” ซื่อท้ง ! ”

ผู้อาวุโสสามตะโกนขึ้นร้อนรน  แม้นจะเชื่อในคำพูดที่มีเหตุผลของมูซื้อทงอย่างมาก แต่รู้สึกว่าไม่เป็นการดี ที่จะปุกปั่นผู้อาวุโสหกในเวลานี้เนื่องจากเขากำลังกล่าวโทษตัวเองสำหรับเรื่องเลวร้ายในวันนี้ !

” วางข้าลง !  ตาเฒ่าผู้นี้ยังมิได้สิ้นใจ ข้าสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง ! ”

ผู้อาวุโสหกตะโกนด้วยโทสะ

” อาวุโสผู้นี้ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องจรรยาจากเด็กหนุ่มเช่นเจ้า !  เจ้าควรระวังคำพูด !  เจ้าไม่สามารถพูดกับอาวุโสผู้นี้ได้แม้นว่าเจ้าจะมีบุญคุณอย่างมากก็ตาม !  ดูระดับของเจ้าให้ดีก่อนจะเอ่ยคำแนะนำอันใดต่ออาวุโสผู้นี้ ! “

ใบหน้าของมูซื้อทงซีดเผือกด้วยโทสะ ขณะที่เอ่ยความคิดของเขาขึ้นอีก

” เจ้าช่างมีความกล้ายิ่งนัก !   ก่อนหน้านี้เมื่อเผชิญหน้ากับเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเจ้าดูไม่ดื้อดึงเช่นนี้ แต่เจ้ากลับทำกับข้าในเวลานี้ ?  และคิดจริงๆหรือว่าข้ามีความสุขที่ต้องแบกเจ้าขึ้นหลัง ?! ”

แม้นมูซื้อทงจะลังเลเล็กน้อย ผู้อาวุโสหกก็ได้ผละจากหลังของเขาลงไปยังพื้น  แต่กระนั้น ความเจ็บปวดเนื่องจาการบาดเจ็บและกระดูกหน้าอกที่แตกหักกำเริบขึ้น ทำให้เหงื่อของเขาไหลออกจากหน้าผาก

” เจ้านี่ ช่างดื้อดึงเสียจริง  ก่อนหน้านี้หากเจ้าหยิ่งทะนงเช่นนี้ต่อหน้าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เจ้าอาจจะได้รับความเคารพจากข้าแทนที่จะต้องมาอยู่ในจุดนี้ ! ”

ผู้อาวุโสสามซึ่งเป็นคนกลางไม่มีเวลาทันทำสิ่งใดขณะที่เสียงอันเยือกเย็นและคมกริบ ดังขึ้นด้วยคำพูดอันเย้ยหยัน

ขอบเขตปราณขนาดมหึมาปรากฏขึ้นมาจากที่ใดสักแห่ง ในเวลาเดียวกับชายหน้ากากดำร่อนลงมาจากท้องฟ้าเบื้อบนด้วยท่าทางราวกับเทพเจ้า  แต่กระนั้น ชายท่าทางแปลกประหลาดผู้นี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนด้วยแววตาที่เยือกเย็นซึ่งดูเหมือนจะกระพิบด้วยประกายที่เยือกเย็นยิ่งกว่า นั่นทำให้เขาดูราวกับปิศาจก็ไม่ป่าน

” นั่นเขา ! “

องค์หญิงน้อยฮั่นหยานเมิงกรีดร้องขณะหลบตัวสั่นด้านหลังผู้อาวุโสสาม พร้อมกับดึงชุดคลุมของผู้อาวุโสสามไว้พร้อมแสดงสีหน้าหวาดกลัวที่มิอาจหาคำใดมาอธิบายได้ อย่างชัดเจน  การปรากฏตัวของชายหน้ากากดำนั้นทำให้นางหวาดกลัวเข้าไปถึงกระดูกดำในทันที

” เขาคือคนที่ทุบตีพี่เซี่ยว ก่อนมาโจมตีข้า ! ”

ผู้อาวุโสสามใจสลาย ! 

