ประมาณยี่สิบนาทีต่อมารถก็หยุดลง เหลยถิงมองคนทั้งสองพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “เรามาถึงแล้วครับ ลงจากรถได้”
จ้าวหยางที่ถูกชกสลบฟื้นขึ้นพอดี
เหลยถิงเปิดประตูรถ หนิงเหยี่ยนกับเซียวจิ่งลงจากรถ สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าพวกเขาคือสถานที่ซึ่งปิดล้อมทุกด้าน ดูเคร่งขรึม เงียบสงบ และวังเวง หนิงเหยี่ยนตัวสั่นเมื่อลงจากรถ จากนั้นเขาก็สะกิดเซียวจิ่งซึ่งหันมาสบตากับเหลยถิง “ที่นี่คือสำนักงานสาขาของพวกคุณใช่ไหม”
“ที่นี่คือห้องสอบสวนใต้ดิน เชิญทางนี้ครับ” เหลยถิงนำทาง เจ้าหน้าที่อีกสองคนหิ้วปีกจ้าวหยางเข้าไปข้างใน
เมื่อกวาดตามองไปรอบๆ สถานที่แปลกๆ นี้ จ้าวหยางรู้สึกกลัวจนแทบจะปัสสาวะราด เขามองไปทั่วบริเวณอย่างระมัดระวัง และแอบคลำหาโทรศัพท์มือถือ เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ โทรศัพท์ของคุณไร้ประโยชน์”
จ้าวหยางก้มลงมองโทรศัพท์มือถือของตน พบว่าไม่มีสัญญาณจริงๆ เขาเริ่มกลัว ตอนนี้เขารู้แล้วว่าครั้งนี้เขายุ่งผิดคนจริงๆ คนเหล่านี้ถึงขนาดกล้าปลอมตัวเป็นตำรวจ และยังล่อลวงเขามาที่นี่ซึ่งๆ หน้าอีกด้วย!
“ผู้กำกับหนิง… ผมไม่อยากทำแบบนี้กับคุณเลย แต่ผู้กำกับหวังบอกให้ผมทำ!” จ้าวหยางวิงวอนขอร้องหนิงเหยี่ยน ด้วยความหวังว่าหนิงเหยี่ยนจะไว้ชีวิตเขา หลังจากเขาสารภาพ…
หนิงเหยี่ยนมองหน้าจ้าวหยาง ดวงตาเขาเป็นประกายเยือกเย็น “แกสารภาพช้าเกินไป!”
เหลยถิงมองหน้าหนิงเหยี่ยน เลิกคิ้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยหนิง นายน้อยของเราบอกว่า คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่คุณต้องการกับคนเหล่านี้ และถ้าคุณมีปัญหาจากเรื่องนี้ เขาจะแก้ปัญหาให้คุณเอง”
หนิงเหยี่ยนยิ้ม “จริงเหรอ”
เซียวจิ่งมองหน้าหนิงเหยี่ยน “คนที่นายควรแก้แค้นคือหวังปัว เขาคือคนที่ต้องชดใช้… จ้าวหยางเป็นเพียงปลาซิวตัวเล็กๆ ไม่มีอะไรต้องแก้แค้น”
หนิงเหยี่ยนยิ้มมุมปาก “ฉันจะไม่ปล่อยพวกมันแม้แต่คนเดียว!”
เซียวจิ่งยักไหล่ “ก็แล้วแต่นาย เพราะถึงยังไงพวกเขาก็คุกคามนายก่อน”
เขายินดีที่ได้เห็นหนิงเหยี่ยนจัดการกับคนเหล่านี้ ที่ดึงน้องสาวสุดที่รักของเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องสกปรกนี้! คนพวกนี้ไม่น่าให้อภัย!
โชคดีที่เห็นเพียงด้านหลังของน้องสาวเขาในรูปถ่าย ไม่มีใครจำได้ว่าเป็นน้องสาวเขา ไม่เช่นนั้นเขาจะสั่งสอนผู้ชายคนนี้ด้วยตัวเอง
…
ที่สถานทูต
เมื่อบ่ายวานนี้ปู่ฉินมาถึงสถานทูตช้าเกินไป ท่านเอกอัครราชทูตเกาออกไปแล้ว เขาจึงโทรหาท่านทูต เลขานุการของท่านรับสายบอกว่าท่านทูตเกาทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถ ปู่ฉินจึงต้องรอมาพบเอกอัครราชทูตเกาที่สถานทูตในเช้าวันนี้
ผู้ช่วยมองหน้าปู่ฉินซึ่งยืนอยู่ที่ประตูสถานทูตแล้วถอนหายใจ ท่านทูตเกาหลบหน้านายท่านอย่างเห็นได้ชัด ทำไมนายท่านจึงยืนกรานที่จะพบท่านให้ได้
นายท่านควรไปคุยกับถังซี โน้มน้าวให้เธอประนีประนอมจะไม่ดีกว่าเหรอ
ในที่สุดเมื่อเวลาเก้านาฬิกา ปู่ฉินก็เห็นรถเข้ามาจอดที่หน้าสถานทูต เขาชะงักเมื่อเห็นคนที่ลงจากรถ ผู้ช่วยกำลังจะเดินเข้าไป แต่เขาห้ามไว้ “ให้ฉันคุยกับเขาเอง”
ท่านทูตเกาเห็นปู่ฉินทันทีที่ท่านลงจากรถ ท่านไม่ต้องการพบเขา จึงให้เลขานุการรับสายตอนที่ฉินเย่ว์โทรหาท่านเมื่อวานนี้
ท่านทูตเกาเก็บซ่อนความไม่เต็มใจเอาไว้ ยิ้มให้ปู่ฉิน และจับมือกับเขา “ฉิน ทำไมคุณถึงมาที่นี่”
