” ผู้ใดคือปรมาจารย์ผู้หาที่เปรียบมิได้ ? ”

ดวงตาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวหรี่ลง

คนของเมืองพายุหิมะขาวรู้หรือว่าอาจารย์ลึกลับนั่นคือใคร ?  ข้าคิดว่าข้ารู้จักเขาเพียงผู้เดียว !

” ข้าไม่รู้ว่าเขาปลอมแปลงเป็นผู้ใดอยู่ในเมืองเทียนเชียง …  ข้ารู้เพียงแต่การเพาะปลูกของอาจารย์ผู้นี้นสูงส่งยิ่งกว่าทุกสิ่งที่ข้าเคยได้เห็นในโลกใบนี้ ! ”

ดวงตาของผู้อาวุโสสามยังคงปรากฏร่องรอยแห่งความกลัวอยู่อย่างเด่นชัด

” โดยหารู้เหตุผลไม่ ปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้ได้สร้างสร้างเขตปราณเชวียนขึ้นเมื่อหลานวันก่อน มันทรงพลังมากจนพวกเราสามารถสัมผัสได้จากระยะไกล !  และวันนี้เราได้รู้ถึงความอัศจรรย์ของปรมจารย์ผู้นี้อีกอย่างหนึ่ง … ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แกล้งเป็นเข้าใจคำพูดอันเลอะเลือนนี้เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยความรู้อันใดแก่ผู้อาวุโสสาม แต่มิได้ปกปิดถึงความเคารพต่อปรมาจารย์ลึกลับที่สะท้อนในดวงตาของเขา

” ความอัศจรรย์อันใด ?  บอกข้ามา ข้าอยากรู้ ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวรเข้าใจแล้วว่า ผู้อาวุโสสามถเอ่ยถึงอาจารย์ของนายน้อยจวิน และอดที่จะกลั่นหัวเราะอยู่ใต้ปลอกแขนมิได้

เจ้ายังมิรู้หรอกหรือ แต่วันนี้เจ้าเพิ่งจะโจมตีศิษย์ของอาจารย์ผู้นี้ไป  เจ้าคิดหรือว่ามันจะเป็นเรื่องดีกับเจ้า ?

ในอีกมุมหนึ่งผู้อาวุโสสามกำลังเฝ้ามองใบหน้าของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวด้วยความกังวลในหัวใจ ดูเหมือนว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว รู้ถึงการมีอยู่ของคนผู้นี้ และปรากฏว่าคนผู้นี้นั้นแข็งแกร่งกว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมาก เนื่องจากเขาจะชื่นชมต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ !  เมื่อไม่มีตัวเลือก ผู้อาวุโสสามพูดต่อ

” ป่าเมเปิ้ลทางใต้ของเมืองที่สวยตระหง่ามานาน แต่ด้วยเหตุผลกลใด สถานที่นี้กลับถูกแผดเผาลงไปด้วยโทสะของปรมาจารย์ผู้หาผู้ใดเปรียบมิได้  ป่านี้เป็นภูมิทัศน์ที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ทั้งหมดนั้นกลับหายไปอย่างเงียบเฉียบในวันนี้น .. พื้นดินปราศจากพื้ชผล .. ยิ่งไปกว่านั้น หามีแม้แต่ต้นหญ้าสักต้นไม่ … “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพ่นลมที่หนาวเย็นออกมา

เจ้ามาที่นี้หลังจากไปที่ป่าเมเปิ้ลทางใต้มาหรือ ?  ที่นี่เป็นสถานที่ที่เจ้าจะมาหลังจากได้รู้เห็นถึงเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงอย่างนั้นหรือ ?

” ข้าขอทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ยอดปรมาจารย์ผู้หาใครเปรียมิได้ กับปรมาจารย์เหยี่ยว … ”

ผู้อาวุโสสามถามอย่างรอบคอบ  ผู้อาวุโสสามตัดสินใจแล้วว่า เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และปรมาจารย์ผู้หาใครเปรียบมิได้นั้นจะต้องมีความเชื่อมโยงกันในบางอย่าง แต่ไม่รู้ถึงการได้พบปะกันของพวกเขา  ในความจริงแล้ว นี่คือเรื่องรอง เนื่องจากสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้อาวุโสสามต้องการรู้คือ สกุลจวินได้ทำอะไรกับปรมาขารย์ผู้ลึกลับและหาที่เปรียบมิได้นี้หรือไม่  เดิมทีแล้วผู้อาวุโสสามหวาดกลัวถึงความเป็นไปได้นี้

นั่นเป็นเรื่องแย่สำหรับพวกเราจริงๆ !