ความหวาดกลัวมากมายถาโถมเข้ามา !  ในที่สุด … ปัญหาที่แท้จริงก็มาถึง !

และฝันอันเลวร้ายนี้ยิ่งกว่าการคุกขามที่พวกเขาพบเจอจากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยิ่งนัก

เหล่าผู้สูงศักดิ์แห่งเมือพายุหิมะขาวรู้สึกถึงความกดดันอันมหาศาลของสิ่งที่แข็งแกร่งนี้ และทำให้พวกเขาตัวสั่นสะท้าน  พวกเขาทั้งสี่ องค์หญิงน้อย หวาดกัวคนผู้นี้เพราะลักษณะที่ดุร้ายซึ่งเขาได้กระทำกับ เซี่ยวเฟิงวู และมันได้ฝังลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณของนาง  ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อคิดถึงท่าทางที่ชายผู้นี้แสดงออกมาในเวลานั้น และพบว่ามันคล้ายคลึงกัน จึงทำให้นางหวาดกลัวชายผู้โง่เขลาและไร้ความกลัวผู้นี้มากยิ่งขึ้น !

ในทางกลับกัน ความหวาดกลัวของชายอีกสามคนนั้นมีความเป็นจริงมากกว่า  เนื่องจากมีความรู้มากกว่านาง พวกเขาเข้าใจได้เลยว่าชายผู้นี้มีความเกรี้ยวกราดอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการแววตาที่มุ่งร้ายของเขา  พวกเขาเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งว่า ชายผู้นี้จักไม่ปล่อยให้อารมรมณ์ของเขาพุ่งไปถึงจุดที่สามารถกลืนกินสวรรค์และโลกได้ เว้นแต่ว่าเขาต้องการจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำลายล้างที่เขาสามารถทำได้ !

ความจริง กระแสปราณนี้คล้ายคลึงกับสิ่งที่พวกเขาสัมผัสได้ในตอนที่มาถึงเมืองเทียนเชียง  ยิ่งไปกว่านั้น กระแสนี้ยังรุนแรงยิ่งกว่า กว้างขวางสูงส่งยิ่งกว่าสวรรค์ และล้ำลึกยิ่งกว่าพื้นสมุทร มันได้เพิ่มความหวาดกลัวให้แก่พวกเขา 

ช่างสูงส่ง !  มิอาจเทียบ !  มิอาจต้านทาน !

คนผู้นี้คือคนเดียวกับผู้ที่ปลดปล่อยขอบเขตปราณอันรุนแรงเมื่อวันก่อน และเป็นผู้ที่ทำลายป่าเมเปิ้ลทางใต้ในวันนี้ อย่างไม่ต้องสงสัย !  แม้นว่าเขาเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นมาไม่นาน ผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆก็สามารถบอกอะไรได้มากมาย !

พวกเขาไม่รู้เลยว่า ขอบเขตปราณขนาดมหึมานี้มิได้ถูกควบคุมโดยจวินโม่เซี่ย เพียงแต่มันออกมาจากเจดีย์หงษ์จวินที่อยู่ในร่างของเขาเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดสามารถบอกความแตกต่างได้ เนื่องจากเจดีย์หงษ์จวินที่อยู่ในร่างของนายน้อยจวินนั้น ก่อขอบเขตปราณที่มีลักษณะเช่นเดียวกับของจวินโม่เซี่ย

กระนั้น แม้ว่านายน้อยจวินจะมีความสามารถในการกระตุ้นเจดีย์หงษ์จวินได้ แต่เขาก็ยังมิอาจควบคุมมัน เนื่องจากการเพาะปลูกของเขายังต้อยต่ำยิ่ง  จึงทำให้ ผู้อื่นสัมผัสได้ว่าปราณนั้นคล้ายกับของเจดีย์หงษ์จวิน ไม่ว่าจวินโม่เซี่ยจะมีโทสะหรือมีความสุข ! 