เมื่อมองหน้าท่านทูตเกา ซึ่งดูเหมือนจะทักทายเขาอย่างอบอุ่น ปู่ฉินก็ยิ้ม “ฉันมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากนาย”
ด้วยไม่คาดคิดว่าปู่ฉินจะเอ่ยถึงจุดประสงค์อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ ท่านทูตเกาจึงเลิกคิ้ว ถามด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไรจะให้ฉันช่วยหรือ” จากนั้นท่านก็พาปู่ฉินเข้าไปในสถานทูต “ไปคุยกันที่ห้องทำงานฉันดีกว่า”
ท่านทูตเกากำลังคิดอย่างหนักว่าเขาจะปฏิเสธฉินเย่ว์อย่างไรดี
ท่านทูตเกาพาปู่ฉินเข้าไปในห้องทำงาน สั่งให้เลขานุการรินน้ำชาให้สองถ้วย จากนั้นท่านก็ถอดเสื้อโค้ตแขวนไว้ที่ไม้แขวน แล้วนั่งลงที่โซฟา “บอกฉันมาสิ ว่านายต้องการให้ฉันทำอะไร นายมีปัญหาอะไรหรือ”
“เอ่อ…” ปู่ฉินมองหน้าท่านทูตเกาและส่ายศีรษะ ขณะกล่าวด้วยความลำบากใจ “ก็ยังคงเป็นเรื่องหลานสาวฉันนั่นแหละ เธอทำร้ายคนในสนามบิน ตอนนี้ถูกขังอยู่ที่สถานีตำรวจ เราไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเยี่ยมเธอด้วยซ้ำ ฉันจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากนาย”
ท่านทูตเกามองหน้าปู่ฉิน ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “หมายความว่านายอยากเข้าไปเยี่ยมหลานสาวนาย อย่างนั้นหรือ”
ปู่ฉินรู้สึกประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าเอกอัครราชทูตเกาจะพูดเช่นนี้ เขาส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่ ฉันไม่อยากเห็นหน้าหลานสาวฉัน ความดันโลหิตฉันอาจพุ่งขึ้นถ้าฉันเห็นเธอ นายช่วยโอนคดีนี้ไปประเทศจีนได้ไหม ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นคนจีน ไปดำเนินคดีนี้ในประเทศจีนไม่ดีกว่าหรือ ทำไมเราถึงควรปล่อยให้ชาวต่างชาติทำคดีนี้”
“ฉันเกรงว่าจะทำไม่ได้ เรื่องนี้เกินความสามารถของฉัน เราต้องปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ถึงแม้หลานสาวนายจะเป็นคนจีน แต่เธอก่ออาชญากรรมในฝรั่งเศส เพราะฉะนั้นจึงต้องพิจารณาคดีนี้ในฝรั่งเศส นี่คือแนวปฏิบัติสากล” เอกอัครราชทูตเกามองหน้าปู่ฉินอย่างจนปัญญา และส่ายศีรษะขณะกล่าวว่า “ฉิน ฉันเกรงว่าจะช่วยนายไม่ได้ในครั้งนี้”
ปู่ฉินมองหน้าท่านทูตเกาด้วยความประหลาดใจ “จริงหรือ เกา ฉันรู้ว่านายสามารถทำได้ ไม่น่าจะยากสำหรับนาย”
ใช่ ไม่ยาก แต่ฉันไม่สามารถช่วยนายได้ ฉันไม่สามารถเพิกเฉยต่อชีวิตของภรรยาฉันเพื่อหลานสาวนาย เข้าใจไหม
ท่านทูตเกาขมวดคิ้ว มองหน้าปู่ฉินและกล่าวว่า “ฉิน พูดกันอย่างตรงไปตรงมานะ ฉันได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าอย่าเข้าไปยุ่งในเรื่องนี้ นายก็รู้ว่าฉันไม่สามารถขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาได้ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ช่วยนายไม่ได้ในครั้งนี้”
ปู่ฉินดูท่าทางประหลาดใจ “นายหมายความว่านายได้รับคำสั่งจากเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ”
เอกอัครราชทูตเกาพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดว่าถ้านายต้องการช่วยหลานสาว นายควรไปคุยกับเหยื่อจะดีกว่า บางทีเธออาจจะตกลงประนีประนอมกับนาย”
“ฉันพยายามแล้ว ฉันได้คุยกับเด็กผู้หญิงตระกูลถังคนนั้นแล้ว แต่เธอปฏิเสธที่จะประนีประนอม ตอนนี้เธอไม่ได้พูดง่ายเหมือนเมื่อก่อน” ปู่ฉินขมวดคิ้วและดูโมโหเล็กน้อย
ถึงตอนนี้เลขานุการท่านทูตก็เดินเข้ามาพร้อมกับน้ำชา ท่านทูตเกาส่งสัญญาณให้เลขานุการรินน้ำชาให้ปู่ฉิน “ฉันขอโทษที่ช่วยนายไม่ได้ แต่ชานี้เป็นชาโปรดของนาย ชาปี้หลัวชุนนี่เพิ่งออกใหม่ของปีนี้ ลองดื่มดูสิ”