มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 518
หลัวซิวจำศีลในหอฝึกฝนแดนปริศนาครั้งนี้ใช้เวลาไปครึ่งปีเต็ม

ในช่วงเวลานี้เขามีสมาธิจดจ่อและเกือบจะตัดขาดการติดต่อกับโลกภายนอกทั้งหมด จนกระทั่งเขาออกมาจากหอฝึกฝนแดนปริศนา เขารู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

เรื่องแรกคือหลังจากที่อาจารย์สำนักฉางเหอถูกฆ่าตาย ผ่านไปไม่นานสำนักเขาก็ถูกทำลายและมีสาวกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีได้

หลัวซิวได้รับข้อมูลโดยการรวบรวมขององค์กรนักล่ายุทธ์ จึงได้ทราบว่า ซุนเชียนซางที่ถูกฆ่าตัดหัวในสงครามเทียนเหอเป็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งของสำนักอัสนีวายุตะวันออก

หลี่เสวียนหยางแจ้งข่าวแก่สำนักอัสนีวายุ สำนักอัสนีวายุโกรธอย่างมากจึงส่งผู้อาวุโสระดับมกุฎยุทธ์สามคนไปจัดการกับเรื่องนี้ทันที

นอกจากนี้ เพื่อนสนิทบางคนของป๋ายหลี่หยวนหลงและเจียงตงหลิวทางตะวันตกก็ได้ยินข่าวเช่นกัน พวกเขาพยายามบุกค่ายพิทักษ์เขาสำนักไท่เสวียนหลายครั้ง แต่พวกเขากลับทำไม่สำเร็จ

ว่ากันว่าคนเหล่านี้กำลังขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์นักค่ายกลขั้นเจ็ด เพื่อจัดการกับค่ายพิทักษ์เขาสำนักไท่เสวียน นอกจากนี้เยว่คงจวินอาจารย์ของหยูเชียนฮั่วผู้แข็งแกร่งในแดนมหายุทธ์ ก็ส่งคนไปตรวจสอบสาเหตุการตายของหยูเชียนฮั่ว ตามเบาะแสบางอย่างพวกเขาสืบไปถึงประเทศเทียนหวู

“พายุกำลังจะมา!”

หลัวซิวตาเป็นประกายเมื่อได้ยินข่าวทั้งหมดนี้

ต่อมาหลัวซิวติดต่อกับผู้ลาดตระเวนฉีแห่งอาณาจักรใต้ เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถด้านข่าวกรองขององค์กรนักล่ายุทธ์ น่าจะสามารถค้นหาข้อมูลการตายของหยูเชียนฮั่ว ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน

เยว่คงจวินเป็นผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ ซึ่งเกินกว่าที่เขาจะสามารถต่อต้านได้ในตอนนี้ ดังนั้นเขายังคงต้องพึ่งพาพลังขององค์กรนักล่ายุทธ์

กล่องส่งเสียงถูกนำออกมา หลังจากนั้นไม่นานกล่องส่งเสียงก็สว่างขึ้น เผยให้เห็นร่างของผู้ลาดตระเวนฉีฝ่าเทียน

“เจ้าสำนักหลัว ปัญหาที่ท่านยั่วยุในครั้งนี้ไม่ธรรมดาเลย” ฉีฝ่าเทียนกล่าวช้าๆ “เรื่องของท่าน ข้าได้รายงานไปยังสี่แก๊งใหญ่เมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากท่านเป็นสมาชิกสมาชิกพรสวรรค์ขั้นดินระดับกลาง และยังทำหน้าที่เป็นประธานของแก๊งนักกลั่นยาประเทศเทียนหวู ทางแก๊งนักค่ายกลจะมีปรมาจารย์นักค่ายกลขั้นแปดท่านหนึ่งเดินทางมาประเทศหวู เพื่อยกระดับการป้องกันค่ายพิทักษ์เขาสำนักไท่เสวียนของท่านขึ้นเป็นระดับที่แปด ”

เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาของหลัวซิวเปล่งประก่น สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดเกี่ยวกับผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์คือ พวกเขาสามารถทำลายค่ายกลคุ้มเขาขั้นเจ็ด หากสามารถยกระดับค่ายกลคุ้มเขาได้ถึงขั้นแปดได้แน่นอนว่าคงไม่ต้องเกรงกลัวการรุกรานของมหายุทธ์อีกต่อไป

ตราบใดที่ประตูเขายังปลอดภัย แม้ว่าเขาจะถูกไล่ฆ่าโดยผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์ที่ข้างนอก ถึงหลัวซิวจะสู้ไม่ได้แต่ก็ยังหลบหนีได้

“ขอบคุณผู้ลาดตระเวนฉีมาก” หลัวซิวยกมือคารวะ

“เหอะเหอะ เจ้าสำนักหลัวไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าก็แค่ส่งข่าว หัวหน้าลาดตระเวนแห่งอาณาจักรทางใต้ให้ความสำคัญกับท่านอย่างมาก” ฉีฟาเทียนยิ้มแล้วยิ้มอีก และภาพมายาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“หัวหน้าลาดตระเวน?” หลัวซิวเก็บกล่องส่งเสียงและขมวดคิ้วเล็กน้อย

เท่าที่เขารู้ สี่แก๊งใหญ่นำโดยองค์กรนักล่ายุทธ์ในสี่อาณาจักรหลักๆ ตั้งตำแหน่งผู้ลาดตระเวนมีหน้าที่ตรวจสอบและกำกับดูแล ซึ่งเท่ากับผู้ตรวจตราและใช้กฎหมายของสี่แก๊งใหญ่ในโลก

จากผู้ลาดตระเวนทั่วไป เป็นรองหัวหน้าท่านลาดตระเวน จากนั้นเป็นหัวหน้าลาดตระเวน

มู่จื่อซิวและฉีฝ่าเทียนคือผู้ลาดตระเวนทั่วไป ไม่ว่าจะในอาณาจักรเหนือหรืออาณาจักรภาคใต้ ผู้ลาดตระเวนไม่ได้มีเพียงคนเดียวแต่มีหลายคน โดยกำกับดูแลอาณาจักรที่ต่างกัน

ลูกน้องของหัวหน้าลาดตระเวนโดยทั่วไปจะเป็นรองหัวหน้าสามคน และรองหัวหน้าแต่ละคนจะมีลูกน้องเป็นผู้ลาดตระเวนทั่วไปอีกสามคน

หลัวซิวคาดว่าเหตุผลที่หัวหน้าลาดตระเวนให้ความสำคัญกับเขาอาจเป็นเพราะเขาเห็นคุณค่าในความสามารถของการฝึกตนของเขา

ในเมื่อในบันทึกขององค์กรนักล่ายุทธ์ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในตัวเขาไม่เรื่องอายุที่น้อยกว่า20 ปี แต่เป็นตอนช่วงอายุ13ปีที่เขายังอยู่ในแดนกลั่นร่าง ในเวลาเพียงไม่กี่ปีเขาได้ฝึกตนจนถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ อีกทั้งพลังการต่อสู้ของเขานั้นทัดเทียมกับพลังของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์