” ข้าไม่รู้จักเขา !  ข้าไม่รู้จักเขา ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวส่ายหัวหลายครั้ง

” ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อน !  ไม่เลย ! ”

อืม เจ้ามาจากเมือสีเงินของเจ้า และก่อปัญหาในเมืองผู้ตาแก่ผู้นั้น และคิดจริงๆหรือว่าเขาจะไม่ตอบโต้กลับมา ?!  ข้าคิดว่ามันมีอีกมากมายที่เจ้าจะได้พบเจอในอนาคต !

มันจะดีที่สุดหากเจ้ากลับไปยัง เมืองพายุหิมะขาว และส่งตาเฒ่าฮั่นมารับมือกับชายผู้นี้  ความจริงข้าคิดว่า เพียงการโจมตีเพียงครั้งเดียวของชายผู้นี้ สามารถทำให้ตาเฒ่าฮั่นนั้นเลือดออกอยู่ภายในเกราะของเขาแล้ว !  มันตลกดี แม้แต่ตาเฒ่าฮั่นได้กลายเป็นตัวตลกไปในตอนนี้

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวติดอยู่ในความโศกเศร้าเมื่อความคิดนี้ก่อกำเนิดในหัวของเขา

” เจ้ามั่นใจหรือ ? ”

คิ้วสีขาวของผู้อาวุโสสามเลิกขึ้นขณะที่เจากำลังถามหาข้อมูลอื่นๆจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และไม่คิดว่าชายผู้นั้นจะปิดบังเขา

” อะไร ?  เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ? “

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เพ่งมองกลับไป

ผู้อาวุโสสามเริ่มหดหู่ใจมากขึ้น

ชายผู้นี้ เจ้าเพิ่งทำให้พวกเราคิดมากถึงความอัปยศโดยการโจมตีน้องหกของข้า และตอนนี้เจ้าต้องการให้ข้าเชื่อเรื่องโกหกที่ออกมาจากปากของเจ้าอีกหรือ ?  ไปหลอกผู้อื่นเถิด !

” อาจารย์เหยี่ยว ”

ผู้อาวุโสสามประนมมือเคารพ

” ข้าไม่ต้องการคำอธิบายในเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เนื่องจากคามแข็งแกร่งของข้านั้นไม่ดีพอกับท่าน อย่างไรก็ตาม  ท่านอาจารย์เหยี่ยวได้ทำให้เมืองพายุหิมะขาวต้องได้รับความอัปยศในวันนี้ และท่านจักต้องให้คำตอบแก่พวกเราในเรื่องนี้หลังจากที่พวกเรากลับมาอีกครั้งกับผู้อาวุโส และมันจะเป็นเรื่องที่ดีหากท่านจากไปก่อนจะถึงเวลานั้น ! ”

” ฮ่าฮ่า เจ้ากำลังพูดถึงเซี่ยวตั๋ว ?  อืม เจ้าคิดจริงๆหรือว่าพวกเขาจะทำให้ผู้เฒ่าผู้นี้ประสบกับปัญหา ?!  หากเจ้าต้องการให้ข้าตอบคำถามในเรื่องนี้จริงๆ เจ้าจักต้องขอให้ ตาเฒ่าฮั่นมาเผชิญหน้ากับข้าด้วยตัวเอง !  ฮ่าฮ่า เซี่ยวเซียงหยุน และ เซี่ยวปู้หยู กำแพงทั้งสองแห่งเมืองพายุหิมะขาว ผู้ที่พุ่งทะยานอยู่เหมือหมู่เมฆและหุบผา …  อาวุโสผู้นี้ชอบที่ได้พบกับตาเฒ่าระยำนั่น และข้าต้องการจะเห็นว่าพวกมันจะอยู่สูงได้สักเพียงไร ! ”

สีหน้าผู้อาวุโสสามยังคงเดิมขณะเขายิ้มและพูด

” อาจารย์เหยี่ยวจะไม่ผิดหวัง ”

