ตอนที่ 629 นักเรียนผู้เย่อหยิ่ง

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ขับไล่เจ้าไม่ได้งั้นเหรอ เจ้าเอาแต่ขี้เมา อะไรก็ทำไม่เป็น ละโมบโลภมากไม่รู้จักพอ นี่ยังจะมาก่อเรื่องใส่ร้ายป้ายสีให้ผู้อื่นด่างพร้อยอีก ขับไล่เจ้าไม่ได้แล้วจะขับไล่ใครได้ ?”

ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างไร้ซึ่งความปรานี สีหน้าของรองอาจารย์ใหญ่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ แต่ยังกลับเชิดหน้ากล่าวว่า “พวกเจ้าเป็นผู้อาวุโสของหน่วยสำนักปรุงยา มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการปรุงยาเท่านั้น แต่ข้าเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ เป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ ของสำนักศึกษา หากขับไล่ข้า หน่วยสำนักปรุงยาก็ต้องเกิดปัญหาวุ่นวายมากมาย แล้วอีกอย่าง ผู้ที่มีสิทธิ์ไล่ข้าออกได้ มีเพียงแค่อาจารย์ใหญ่ผู้เดียวเท่านั้น”

ผู้อาวุโสรองพึมพำขึ้นว่า “ตาเฒ่าหวงฝู่ผู้นั้นก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว”

“ไร้ซึ่งหนทางแล้ว เพื่อหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาผู้นั้น เขารักปักดวงใจจริง ๆ”

พวกเขาต่างจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี “เจ้าหนูมู่ นักเรียนห้องเจ็ดเหล่านั้นต่างก็ถูกเจ้าสั่งสอนจนกลายเป็นอัจฉริยะหมดแล้ว แต่เหตุใดเจ้าหวงฝู่จี้เหินยังไม่ก้าวหน้าขึ้นอีกล่ะ!”

พวกเขาเป็นสหายกับอาจารย์ใหญ่หวงฝู่มานานหลายปี จึงเป็นห่วงแทนเป็นใยแทนเขา “เจ้าหนูมู่ เจ้าเด็กนั่นไร้หนทางรักษาแล้วจริง ๆ เหรอ ?”

หากแม้แต่เจ้าหนูนักปรุงยาผู้มีฝีมือแข็งแกร่งและลึกลับเช่นนั้นไร้หนทางรักษา พวกเขาก็คิดว่าตาเฒ่าหวงฝู่ก็คงต้องตัดใจแล้วหล่ะ

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “สาเหตุที่อาจารย์ใหญ่หวงฝู่ไม่ค่อยอยู่ในสำนักศึกษาก็เป็นเพราะว่าไปคิดหาวิธีรักษาร่างกายของหวงฝู่จี้เหินงั้นเหรอ ?”

“ก็ใช่หน่ะสิ! ตาเฒ่านั่นเข้าออกสถานที่อันตรายในเสียโจวตั้งมากมาย อีกทั้งยังออกไปยังดินแดนอื่นอีกด้วยนะ แต่สุดท้ายก็……”

“เฮ้อ!”

รองอาจารย์ใหญ่กล่าว “เพื่อสวะไร้ประโยชน์คนเดียวถึงกับต้องทำทุกอย่างแทบล้มประดาตาย ในฐานะที่เขาเป็นถึงอาจารย์ใหญ่แต่กลับไม่สนใจสำนักศึกษา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเรื่องราวต่าง ๆ ก็ทิ้งไว้ให้ข้าจัดการทุกอย่าง ทำให้ข้าเหนื่อยเกือบตาย”

“และกลับคิดไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสทุกท่านจะขับไล่ข้าออก อยากขับไล่ข้าก็ไล่เถอะ! แต่อาวุโสทุกท่านก็คงทำได้เพียงแค่รอให้อาจารย์ใหญ่กลับมาก่อนถึงจะไล่ข้าออกได้!”

กล่าวจบ เขาก็พาซู่ซินเซี่ยจากไปด้วยสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว

สาวน้อยนั่นยังมีคนเหล่านี้คอยหนุนหลังอยู่ หากก่อเรื่องต่อไปมันจะไม่เป็นผลดีต่อเขา รักษาตำแหน่งรองอาจารย์ใหญ่เอาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที เขาไม่กลัวหรอกว่าจะหาโอกาสแก้แค้นสาวน้อยผู้นั้นไม่ได้

ทันทีที่รองอาจารย์ใหญ่จากไป เหล่าผู้อาวุโสต่างก็รุมล้อมมู่เฉียนซีทันที “ตกลงแล้วสาวน้อยผู้นั้นโดนพิษใดกันแน่!”

“ถึงแม้ว่าข้าจะดูไม่ออกว่าโดนพิษใด แต่ข้าก็รู้ว่าต้องโดนพิษแน่ ๆ!”

“เจ้าต้องรู้แน่ ๆ ใช่หรือไม่!”