อย่างไรก็ตาม กระแสที่รุนแรงของยอดฝีมือลึกลับนี้ก็มากเพียงพอที่ทำให้ผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆรู้ได้ว่าชายผู้นี้กำลังเกรี้ยวกราดอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น กระแสที่เขย่าโลกของปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้แสดงออกมานั้น ก้าวล้ำเกินกว่า แปดยอดปรมาจารย์ คนใดจะสามารถ !

ทั้งสามหวาดกลัวยิ่งขึ้นเมื่อได้เปรียบความแข็งแกร่งของชายผู้นี้กับผู้นำนครของพวกเขา ฮั่นเฟิงฉือ และพบว่า แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนซึ่งยังหลงเหลืออยู่ในโลกตอนนี้ ก็ยังคงเป็นเพียงมดปลวกและมีความแข็งแกร่งราวกับเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้ !

ยอดฝีมือทั้งสาม ไร้ความกล้าจะต่อกรกับชายผู้นี้ เมื่อตระหนักได้ถึงสิ่งต่างๆ ขณะเดียวกันใบหน้าของผู้อาวุโสหกซีดเผือกเนื่องจากความหวาดกลัว

ข้าเกรงว่าการเพาะปลูกที่สูงส่งเช่นนั้นจะเกินกว่าที่มนุษย์จะไปถึง  ข้าเป็นเพียงลูกแกะที่รอคอยการถูกเชือด ? 

ชายหน้ากากดำเพ่งมองไปยังคนทั้งสี่ที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างเยือกเย็น ขณะที่เคลื่อนที่เข้าใกล้พวกเขาอย่างช้าๆ ทีละก้าว พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

แต่ ฝีเท้าที่ยังคงมีเสียงนี้ทำให้ผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆประหลาดใจยิ่งขึ้น !

จากระดับการเพาะปลูกที่สูงส่งของเขา คนผู้นี้แข็งแกร่งพอที่จะเดินข้ามน้ำ ผูภา และเหาะผ่านไปเหนือหมู่เมฆได้อย่างเงียบเฉียบ แต่กลับมีเสียงฝีเท้าที่ดังเพียงเล็กน้อย … นั่นหมายความว่าโทสะของเขายังคงไปไม่ถึงขีดจำกัด

ดูเหมือนว่าพวกเราทั้งสี่อาจจะไม่รอดจากสิ่งนี้ไปได้ !

” พวกเจ้าเป็นคนของเมืองพายุหิมะขาว ? “

ชายหน้ากากดำถามขึ้นพร้อมกับมือที่ไขว้สูงอยู่ด้านหลัง ราวกับมันลอยอยู่บนสายลมขณะที่เสียงของเขาชัดเจนอย่างมาก

” ผู้ใด … ขอให้ท่านแนะนำตัวได้หรือไม่ … “

ผู้อาวุโสสามยืนหลังตรงขณะถามด้วยความสุภาพพร้อมมือที่ประกบกัน  การแสดงความสุภาพต่อผู้อื่นนั้นจักไม่นำพาซึ่งความเลวร้าย อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดกล่าวโทษผู้อาวุโสสามสำหรับการแสดงความเคารพอย่างยิ่งยวดในครั้งนี้ เนื่อง จากความสุภาพนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้

” โอ้ว …. ”

ชายหน้ากากดำร้องเสียง โอ้ว ยาวโดยไร้ซึ่งร่องรอยแห่งโทสะหรือความสุข และมันทำให้ดูราวกับว่าเขาเพิ่งจะตื่นขึ้นจากการหลับไหลอันยาวนาน

” หากจะว่าไป อาวุโสผู้นี้มีความสัมพันธ์กับ ผู้อาวุโสแห่งเมืองสีเงินมาหลายชั่วอายุ ย้อนกลับไปตั้งแต่ ฮั่นเฟิงฉือ ถูกใช้เป็นเพียงปลายนิ้วของผู้นำนคร  อย่างไรก็ตาม เวลานั้นผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยัง … ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเมืองพายุหิมะขาวจะตกต่ำถึงเพียงนี้ !  มันเป็นเพียงแค่โชคร้ายหรือ ?  หรือสมบัติและความมั่งคั่งนั้น มิอาจอยู่ยืนยาวได้เกินสามชั่วอายุคนจริงๆ ? ”

