ในขณะที่เขากำลังมองสำรวจอวี้เฟยเยียนอยู่นั่นเอง สายตาที่น่าหวาดกลัวก็จ้องมองมาที่เขา มันเย็นยะเยือกสุดขั้วหัวใจจนหลิวเปยร้องโอดอยู่ในใจ
และเมื่อมองดูให้อีกครั้ง คนผู้นั้นคือซย่าโหวฉิงเทียน!
แม่จ๋า!
มือหลิวเปยสั่นระริก จนตะเกียบร่วงหล่นจากมือ
หลิวเปยไม่เข้าใจว่าเหตุใดดาวเคราะห์ร้ายผู้นี้ถึงได้ใช้สายตาเช่นนั้นนจ้องมองมาที่เขา
หากกล่าวถึงแผ่นดินต้าโจวนี้ เขาหวาดกลัวอะไรมากที่สุด สิ่งนั้นก็คือหลินเจียงอ๋อง ซย่าโหวฉิงเทียน
เมื่อปลายปีก่อน ไม่รู้เพราะเหตุใดซย่าโหวฉิงเทียนเกิดอาการลมบ้าหมูขึ้นมาในงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฮ่องเต้แห่งซีเย่ว์งานหนึ่ง ส่งหัวศัตรูหลายสิบคนเข้าไปในงาน ทำเอาเสด็จพ่อหลิวเปยตกใจหวาดกลัวจนปัสสาวะอุจจาระเรี่ยราด อับอายขายหน้าไปทั่ว
ว่ากันว่า มือสังหารพวกนั้นคือคนซีเย่ว์ ซึ่งซย่าโหวฉิงเทียนมิเพียงแต่สับมือสังหารเป็นชิ้นๆ ยังบังคับให้เสด็จพ่อเขียนสัญญาประนีประนอมใหม่ ซึ่งทำให้เสด็จพ่อทรงกริ้วจนแทบกระอักเลือดตาย
แต่ว่า พวกเรายังมีทางเลือกอื่นใดอีกหรือ!
หลินเจียงอ๋องที่บั่นศีรษะฆ่าคนตั้งแต่อายุสิบห้า น่าวหวาดกลัวเป็นที่สุด!
แต่ก็ต้องโทษที่ซีเย่ว์มีจิตใจคิดละโมบ ใช้โอกาสเมื่อครั้งที่ซย่าโหวจวินอวี่ขึ้นครองราชย์ ต้าโจวกำลังเกิดความระส่ำระสายวุ่นวาย หาผลประโยชน์เข้าตัว
ผลก็คือ ขโมยไก่ไม่ได้ไก่ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ!
นำพาดาวโชคร้ายซย่าโหวฉิงเทียนเข้ามา!
คิดถึงการกระทำหลินเจียงอ๋องที่ซีเย่ว์แล้ว หลิวเปยก็เหงื่อออกท่วมร่างตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดกลัว
เมื่อครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่โดยละเอียดอีกครั้ง เขาถึงได้เข้าใจขึ้นมา ซย่าโหวฉิงเทียนคงจะถูกตาต้องใจอวี้เฟยเยียนเข้าแล้ว จึงคิดว่าหลิวเปยสนใจผู้หญิงของตน…
สวรรค์!
ถูกเขาคิดแค้นโดยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นผู้ที่ไม่ควรไปหาเรื่องเสียด้วย หลิวเปยรู้สึกว่าตนเองช่างโชคร้ายเสียนี่กระไร
ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย!
ข้าไม่ได้คิดอะไรกับอวี้เฟยเยียนจริงๆ ไม่มีวันคิด ไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ!