ความอยากรู้อยากเห็นของตาเฒ่าเหล่านี้ไม่น้อยเอาซะเลย หลังจากที่มู่เฉียนซีอธิบายพิษนั้นให้พวกเขาฟังแล้ว พวกเขาก็อาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป

“พิษนั่นเป็นฝีมือเจ้าหรือไม่ แล้วสาวน้อยผู้นั้นเป็นอะไรกับเจ้า ?”

“ข้าว่าต้องเป็นเมียเจ้าเด็กนี่แน่! มิเช่นนั้นจะปกป้องนางถึงเพียงนี้เหรอ ?”

“อืมอืมอืม!”

อาจารย์ใหญ่ฉู่ได้ยินเช่นนี้ถึงกับเหงื่อตกพลั่ก ตาเฒ่าคร่ำครึเหล่านี้ยังจะกล้าพูดอีก!

สาวน้อยมู่เฉียนซีผู้นั้นมีเจ้าของแล้ว อีกอย่างนายท่านหวงจิ่วเยี่ยก็แข็งแกร่งอย่างมิอาจเปรียบได้

มู่เฉียนซีทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ เขากล่าวว่า “พวกท่านอายุก็ปูนนี้แล้วยังจะสอดรู้สอดเห็นเช่นนี้อีกมันจะดีเหรอ ? ข้าว่ารีบไสหัวกลับไปหน่วยสำนักปรุงยาดีกว่า!”

“เจ้าหนูมู่ เจ้านี่พอทำสำเร็จบรรลุผลแล้วก็ผลักไสไล่ส่งกันเลยนะ ใจร้ายเกินไปจริง ๆ เลย”

“เจ้าหนูมู่ เจ้าอย่าได้เคอะเขินไปเลยหน่า! วันหน้าวันหลังก็พาสาวน้อยผู้นั้นมาให้พวกข้าได้เห็นหน้าสักหน่อย ข้าจะตรวจสอบให้เจ้าเอง!”

“……”

หลังจากที่ตาเฒ่าทั้งหลายเหล่านี้ได้กลับไป ในที่สุดมู่เฉียนซีก็แปลงร่างกลับมาเป็นตัวเอง

นางไปหาอาจารย์ใหญ่ฉู่อีกครั้งและกล่าวขอบคุณเขา “เรื่องในวันนี้ ข้าต้องขอบคุณอาจารย์ใหญ่ฉู่มาก”

อาจารย์ใหญ่ฉู่กล่าวอย่างเกรงใจว่า “รับมือการตาเฒ่าชอบใส่ความให้ร้ายผู้อื่นเช่นนั้น อันที่จริงแล้วข้าก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เจ้าไปเรียกทัพเสริมมาช่วยเช่นนี้ นับว่ายอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว เรื่องต่อจากนี้เจ้าก็วางใจเถอะนะ เจ้าเลื่อนชั้นไปชั้นเรียนระดับสูงได้อย่างราบรื่นแน่นอน”

หลังจากที่ประกาศรายชื่อนักเรียนที่เลื่อนชั้นเข้าสู่ชั้นเรียนระดับสูงเสร็จไม่นาน ร่างสีเขียวร่างหนึ่งก็ปรากฏอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี

โม่ซางคงกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ยินดีกับเจ้าด้วยที่เลื่อนชั้นสู่ชั้นระดับสูงได้สำเร็จ เดิมทีข้าคิดว่าข้าจะตามเจ้าไปได้ แต่ดูเหมือนว่าข้าจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้ว เจ้าก้าวหน้าไปได้เร็วมาก ทำให้ข้าตามหลังเจ้าอยู่อีกไกลจนมองไม่เห็นฝุ่นแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “โม่ซางคง เจ้าไม่จำเป็นต้องตามใคร เจ้าทำตัวของเจ้าเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว”

โม่ซางคงกล่าว “ใช่! ข้าทำตัวเองให้ดีที่สุดก็พอแล้ว การทดสอบเดือนหน้า ข้าต้องผ่านให้ได้”

ผ่านการทดสอบประจำเดือน และได้เข้าสู่ชั้นเรียนระดับสูง นี่เป็นเรื่องที่ทำให้มีความมั่นใจมาก

ทว่า ตอนนี้ถึงแม้ว่าอาจารย์ของนางยังคงเป็นชื่อของหวงจิ่วเยี่ย แต่นางรู้ว่าตอนนี้จิ่วเยี่ยนั้นไปแดนนรกแล้ว

เดิมทีรอบตัวนางล้วนแต่มีกลิ่นอายของเขาไปทั่วทุกที่ แต่ตอนนี้มันกลับหายไปแล้ว

มีจิ่วเยี่ยคอยแนะนำสั่งสอน นางจึงมีพื้นฐานที่ดี ถึงแม้ว่านางจะไม่มีอาจารย์ท่านอื่นคอยชี้แนะแต่นางก็ยังคงฝึกฝนไปได้อย่างราบรื่น

หลังจากที่ได้เข้าไปฝึกฝนในค่ายกลรวมวิญญาณมาเป็นเวลาครึ่งเดือน มู่เฉียนซีก็เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องไปดูสถานการณ์ที่หน่วยสำนักปรุงยา

ทว่า นางยังไม่ทันได้เข้าไปในห้องเรียน ก็ได้เห็นกับเหล่าบรรดาอาจารย์ที่กำลังข่มขู่นักเรียนของนางอยู่ด้วยท่าทีที่โกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง

“ให้อาจารย์มู่ซีของพวกเจ้ามาเจอข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการคำอธิบายจากเขา!”

“เขามันแอบอ้างหลอกลวงเกินไปแล้ว!”

ซูเซิงที่ยืนตรงหน้าพวกเขากล่าวขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ของพวกข้าไม่มีเวลามาสนใจพวกเจ้าหรอก พวกเจ้ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะเถอะ!”

“ใช่! ห้องเจ็ดของพวกเราไม่ต้อนรับพวกเจ้า”

“……”

นักเรียนห้องเจ็ดนั้นไม่ใช่หยิ่งยโสธรรมดา แต่พวกเขาหยิ่งยโสจนอาจารย์เหล่านี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยทีเดียว

“นี่พวกเจ้า……”

เกิดเรื่องอันใดกับคนเหล่านี้ เหตุใดถึงได้มาหาเรื่องถึงที่เช่นนี้ได้ ?

มู่เฉียนซีเดินเข้าไป และกล่าวถามว่า “พวกเจ้ามาหาข้างั้นเหรอ ?”

อาจารย์ที่เข้าไปในห้องเจ็ดเหล่านั้นต่างก็ได้สติขึ้นมา และหันไปเห็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตางดงามราวกับภูตปีศาจผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ตรงประตู ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นสดใสอีกทั้งยังบริสุทธิ์มากอีกด้วย

ความงดงามเช่นนี้ไม่เหมือนมนุษย์เอาซะเลย แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะยับยั้งอารมณ์ความโกรธเกรี้ยวของอาจารย์เหล่านี้ได้

“มู่ซี ในที่สุดเจ้าก็มาจนได้ เรามาคุยกันให้ชัดเจนกันไปเลย!”

“คุยเรื่องอันใด ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“เจ้าตามใจนักเรียนของเจ้าเกินไป จนพวกเขาไปรับนักเรียนเป็นศิษย์ทั่วทั้งสำนักศึกษาแล้ว!”

“พวกเขาเพิ่งจะเรียนรู้ไปได้เท่าไหร่เอง แต่กลับกล้ารับคนอื่นมาเป็นศิษย์ ช่างไร้สาระสิ้นดี!”

“นักเรียนในห้องเรียนของพวกข้าไปเรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีมาจากนักเรียนเหล่านี้ของเจ้า แต่ละคนต่างก็โดดเรียน และวันนี้กลับไม่มีนักเรียนมาเข้าเรียนแม้แต่คนเดียว!”

“หืม!” มู่เฉียนซีก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง

หันไปมองซูเซิงและกล่าวว่า “นี่มันเกิดอันใดขึ้น ? ในระหว่างที่ข้าไม่อยู่พวกเจ้าไปก่อเรื่องอันใด ไม่ได้ตั้งใจปรุงยาเลยเหรอ ?”

ซูเซิงถูกผลักออกไปให้รับมือกับอาจารย์เหล่านั้น ความเย่อหยิ่งของเขามีมากเท่าไหร่ก็เย่อหยิ่งกับอาจารย์เหล่านั้นไปมากเท่านั้น ทว่า ต่อหน้ามู่เฉียนซีแล้ว จากที่เป็นแมงป่องพิษร้ายมาโดยตลอด ตอนนี้กลับเป็นเพียงแค่ลูกแกะตัวน้อยก็มิปาน

ซูเซิงกล่าว “ท่านอาจารย์ คือมันเป็นเช่นนี้ขอรับ! นักเรียนห้องอื่น ๆ ต่างก็อิจฉาริษยาพวกเราที่พวกเรามีหมอปีศาจสอนวิชาหลอมยาให้ แต่ห้องเรียนของพวกเราไม่อาจมีนักเรียนเพิ่มได้อีกแล้ว ท่านอาจารย์ก็ไม่อาจรับนักเรียนเข้ามาเพิ่ม มิเช่นนั้นแล้วมันจะวุ่นวายกันไปใหญ่ ข้าก็เลยเสนอไปว่า พวกข้าจะเอาความรู้ที่ท่านอาจารย์สั่งสอนไปสอนต่อพวกเขา เพื่อเพิ่มระดับให้กับหน่วยสำนักปรุงยาของพวกเรา!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว! พวกเรายอมรับว่าพรสวรรค์ในการปรุงยาของพวกเรานั้นแข็งแกร่งมาก แต่พรสวรรค์ของนักปรุงยาคนอื่น ๆ ในหน่วยสำนักปรุงยาเราก็ไม่ได้เลวเลย อีกอย่างคนหัวโบราณเหล่านี้ก็สอนไม่ได้เรื่องเอาซะเลย สอนทีละอย่าง ไม่มีความคิดใหม่ ๆ!” เฟิ้งชิงอู่ก็ยืนกล่าวเช่นกัน