เมื่อผู้อาวุโสสามพูดจบ เขาโบกมือให้ มูซื้อทง ยกร่างของผู้อาวุโสหกขึ้น และเตรียมจากไปพร้อม ฮั่นหยานเมิง  เมื่อไปถึงประตูเขาหันกลับมองไปยังเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวพร้อบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว

” มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่ต้องการเอ่ย แต่ข้าสงสัยว่าความโหดร้ายของอาจารย์เหยี่ยวนั้นจะต้องได้รับการชดใช้ … . จากแหล่งข่าวของพวกเรา อาจารย์แห่ง คฤหัสน์ฉือฮั่น ต้องตาหญิงสาวเมื่อครั้งล่าสุดที่เขามายังเทียนเชียง และต้องการได้หญิงสาวผู้นั้นเป็นสนม และปรากฏว่าหญิงสาวผู้นั้นคือ สะใภ้สกุลจวิน กวนเซียงฮั่น !  ตอนนี้ นางอาศัยอยู่กับสกุลจวิน !  เนื่องจาก ท่านอาจารย์เหยี่ยวประสงค์จะอยู่ที่นี่ เขาจักต้องเริ่มตระเตรียมการโดยเร็ว เพราะข้ากลัวว่า คฤหัสน์ฉือฮั่น นั้นมิได้มีขนบดั่งเช่นเมืองพายุหิมะของข้า ! ”

ผู้อาวุโสสามยิ้มขณะเขาพูดจบ และจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก

ฮั่นหยานเมิง ยิ้มอย่างแยบยลไปยังจวินวูอี้ขณะนางโบกมือก่อนจากไป

” พี่สามจวิน หากข้ามีโอกาสมาที่นี่อีกครั้ง ข้าจะเล่าเรื่องต่างๆให้เจ้าฟัง  บอกหลานของเจ้าด้วยว่าเขาจัดต้องเรียกข้าว่า น้าเล็ก ในครั้งต่อไปที่พบข้า !  มิเช่นนั้น ข้าจักบอกพี่สาวว่าเจ้าและหลานชายของเจ้ากลั่นแกล้งข้า ! ”

จวินวูอี้ยิ้มขณะโบกมือให้นางกระทั่งพวกเขาพ้นประตูออกไป

ขณะนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยังคงยื่นที่เดิมด้วยความสับสนบนใบหน้า !

ความจริงแล้ว เขางุนงงอย่างมาก !

นี่มิใช่เพียงเรือโจรสลัด !  ข้ากำลังจมดิ่งสู่หุบเหวที่ไร้จุดสิ้นสุด !  ตอนนี้ ข้าไม่สามารถถอยหลังออกไปได้แล้ว …

คฤหัสน์ฉือฮั่นจากทางใต้ และ เมืองพายุหิมะขาว จากทางเหนือ !  ทั้งสองนั้นถือได้ว่าเป็นกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในโลกนี้ และเจ้าเด็กสกุลจวินได้ยั่วยุพวกเขาทั้งสองในเวลาเดียวกัน …

เพียงแค่หนึ่งกำมือ ข้าได้นำพาตัวเองเข้าไปสู่ …  ความยากลำบากอันหนักหนา !

วันอันเลวร้าย !

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ยืนงุนงงอยู่นาน และทันใดนั้นเขาคำรามออกมาด้วยความโกรธ

” เจ้าจวินปิศาจนั่น !  เจ้าเด็กเลว !  ออกมาหาอาวุโสผู้นี้สิ ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเหาะข้ามที่พักสกุลจวินอยู่หลายครั้งแต่กลับไม่พบกแม้แต่ร่องรอยของจวินโม่เซี่ย  โดยไม่มีทางเลือก เขากลับไปยังลานบ้าน จวินวูอี้ขณะพึมพัม

” .. เจ้าเด็กเลวนั่น อาวุโสผู้นี้จักถลกหนังอันปราดเปรื่องของเจ้าออกเสีย เมื่อข้าจับเจ้าได้ !  เจ้า เจ้า เจ้า …. ”

จวินวูอี้ขอโทษตัวเองอย่างเงียบๆ และตัดสินใจไปหยิบกระบี่ที่แอบซ่อนไว้ในห้องนอนของเขาออกมาฝึกฝน ปล่อยให้เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อยู่กับลมหายใจอันชั่วร้ายของเขาแต่เพียงผู้เดียว …  ขณะที่รู้สึกหดหู่มากพอจนสามารถสังหารผู้ใดสักคนได้ …

ความจริงแล้วเขารู้สึกทุกข์โศกมากจนเขาต้องการจะสังหารใครสักคนเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ตรมนั้น !

ในขณะที่ผู้อาวุโสสามข่มขู่ก่อนหน้านี้ เหยี่ยวผู้โดเดี่ยวมักจะนิ่งเฉยเนื่องจากเขาคิดว่ามันเป็นการข่มขู่ที่จอมปลอม  อย่าไรก็ดี คฤหัสน์ฉือฮั่น และ เมืองพายุหิมะขาว นั้นทรงพลังทั้งคู่ และพวกเขาเป็นปฎิปักษ์ต่อกัน  ในความจริง กองทำกลังทั้งสองนี้ไม่ชอบที่จักต้องร่วมมือกัน แม้ว่าพวกเขาจะต้องต่อกรกับ หยุนเป้ยเฉิน ….

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสามบอกเป็นนัยถึงการร่วมมือกัน หลังจากที่เขาพูดว่าปรมาจารย์ลึกลับ นั้นเป็นผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้ และ เหนือกว่าทุกสิ่งที่โลกนี้เคยพบเจอ  แม้ว่าเขาจะตั้งใจรีดไถข้อมูลจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่สุดท้ายเขาก็ได้เตือนสติเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถึงความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้

แม้นว่าพวกเขาจักร่วมมือกัน …  ฮั่นเฟิงฉือ และ ลีจื้อเทียน จะสามารถต่อกรอะไรกับปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาสามาถทำให้ป่าทั้งป่าหายไปได้อย่าเงียบเฉียบ ?  เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ยังไม่แตะต้อง นายน้อยจวินจนถึงตอนนี้ เนื่องจากความเคารพต่ออาจารย์ของเขา แต่เขาก็มิได้สนใจในเรื่องนั้นมาก !

ผู้ที่หนุนหลังเขาช่างแข็งแกร่งยิ่ง !  พวกเขาสามารถทำให้ก๊กทั้งสองหายไปในสายลมและสายฝนได้หาก ปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้ลงมือด้วยตัวเอง …

แต่กระนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ก็ไม่สามารถบอกถึงที่อยู่ หรือบอกได้ว่าจวินโม่เซี่ยตัวร้ายนั้นไปอยู่ที่ใดได้ …

ณ. เวลานี้ ความมืดเริ่มครอบงำด้านนอกจวนสกุลจวิน

ชนชั้นสูงแห่งเมืองพายุหิมะขาวกำลังเดินไปตามถนน และดูเหมือนว่าไม่มีผู้ใดพูดออกมา  ความจริงแล้ว แม้แต่องค์หญิงน้อยผู้สดใสก็ยังเงียบอยู่ ซึ่งก่อให้เกิดบรรยากาศที่โศกเศร้าขึ้นในหมู่พวกเขา

ขณะที่อยู่บนหลังของ มูซื้อทง การบาดเจ็บของผู้อาวุโสหกเริ่มดีขึ้นให้เห็น เนื่องจากชายผู้นั้นมักจะเดินปราณเชวียนภายในร่างกายอยู่เสมอ   ยังไงชายผู้นี้ก็ยังคงเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน ซึ่งหมายความว่าไม่มี การบาดเจ็บ หรือการเจ็บป่วยที่รุนแรงใดๆสามารถพรากชีวิตของเขาไปได้ ตราบใดที่ยังคงมีปราณเชวียนค้ำจุนร่างกายของเขาไว  เขาได้ก่อปราณเชวียนขึ้นรอบๆร่างของตวัเองอย่างเข้มข้น และตอนนี้มันกำลังฟื้นฟูสุขภาพของเขาให้เป็นปกติ การฟื้นฟูกระดูกหน้าอกที่แตกหักของเขานั้นจักต้องใช้เวลาและความพยายามในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ความอับอายที่ผู้อาวุโสหกได้เผชิญในวันนี้เป็นบางอย่างที่เขามิเคยได้ประสบมาก่อนในชีวิต !

