วก็ตาม

 

ส่วนจํานวนคนจากตระกูลเหล่านี้นั้น ตระกูลหลงนั้นมาเพียงคนเดียว นั่นก็คือผู้นําตระกูล ตระกูลเซียงได้มากันสองคนเป็นหญิงชราและหญิงสาว ส่วนสําหรับตระกูลฟางนั้น พวกเขามากันสองคน ฟางเซียนเจว้กับชายวัยกลางคนหล่อเหลาซึ่งเป็นสามีของเธอและเป็นผู้นําตระกูลฟางด้วย ในเวลานั้นก็เหมือนกับตระกูลหลง มีเพียงซูซุนจากตระกูลซูที่ปรากฏตัวขึ้น

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีฐานะเป็น “ตระกูลใหญ่” เช่นเดียวกัน แต่ตระกูลเหล่านี้ไม่มีใครที่เป็นเพื่อนกันเลย ตามความเป็นจริงภายในใจของพวกเขานั้นเกลียดอีกฝ่ายและมักจะแก่งแย่งกันแม้กระทั่งในเรื่องเล็กน้อย

 

ในเวลาต่อมา ตระกูลมีชื่อเสียงอีกตระกูลก็ได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายจากการแสดงตัวของพวกเขาในหอประชุม ตระกูลนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายนัก ในเมื่อชื่อเสียงของพวกเขาเพียงโด่งดังทะลุฟ้าก็ตอนหลังจากที่การแข่งขันระดับภูมิภาคจากคนผู้หนึ่ง

 

“ดูนั่น นั่นเป็นตระกูลหง และพวกเขาก็นําหงอวี้เอ๋อร์มาด้วย”

 

คนเหล่านั้นต่างพากันประหลาดใจกับการปรากฏตัวของหงอวี้เอ๋อร์อย่างไม่คาดคิด

 

อย่างรวดเร็ว หลังจากที่หงอวี้เอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผู้คนต่างพากันมารุมล้อมรอบตัวเธอ หวังที่จะได้มีบุญคุณหรือไม่ก็ได้สร้างเส้นสาย

 

อย่างไรก็ตามหงอวี้เอ๋อร์ไม่แม้จะกระทั่งเหลือบแลพวกเขา เธอได้เข้าไปนั่งข้างซูซุน

 

“คารวะท่านพ่อตา” หงอวี้เอ๋อร์ทักทายซูซุน สร้างความงงงันให้กับเขา

 

ในเวลานั้นพ่อของเธอ หงเฉิงเชา ได้ขออภัยเหล่าจอมยุทธและผู้อาวุโสแทนเธอ

 

“ข้าต้องขออภัยสําหรับพฤติกรรมดื้อด้านของลูกสาวข้าเมื่อกี้นี้ เธอไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า” หงเฉิงเชาได้คํานับพวกเขา

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า… อย่ากังวลในเรื่องเหล่านั้น อัจฉริยะแบบเธออย่างน้อยก็ควรจะมีความลําพองตนอยู่บ้าง” เหล่าจอมยุทธต่างพากันหัวเราะ ในเมื่อพวกเขาไม่กล้าที่จะบ่นออกมาต่อหน้าหงอวี้เอ๋อร์

 

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่ หงอวี้เอ๋อร์ เจ้าสนใจในยาหรือว่านักปรุงยารึ” ซูซุนถามเธอพร้อมกับเลิกคิ้ว

 

หงอวี้เอ๋อร์แสดงรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ท่านมิต้องกังวล ท่านพ่อตา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยาที่สุดในโลกนี้ สายตาข้าก็มีเพียงซูหยาง”

 

“ข้าต้องขออภัย แต่ข้ามิได้มีเจตนาที่จะตั้งคําถามเจ้าถึงความภักดีต่อลูกชายของข้า…” ซูซุนรีบส่ายหน้า

 

เวลาหลังจากนั้น ก็เกิดเสียงดังขึ้นในที่แห่งนั้น

 

“ ท่านเจ้าซี ได้มาถึงแล้ว”

 

ผู้คนในหอประชุมต่างพากันยืนขึ้นและคํานับไปยังเจ้าซี ซึ่งเพิ่งเข้ามาในห้อง

 

“ ตามสบาย” เจ้าซีโบกมือก่อนที่จะนั่งลงยังที่นั่งส่วนตัวของเขา

 

ครั้นเมื่อเจ้าซีและเหล่าแขกทั้งหลายได้มาถึงแล้ว หวังชูเหรินก็ได้ปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเธอ