ภาคที่ 28 จิตข้าคือจิตฟ้า ตอนที่ 9 เริ่มลงมือ

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 9 เริ่มลงมือ โดย Ink Stone_Fantasy

“ปล่อยไปเสียแล้วหรือนี่” ชายชราเห็นเข้าก็ร้อนใจขึ้นมา สตรีอาภรณ์สีแดงก็ลอบถอนหายใจ ตามความคิดของพวกเขา ย่อมต้องสังหารผู้อาวุโสแห่งหุบเขาเปลวอัคคีทิ้งเสีย แต่เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือเร้นลับผู้นี้มิได้มีจิตคิดสังหารหุบเขาเปลวอัคคีแต่อย่างใด

“ท่านพ่อ”

สตรีอาภรณ์สีแดงกลับรีบส่งสารผ่านวัตถุส่งสารไปให้บิดา “เขากระบี่สวรรค์เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ”

“อีจื่อ เจ้าบำเพ็ญอยู่ภายนอกอย่าได้กลับเข้ามาเด็ดขาด! เขากระบี่สวรรค์เพิ่งประสบการลอบโจมตีของหุบเขาเปลวอัคคี ข้ากำลังรับมือกับประมุขหุบเขาเปลวอัคคีผู้นั้นอยู่” หลังประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ส่งสารแล้วก็มิได้เสียสมาธิอีกต่อไป อันที่จริงสถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายกว่าที่เขาพูดไปมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้หุบเขาเปลวอัคคีเตรียมตัวมานานมาก จนมียอดฝีมือแฝงกายเข้ามาโดยอาศัยสถานะ ‘ผู้บูชา’ เข้าไปในหุบเขาเปลวอัคคี ทั้งยังอาศัย ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ ลอบคิดบัญชีกับเขา จากนั้นการต่อสู้ก็พลันปะทุขึ้น!

เดิมทีพลังของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์และประมุขหุบเขาเปลวอัคคีก็ใกล้เคียงกันอยู่แล้ว บัดนี้หุบเขาเปลวอัคคีเตรียมตัวมาอย่างยาวนาน ทั้งยังซื้อ ‘พิษวิญญาณด้ายเงินโยง’ มาอย่างไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้นทั้งยังลอบคิดบัญชีได้สำเร็จอีกด้วย บัดนี้ด้วยการลอบโจมตีอย่างฉับพลัน…หุบเขาเปลวอัคคีจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง บัดนี้ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์กำลังต่อต้านอย่างสุดกำลัง อันที่จริงก็ตกเป็นรองอย่างเต็มที่

“ฟิ้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งอยู่ไกลออกไปเก็บสมบัติล้ำค่าลงไป

สตรีอาภรณ์สีแดงกลับกล่าวขึ้นว่า “ผู้อาวุโส ผู้น้อยอีจื่อ ธิดาของประมุขพรรคกระบี่สวรรค์ บัดนี้เขากระบี่สวรรค์ของข้ากำลังเผชิญกับหายนะ ข้าน้อยขอหน้าหนาวอนขอให้ผู้อาวุโสช่วยเขากระบี่สวรรค์ของข้าให้ผ่านความยากลำบากในครั้งนี้ไปได้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

นางสัมผัสได้ว่ายอดฝีมือเร้นลับผู้นี้ยังนับว่าพอจะมีความรู้สึกอันดีต่อนางอยู่บ้าง ดังนั้นจึงทำได้เพียงหน้าหนาขอให้ผู้อื่นช่วยเหลือเท่านั้น

“ขอให้ข้าลงมือรึ อาศัยอะไรกันเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

สตรีอาภรณ์สีแดงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง นางเอ่ยขึ้นว่า “รอให้จบเรื่องนี้ บิดาข้าจะต้องขอบคุณเป็นการใหญ่อย่างแน่นอน”

“ผู้อาวุโสสามารถช่วยพวกเราเอาไว้ได้ บุญคุณใหญ่เช่นนี้พวกเราย่อมมิกล้าลืมเลือนอย่างแน่นอน บัดนี้เขากระบี่สวรรค์กำลังเผชิญหายนะอันใหญ่หลวง ข้าและคนอื่นๆ ต่างก็ร้อนใจทั้งสิ้น แต่กลับทำอะไรมิได้เลย ทำได้เพียงขอร้องผู้อาวุโสแล้ว” ชายชราด้านข้างก็รีบวิงวอนด้วยความเคารพ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความร้อนใจ ในใจเขากลับสงบนิ่งเป็นอันมาก ผู้ที่สามารถบำเพ็ญจนถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งได้ มีคนใดบ้างที่โง่งม

เขามองนิสัยของคนตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ ดังนั้นจึงใช้บุญคุณและมิตรภาพมาพูด

“พูดสองสามคำแล้วจะให้ข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างนั้นหรือ ฮ่าฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะตามอำเภอใจ “ขอเตือนพวกท่านสักประโยคก็แล้วกัน เขากระบี่สวรรค์กำลังตกเป็นรอง เกรงว่าอีกไม่นานก็คงต้องแหลกสลาย คนที่มีพลังน้อยนิดเช่นพวกเจ้าไปก็มีแต่เอาชีวิตไปมอบให้เท่านั้น!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบก็หายวับไปกลางอากาศทันที

“ทำไมถึง…ไปเสียแล้วเล่า”

“เขาไปแล้วหรือ”

“เขาบอกว่า อีกไม่นานเขากระบี่สวรรค์ของเราก็ต้องแหลกสลายไปอย่างนั้นหรือ” พวกอีจื่อหวั่นใจขึ้นมา ขณะนี้พวกเขาก็ไม่กล้าส่งสารให้ประมุขพรรค เพราะประมุขพรรคกำลังต่อสู้กับประมุขหุบเขาเปลวอัคคีอยู่ ดังนั้นจึงส่งสารให้บุคคลระดับสูงคนอื่นๆ ของเขากระบี่สวรรค์

ไม่นานนักข่าวก็มาถึง

สถานการณ์เลวร้ายยิ่งนัก! แม้การต่อสู้จะเพิ่งปะทุขึ้นมา แต่ทันทีที่ปะทุขึ้น เขากระบี่สวรรค์ก็ตกเป็นรองอย่างสิ้นเชิงแล้ว ผู้บูชาและผู้อาวุโสบางคนกำลังคิดหาทางหนีเอาชีวิตรอดแล้ว

……

ฟ้าดินโลกเทียม

ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงเร้นกายอยู่ในอากาศ แล้วเดินทอดน่องไปอย่างเชื่องช้า ด้วยผลสำเร็จทางด้านโลกเทียมของเขาในตอนนี้และวิธีการหลบซ่อนของทางสายผู้ท่องอากาศ ยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอยู่บนเขากระบี่สวรรค์จึงมิอาจพบเขาได้เลย

ฟิ้วๆ…

ระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างปกคลุมไปทั่วทั้งเขากระบี่สวรรค์

นั่นก็คือศาสตร์ลับจำพวกบริเวณที่แข็งแกร่งที่สุดของวังทวีสูญอย่างแผนภาพคลื่นจานนั่นเอง ในฐานะศาสตร์ลับระดับจักรวาลจำพวกระลอกคลื่นที่มีเพียงหนึ่งเดียว บริเวณที่แผ่ออกไปจึงกินวงกว้างเป็นอย่างยิ่ง บวกกับการกดดันกฎเกณฑ์ของ ‘ดินแดนเก้าเมฆา’ ก็อ่อนแอกว่าโลกทิพย์อยู่บ้าง บัดนี้บริเวณแผนภาพคลื่นจานของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ปกคลุมไปถึงสามร้อยล้านลี้แล้ว! ยอดฝีมือทั้งหมดบนเขากระบี่สวรรค์ล้วนอยู่ภายใต้การสอดส่องของเขาทั้งสิ้น

ก่อนหน้านี้เขาอาศัยการสำรวจตรวจดูจนมั่นใจในสถานการณ์ จึงได้เตือนให้แม่นางน้อยผู้นั้นจากไป

ที่เขามิได้ตกลงรับปากช่วยเหลือเขากระบี่สวรรค์ ก็เพราะว่า…ในสายตาของตงป๋อเสวี่ยอิง เขากระบี่สวรรค์และหุบเขาเปลวอัคคีล้วนแต่เป็นเป้าหมายที่เขาต้องการตรวจสอบ หากมั่นใจว่าเป็นศิษย์ของลัทธิทั้งสองแล้วล่ะก็ ล้วนต้องสังหารทั้งสิ้น! นอกจากนี้พลังของตนไม่ค่อยเหมาะกับการพาพวกแม่นางน้อยเคลื่อนไหวไปด้วยสักเท่าใดนัก

“ประมุขพรรคกระบี่สวรรค์เหมือนจะได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ ถูกกดดันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว คาดว่าคงจะต้านทานได้อีกไม่นานเท่าใดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงสอดส่องผ่านระลอกคลื่น “อ้อ ที่นี่มียอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดอยู่คนหนึ่งด้วยหรือนี่ เหมือนจะอยู่ฝ่ายหุบเขาเปลวอัคคี”

สวบ

ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ในพริบตาคราหนึ่งก็แทรกซึมเข้าไปแล้ว

******

ภายในโถงตำหนักปรักหักพังแห่งหนึ่งของเขากระบี่สวรรค์ ผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่นั่น ในบรรดาพวกเขามีขั้นรวมเป็นหนึ่งห้าคนกำลังร่วมมือกัน ทันใดนั้น ค่ายกลรอบด้านก็พลิกหมุนแล้วปกคลุมเบื้องล่าง  มีงูสีดำตัวหนึ่งเลื้อยอยู่รอบด้านอย่างต่อเนื่อง และยังมีรัศมีอันเรืองรองแผ่ออกมาจากผิวกายของขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่ง ส่องสะท้อนไปรอบด้าน

“ประมุขยอดเขาทั้งสามต้านทานเก่งใช้ได้ทีเดียว น่าเสียดายที่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเจ้าได้สิ้นใจไปแล้ว! ประมุขพรรคของพวกเจ้าก็ต้องพิษวิญญาณด้ายเงินโยงเข้าไป รอให้ประมุขหุบเขาของพวกเรามาถึงเสียก่อน ก็จะสามารถกดดันพวกเจ้าให้ตายได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว” เสียงของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวผู้หนึ่งดังกังวาน เขาได้ใจเป็นอันมาก เขามองเห็นศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์ที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่ไกลออกไปได้รางๆ จากนั้นก็โบกมือคราหนึ่ง เปลวเพลิงสีดำสายหนึ่งก็ลอยออกไปแล้วรายล้อมศิษย์เขากระบี่สวรรค์ซึ่งอยู่ไกลออกไปเอาไว้ ทำเอาศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์เหล่านั้นร้องโหยหวนด้วยความหวั่นกลัว จากนั้นก็กลายเป็นเถ้าธุลีไป

ตู้ม ตู้ม…

บริเวณต่างๆ ของเขากระบี่สวรรค์มีระเบิดปะทุขึ้นเป็นครั้งคราว ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นฐานที่มั่นของเขากระบี่สวรรค์และยังมีค่ายกลต่างๆ มากมาย เห็นได้ชัดว่าบรรดาศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์กำลังไล่สังหารโดยอาศัยความได้เปรียบด้านพื้นที่! ทางฝ่ายหุบเขาเปลวอัคคีก็ได้รับบาดเจ็บไปบ้างเช่นกัน

“น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสสูงสุดถูกพวกเขาล้อมสังหารไปเสียแล้ว บัดนี้ประมุขพรรคยังถูกพิษวิญญาณเข้าไปอีกด้วย” ประมุขยอดเขาสามท่าน ผู้อาวุโสสองท่านและศิษย์ทั้งหลายพยายามต้านทานเต็มที่ แต่ละคนล้วนรู้สึกหนาวเหน็บใจ

“เอ๊ะ” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวมองไกลออกไปแวบหนึ่ง แม้ฝ่ายตนจะเตรียมการมาเป็นอย่างดี แต่ครั้งนี้ความเสียหายจากการต่อสู้ก็มากมายทีเดียว “กงอวี๋ตั้งใจจะทำลายเขากระบี่สวรรค์…เขากระบี่สวรรค์สืบทอดกันมาจนบัดนี้ ต่อให้เตรียมการมาพร้อมกว่านี้ จะทำลายจนหมดก็ต้องทุ่มเทอะไรไม่น้อยเลยทีเดียว”

เขาสำแดงเปลวเพลิงสีดำสายแล้วสายเล่าออกมาวาดข้ามท้องฟ้าไปเป็นครั้งคราว แล้วโจมตีศิษย์ของเขากระบี่สวรรค์!

ฉากนี้ทำให้ประมุขยอดเขาทั้งสามของเขากระบี่สวรรค์ที่ถูกพันธนาการอยู่และยอดฝีมือคนอื่นๆ มีเพลิงโทสะสุมทรวงไปหมด เพราะพรรคที่พวกเขาถือเป็นเสมือนครอบครัว บัดนี้กำลังเผชิญกับการทำลายล้าง ศิษย์ทั้งหลายกำลัังถูกเข่นฆ่า

“สมควรตาย”

“ทำอย่างไรดี ทำอย่างไรดี” พวกเขาต่างก็ร้อนใจแต่กลับทำอะไรมิได้ พยายามตรึงไว้อย่างเต็มกำลังก็ยังพอจะต้านทานเอาไว้ได้ หากจะหลบหนี รองประมุขหุบเขาเปลวอัคคีตรงหน้าผู้นี้จะต้องฉวยโอกาสล้างสังหารพวกเขาอย่างแน่นอน

ทันใดนั้น…

พวกเขาก็เห็นบุรุษผมขาวอาภรณ์ขาวคนหนึ่งเดินตรงออกมาจากกลางอากาศ เขาสวมหน้ากากเอาไว้แล้วถือกระบี่เอาไว้ด้วยมือข้างเดียว กระบี่หนึ่งฟันไปทางผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวอย่างโกรธเกรี้ยว ยามนี้ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวรู้สึกว่าทั้งร่างราวกับตกอยู่ในโคลนตม พันธนาการหลายชั้นเข้าพัวพันเขา ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าลงมากทีเดียว ทันใดนั้นประกายกระบี่สายนั้นก็ฟาดตรงลงบนร่างของเขา

ปัง…

ทั้งร่างถูกฟันกระเด็น ปะทะเข้ากับผนังตำหนักอันปรักหักพังแห่งนี้

“อะไรกัน ถูกโจมตีพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวอย่างนั้นหรือ” ประมุขยอดเขาทั้งสามของเขากระบี่สวรรค์และผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ เห็นเข้า ในใจก็เกิดความหวังขึ้นมา

“เกิด เกิดอะไรขึ้นน่ะ…” ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวยังคงตะลึงงันอยู่บ้าง เขากลับไม่รู้ว่าด้วยความสำเร็จทางด้านแผนภาพคลื่นจานของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ นั่นเป็นระดับเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าแล้ว หากจะกดดันเขาอย่างสุดกำลังจริงๆ ไม่พียงแต่เขาจะตอบโต้มิได้เท่านั้น แต่จะต้องถูกกดดันจนร่างกายแหลกสลายเป็นผุยผงแล้วต้องสังเวยชีวิตในทันที!

ความแตกต่างระหว่างเจดีย์ดาวชั้นที่สามและชั้นที่ห้า…ก็เหมือนกับที่ขั้นรวมเป็นหนึ่งระดับยอดสามารถเข่นฆ่าขั้นรวมเป็นหนึ่งทั่วไปได้ ความแตกต่างช่างมากเกินไปแล้วจริงๆ ในฐานะที่แผนภาพคลื่นจานนี้เป็นศาสตร์ลับจำพวกบริเวณที่แข็งแกร่งที่สุด พลังรบจึงไปถึงขีดจำกัดขั้นอลวนแล้ว ผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวผู้นี้จึงย่อมถูกตงป๋อเสวี่ยอิงบดขยี้ตามอำเภอใจ

ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็ต้องเก็บงำบ้างเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรจะให้ลัทธิทั้งสองจำได้ไม่ได้เด็ดขาด

“วิ้ง”

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟันผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวกระเด็นไปในกระบี่เดียว แล้วก็เห็นแววตาของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวริบหรี่ลง เห็นได้ชัดว่าถูกเคล็ดภาพลวงโลกเทียมเข้าไปเสียแล้ว!

เมื่อถูกเคล็ดภาพลวงเข้าไป ยามนี้ก็มิอาจตอบโต้ได้อีก เมื่อครู่เขายังสามารถสำแดงเคล็ดลับออกมาตรวจสอบได้บ้าง

“ดูสิว่าเขาเป็นศิษย์ของลัทธิทั้งสองหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ เขาสำแดงเคล็ดลับออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง มันแทรกซึมเข้าไปในร่างของผู้แกร่งกล้าอาภรณ์ดำซึ่งมีศีรษะเป็นวัวทันที ก่อนจะแทงตรงเข้าไปในวิญญาณของอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งการต้านทานใดๆ!

 …………………………