หลิวเปยภาวนาอยู่ในใจให้พระพุทธองค์ เง็กเซียนฮ่องเต้ ซีหวังหมู่ เจ้าแม่กวนอิม ตลอดจนเทพเซียนอีกหลายองค์เท่าที่เขาจะจำได้ให้ท่านทรงช่วยคุ้มครองเขาด้วย
สุดท้ายแม้กระทั่งเจ้าที่ หลิวเปยก็ภาวนาขอให้ท่านช่วยเหลือ
หลังจากที่หลิวเปยสวดภาวนาให้เทพเซียนทั้งหลายคุ้มครองอยู่ครู่ใหญ่ ความกดดันในใจเขาก็มลายหายไป หลิวเปยรู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก ในที่สุดก็ทอดถอนใจออกมาอย่างด้วยความโล่งอกได้เสียที
ในเมื่ออวี้เฟยเยียนดอกไม้งามดอกนี้มีเจ้าของแล้ว ทั้งยังคือซย่าโหวฉิงเทียน เช่นนั้นมิควรไปแตะต้องจะดีกว่า!
หลิวเปยปลุกปลอบตนเองอยู่ในใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหนุ่มหล่อเจ้าสำราญ องอาจเปิดเผย แต่ในโลกใบนี้ยังมีสาวงามอีกมากมาย
ลูกผู้ชายต้องยืดหยุ่นได้จึงจะสำเร็จการใหญ่
วิชาสะกดจิตตนเองของหลิวเปยร้ายกาจยิ่งนัก ไม่นานเขาก็ลืมเลือนเรื่องราวเมื่อครู่ไปอย่างง่ายดาย ในใจเอาแต่พร่ำเพ้อถึงจอมเทวาอีกคน…อวี้หลัวช่า
หลิวเปยคิดว่า อวี้หลัวช่าแข็งแกร่งกว่าอวี้เฟยเยียนเป็นไหนๆ
นางก็เป็นจอมเทวา
อีกทั้งที่มาที่ไปไม่ชัดเจน!
หากสามารถทำให้อวี้หลัวช่าตามเขากลับไปที่ซีเย่ว์จนกลายเป็นพลเมืองซีเย่ว์ได้ละก็ ตัวเขาก็จะกลายเป็นขุนนางที่มีคุณงามความดีใหญ่หลวง ชื่อของเขาก็จะได้จารึกลงในประวัติศาสตร์!
ว่าเมียเขาเป็นถึงจอมเทวาและจักรพรรดิโอสถ หลิวเปยคาดการณ์ได้เลยว่า ผู้ชายทั่วหล้าจะต้องอิจฉาริษยาเขาอย่างแน่นอน!
เขาจะต้องหาโอกาสไปที่หอคืนชีพของอวี้หลัวช่า เพื่อพบหน้านางให้ได้สักครั้ง!
ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ หลิวเปยได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว
ด้วยเขาเกรงว่าอวี้หลัวช่าจะไม่ยินยอมพบตนเอง หลิวเปยจึงตั้งใจกินอาหารจำพวกกระตุ้นร่างกาย ดังนั้นใบหน้าที่เดิมทีหล่อเหลาอยู่บ้างจึงกลับกลายเป็นเช่นนี้
ส่วนขาของเขาที่เดินกะเผลกไม่เสมอกันนั้น ก็เป็นเขาเองเจตนาหกล้มก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ โดยไม่ยินยอมเข้ารับการรักษาและลากสังขารเอาขาที่บาดเจ็บเดินทางมาที่นี่ด้วย ก็เพื่อที่จะพบอวี้หลัวช่าเช่นกัน
หลิวเปยวางแผนเอาไว้ตั้งนานแล้วว่า คราวนี้เขาจะใช้สถานะคนป่วยเข้าใกล้อวี้หลัวช่า และหลังจากนั้น…
คนป่วยกับหมอจะบ่มเพาะความรักที่หอมหวานชนิดที่ว่าเทพเซียนยังต้องพิโรธ ต้องเป็นเรื่องที่สวยงามเป็นแน่!
หลิวเปยจมดิ่งอยู่ในโลกที่ตนเองสร้างขึ้นมา ส่วนซย่าโหวเสวี่ยก็กำลังใช้ความคิดอย่างสุดความสามารถเพื่อเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตนเอง
หลิวเปยทำให้นางขยะแขยงจนถึงที่สุด ให้ตายนางก็ไม่ยอมแต่งงานกับเขาเด็ดขาด
จะทำอย่างไรดีนะ
นางจะหาแพะมารับบาปแทนนางอย่างไรดี จะทำอย่างไรจึงจะหลอกล่อพาหลิวเปยไปหาอวี้หลัวช่าได้
ว่าที่สามีภรรยาคู่นี้ใจตรงกันยิ่งนัก หากว่าทั้งสองล่วงรู้ความคิดอีกฝ่ายละก็ ก็ต้องร้องตะโกนเสียงดังออกมาพร้อมเพรียงกันแน่นอนว่า ‘รู้ใจ’
หลังจากงานเลี้ยงจบลง หลิวเปยหน้าด้านขออยู่ต่อ บอกว่าต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับซย่าโหวจวินอวี่ตามประสาว่าที่พ่อตากับลูกเขย
ซึ่งซย่าโหวจวินอวี่ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!
คนยิ่งพูดมาก ก็ยิ่งเปิดเผยธาตุแท้ออกมามาก
ซย่าโหวจวินอวี่คิดว่า ตนเองแม้จะไม่ถึงกับเป็นจิ้งจอกร้อยเล่ห์ แต่ก็นับเป็นจิ้งจอกที่แก่วิชาคนหนึ่ง จะให้รับมือกับองค์ชายห้าเพียงคนเดียว นับว่าตนเหนือชั้นกว่ามาก!
หลิวเปยสรรเสริญเพลงชาติแห่งต้าโจวชุดใหญ่ ทั้งยังแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ของตนเอง
ซย่าโหวจวินอวี้ก็เออออห่อหมกเข้าขากันเป็นอย่างดี ครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องพิธีรีตองมากมาย
ได้ยินซย่าโหวจวินอวี่รับสั่งเช่นนั้น หลิวเปยดีใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา
ครอบครัวเดียวกัน
คำนี้ช่างไพเราะยิ่งนัก!
แต่หลิวเปยหารู้ไม่ว่า คำว่าครอบครัวเดียวกันในความหมายของซย่าโหวจวินอวี่นั้นก็คือ สองแคว้นรวมเป็นบ้านหลังเดียว ที่มีผู้ปกครองเพียงคนเดียวต่างหาก
นี่เป็นกับดักที่ซย่าโหวจวินอวี่วางเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ!
สุดท้าย หลิวเปยก็เอ่ยถึงอวี้หลัวช่าขึ้นมา โดยกล่าวว่าอยากจะเชิญอวี้หลัวช่ามารักษาให้กับตนเอง
ซึ่งถึงแม้ว่าเขาท่าทีที่เขาแสดงออกจะซื่อสัตย์ถ่อมตน แต่ฝ่าบาทก็รับรู้ได้ถึงเจตนาชั่วร้ายที่แอบแฝงอยู่
ไอ้เวรเอ้ย!
สนใจในตัวลูกสะใภ้ของข้าอย่างนั้นหรือ
บังอาจนัก!
นี่คางคกริอ่านจะกินเนื้อห่านฟ้าหรือนี่!