เขาพยักหน้าราวกับรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง จากนั้นถอนหายใจและพูด

” น่าเศร้า ช่างน่าเศร้า ! ”

” เนื่องจากอาวุโสผู้นี้ และ อาวุโสของนครเป็นเพื่อเก่าแก่กัน พวกเราจึงมิใช่คนอื่นใกล   นะ … “

แม้นผู้อาวุโสสามจักตอบกลับอย่างสุภาพ แต่ความคิดของเขานั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ผู้นำนครคนก่อน เขาหมายถึงอะไร ?  เขารู้จักอาจารย์รุ่นที่สองของพวกเราอย่านั้นหรือ ?  หรือ เป็นรุ่นแรก ? … โอ้วพระเจ้า ชายผู้นี้อาจจะมีอายุเกินกว่าสองชั่วอายุคน …

” การลงโทษเล็กน้อยจักต้องเกิดขึ้นเนื่องจากเด็กๆรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของข้า และรบกวนการฝึกฝนของข้า และสำหรับผู้อาวุโสของเจ้า แทนที่จะสั่งสอนกริยาของลูกหลาน แต่เจ้ากลับปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งต่างๆตามอำเภอใจ และเจ้าไปดึงลากผู้อื่นเข้ามาข้องเกี่ยวอย่างนั้นหรือ ?  นี่คือสิ่งที่เมืองพายุหิมะขาวถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นอย่างนั้นรึ ? ”

น้ำเสียงของชายหน้ากากดำดุร้ายขึ้นในท้ายที่สุด

หัวใจของผู้อาวุโสสามและคนอื่นๆเริ่มเต้นรัวด้วยความหวัาดกลัว ขณะที่ใบหน้าขององค์หญิงน้อยแสงดความงุนงงออกมาในช่วงวิฤตนี้  นางพบว่ามันแปลกประหลาดอย่างมากที่ชายเกรี้ยวกราดผู้ที่วิ่งแก้ผ้าก่อนหน้านี้ กลับสร้างภาพตัวเองราวกับเป็นสมาชิกผู้สูงศักดิ์ในสังคม และต้องได้รับความเคารพจากความอาวุโสของเขา ….

คนผู้นี้เป็นคนเดียวกันจริงๆหรือ ?  ในตอนนั้นทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยดินโคลน แต่ข้าก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความชั่วร้ายในตัวของเขา …  แต่หากเป็นคนเดียวกัน เหตุใดถึงได้แตกต่างกันมากมายเช่นนี้  ?  หรือเพราะตอนนี้เขากำลังใส่เสื้อผ้า ?

ชายหน้ากากดำเงียบอยู่ครู่ใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าโทสะของเขายังคงมากยิ่งขึ้น  สุดท้าย เขาพึมพัมและพูด

” ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังตามหาข้า ?  และเจ้าต้องการจะชำระความแค้นกับข้า ?  เช่นนั้น ข้าจึงมาที่นี้ด้วยตัวเองเพื่อให้เจ้าได้มีโอกาสนั้น ! ”

” ฮ่า ฮ่า โปรดอภัยแก่ความไร้เดียงสาของพวกเราที่ไม่รู้ถึงความเป็นจริงในเหตุการณ์นี้ด้วย นายท่าน พวกเราเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี และจะสั่งสอนพวกเขาเช่นกัน แต่ด้วยที่พวกเราเป็นผู้อาวุโส พวกเราจึงจะไม่ปล่อยประในเรื่องนี้   ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำนครของพวกเราได้มอบหมายงานนี้แก่พวกเราก่อน ที่พวกเราจะออกจากเมืองมา …  ข้าขอให้ ท่านอาจารย์โปรดละเว้นในเรื่องที่พวกเขาได้ก่อกวนท่านด้วย ”