สามารถบอกได้จากใบหน้าของเขาว่า เพียงแค่คิดถึงสกุลจวินก็ย้ำเตือนถึงช่วงเวลาที่เขาโดนบังคับให้พูดคำว่า ข้าเห็นด้วย ซึ่งนำพาถึงการมีชีวิตดั่งความตายให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง !

แม้นผู้อาวุโสหกจะมิได้พูดอะไรขึ้นมาเป็นเวลานาน แต่สามารถบอกได้ถึงความขื่นขมในหัวใจจากการที่เขากัดฟัน ปล่อยให้เลือดไหลลงไปสู่แผ่นหลังและเสื้อของ มูซื้อทง  แม้แต่ดวงตาของเขาก็แดงก่ำขณะที่เลือดหยดลงมาจากปากของเขา !

” น้องหก … ”

ผู้อาวุโสสามพยายามพูดขึ้น แต่ก็มิได้พูดอะไรหลังจากนั้น  เขารู้จักผู้อาวุโสหกมานานกว่าสามสิบปี และรู้จักชายผู้นี้มากพอที่จะเข้าใจถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่  สุดท้ายผู้อาวุโสสามอดถอนหายใจไม่ได้ และเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น

” …  เรื่องนั้น .. แต่ชายผู้นั้นคือ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว นะ ! ”

” ข้ารู้ พี่สาม … ข้ารู้ในสิ่งที่เจ้ากำลังจะพูด …  ไม่จำเป็นต้องอับอาย เมื่อฝีมือระดับข้าต้องพ่ายแพ้แก่เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว !  ใช่หรือไม่ ?  ความจริงแล้ว หากข้าขัดขืนเขา ข้าเกรงว่า ข้าจะทำให้ตัวเองประสบกับหายนะ … ”

เสียงของผู้อาวุโสหกเบาลง ขณะใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มอันโศกเศร้า

” แต่ … คนตายไม่ต้องทนทุกข์เช่นนี้ … ข้า … ข้า … “

ความจริงที่ว่ายอดฝีมือเทพเชวียนเริ่มตกอยู่ภายใต้อารมณ์ของเขานั้นแสดงให้เห็นได้ชัดว่าความอัปยศนี้ได้ก่อตัวขึ้นในจิตใจอของเขา

” ผู้อาวุโสหก ด้วยความนับถือของข้า !  ความอับอายของเจ้านั้นได้ช่วยปกป้องชีวิตพวกเรา !  ข้ายังหนุ่มแน่นหากเปรียบกับเจ้า แต่ข้าก็รู้ว่ามันง่ายเพียงใดที่จะเอ่ยคำว่า ไม่ และรู้ว่ายากเพียงใดที่จะเอ่ยว่า ข้ายอมรับ ! “

ความรู้สึกของ มูซื้อทง หลังไหลออกมาจากปากของเขาในตอนนี้

คำพูดเหล่านี้เป็นผลอย่างมากเนื่องจากความเจ็บปวดบนใบหน้าของผู้อาวุโสหกนั้นลงลงหลังจากที่ได้เห็นสีหน้าแห่งการเคารพนับถือของทุกคน  อย่างไรก็ตาม หัวข้อสนทนาก็วนกลับมาที่เดิม ขณะ มูซื้อทง พูดต่อ

” ความจริงแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องความน่าอายและอัปยส แม้ว่าการกระทำของผู้อาวุโสหกในตอนแรกนั้นจะไม่ ดีนักในมุมของสกุลจวิน  ข้าคาดว่านี่เป็นผลของการกระทำเหล่านั้น … หากเจ้าไม่ก้าวร้าวในตอนแรก บางที … ”

มูซื้อทง เพียงแต่พูดความคิดของเขาออกมา  มูซื้อทง ไม่พอใจถึงความดื้อรั้นและเอาแต่ใจของผู้อาวุโสหกมาเนิ่นนาน แต่เขากลับเก็บความคิดของเขาไว้เสมอ เนื่องจากชายผู้นี้อยู่ในตำแหน่งและสถานะที่สูงกว่าเขามาก  แต่กระนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียการควบคุมในเรื่องนั้นไปในตอนนี้ ซึ่งมันสะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจนในน้ำเสียงของเขา ….