เนื่องจากหลิวเปยกำลังก้มหน้าเพื่อแสดงท่าทีผู้น้อยเคารพผู้อาวุโสอยู่ จึงมองไม่เห็นสีหน้าซย่าโหวจวิน อวี่ที่ฉายแววความโหดเ**้ยมออกมา
หากไม่คิดถึงว่า แผนการตนจะต้องอาศัยหลิวเปยหมากตัวนี้ในการช่วยกระตุ้นละก็ เขาแทบจะอดรนทนไม่ไหวสั่งการให้เซี่ยงจิ้นลากไอ้หน้าแหกผู้นี้ออกไปโบยให้ตาย
ทว่าถึงแม้ว่าซย่าโหวจวินอวี่จะไม่แสดงสีหน้าใดๆ แต่บัญชีนี้เขาจดจำเอาไว้แล้ว
“เราได้ยินมานานแล้วว่าเจ้าหน้าตาหล่อเหลา องอาจผ่าเผย เปี่ยมด้วยความรู้ วันนี้ได้พบเจ้าทำให้เราตกใจไม่น้อย”
“ได้ฟังเจ้าอธิบายเช่นนี้ เราก็เข้าใจแล้ว! ที่แท้แล้วเจ้าก็ล้มป่วยนี่เอง! เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องรักษา นับเป็นเรื่องเร่งด่วนนะ…”
“อวี้หลัวช่าไม่ใช่ชาวต้าโจว เราตัดสินใจแทนนางไม่ได้ เอาอย่างนี้ เจ้าไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง เราจะให้เสวี่ยเอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนเจ้า พวกเจ้าไปด้วยกัน! ดีเลย เจ้าสองคนจะได้ทำความรู้จักกันด้วย!”
ซย่าโหวจวินอวี่เข้าใจและมีเหตุมีผล จนหลิวเปยต้องยอมให้
เป็นว่าที่พ่อตามีทั้งอำนาจ มีทั้งฐานะ ทั้งเข้าใจหัวอกผู้อื่น พ่อตาเช่นนี้จะไปหาได้จากที่ไหนอีก!
หมดทุกข์หมดโศกเสียที โชคดีของเขามาถึงแล้ว นี่เป็นหนทางที่จะนำเขาไปสู่ความรุ่งเรือง!
ที่ซีเย่ว์ หลิวเปยที่ถูกองค์ชายใหญ่ข่มจนแทบไม่มีที่ยืน วินาทีนั้นเขารู้สึกราวกับได้กลับบ้าน เกือบจะกอดขาของฝ่าบาทร้องไห้โฮออกมาทีเดียว
ซย่าโหวเสวี่ยเมื่อได้รับราชโองการจากฝ่าบาท ว่าให้เป็นเพื่อนหลิวเปยไปที่หอคืนชีพ นางก็ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
คิดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆ!
นางยังปวดหัวอยู่เลยว่าจะจับคู่หลิวเปยกับอวี้หลัวช่าอย่างไรดี แล้วจู่ๆ เรื่องดีเช่นนี้ก็ตกลงมาจากฟ้า!
สวรรค์เข้าข้างข้าโดยแท้!
อวี้หลัวช่า ข้าจะไม่ให้เจ้าใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข!
เมื่อมีราชโองการจากฮ่องเต้ ซย่าโหวเสวี่ยก็ไม่รังเกียจหลิวเปยที่เป็นชายหน้าตาน่าเกลียดอีก นางแต่งตัวสวยเต็มยศไปที่หอคืนชีพเป็นเพื่อนเขา
ใครจะคาดคิด ทั้งสองยังมิทันถึงจุดหมาย ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็คือผู้คนอัดแน่นกันอย่างแน่นขนัด
ผู้คนที่หลั่งไหลมาเข้ารับการรักษามากมายล้นหลาม
“นึกไม่ถึงเลยว่าอวี้หลัวช่าจะเป็นที่นิยมมากถึงเพียงนี้!”
ยิ่งเมื่อเห็นสีหน้าเทิดทูนบูชาอวี้หลัวช่าของผู้คนพวกนั้น หลิวเปยก็อดอิจฉานางมิได้
เมื่อไหร่กันนะ ที่เขาจะได้รับการชื่นชมสรรเสริญจากผู้คนโดยทั่วเช่นนี้บ้าง
ส่วนซย่าโหวเสวี่ยร้อนใจยิ่งนัก นางแทบจะรอที่จะพบกับอวี้หลัวช่าไม่ไหว แต่ว่านางถูกชาวบ้านเหล่านั้นขวางกั้นเส้นทางเอาไว้ นางจึงเกิดความโมโหสั่งการองครักษ์
“เร็วเข้า! รีบไล่คนพวกนั้นไปเร็ว!”