ผู้อาวุโสสามยิ้มขณะ อธิบายถึงสถานการณ์โดยไม่มีการปฏิเสธ

พ่อแม่จะไม่ถามอะไรเลยหรือ หากเด็กๆของพวกเขาไปกลั่นแกล้งคนภายนอก ?  หากพ่อแม่รู้ถึงสถานการณ์นี้อย่างดี พวกเขาจักต้องถกเถียงกันในเรื่องนี้เป็นแน่ !

ผู้อาวุโสสามผู้ที่ถือได้ว่าเป็น ปรมาจารย์แห่งการใช้คำพูด แม้นว่าเขาจะเอ่ยตอบกลับไปด้วยความสุขภาพอย่างมาก แต่เขากลับไม่ทิ้งจุดอ่อนอันใดที่ชายหน้ากากดำจะโตีเถียงได้เลย

” เช่นนั้นหรือ ?  หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่สนใจในเรื่องนี้  อย่างไรก็ตาม เจ้าได้ไปยังสกุลจวินเมื่อสืบสวนหาตัวตนของข้า !  และ เนื่องจากเจ้าจู่โจมสกุลจวิน ข้าไม่ควรกล่าวโทษผู้ใดหรอกหรือ ?  ยิ่งไปกว่านั้น เทพเชวียนผู้สง่างามยังโจมตีใส่เด็กหนุ่ม ?! “​

ชายหน้ากากดำเริ่มเกรี้ยวกราดยิ่งขึ้น และไม่นานเขาจึงชายตามองไปยังผู้อาวุโสหก

” เทพเชวียนผู้มากประสบการณ์ทำร้ายเด็กตัวน้อยๆ !  นี่คือการแสดงพลังที่ดีอย่างนั้นหรือ ?!  ข้าเกรงว่าข้าจะได้พบคนผู้ที่ทำตัวน่าสมเพชและชั่วร้ายยิ่ง ! ”

” นายท่าน ข้าเกรงว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นจะเกินวิสัย เนื่องจากสกุลจวินและเมืองพายุหิมะขาวนั้นมีความขุ่นเคืองกันมาแต่ก่อน ซึ่งมันได้ฝังรากลึกอย่างมาก  เนื่องจากเรื่องนี้นั้นยากจะอธิบาย ข้าจึงอยากของให้ ท่านปรมาจารย์อย่าได้ยุ่งเกี่ยวเนื่องจากมันจะเป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของเขา … ”

ผู้อาวุโสหกยังไม่ฟื้นคืนจากอาการจุกหลังจากได้รับความอัปยศจากฝีมือของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และยังรู้สึกละอายใจ จากนั้นไม่นานหลังออกมาจาก จวนสกุลจวิน เขากลับต้องเผชิญกับสุดยอดปรมาจารย์อย่างไม่คาดคิด ผู้ที่แสดงตัวเพื่อถามถึงการกระทำของเขา

ผู้อาวุโสหกเกือบจะเป็นลมไปอีกครั้ง !

ผู้อาวุโสหกตกอยู่ในความคิดที่ว่า เขาจะทำสิ่งใดดีเพื่อหลีกหนีจากเรื่องเลวร้ายที่เขาต้องพบเจอมาทั้งหมดในวันนี้ ?  

 ความอัปยศซ้ำแล้วซ้ำเล่า … อาวุโสผู้นี้มีอยู่มากเกินพอแล้ว ….

ข้าไม่สามารถทำอันใดได้จริงๆ !  ข้าไม่สามารถอดทนต่อสิ่งอื่นใดที่ออกมาจากปากของเจ้าได้อีกแล้ว แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมากพอจะสังหารข้าได้ตามต้องการก็ตาม !   เจ้าคิดว่าข้าผิดหรือ ? ดีละ ข้าก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า !

” เจ้าพยายามบอกว่าข้าจุ้นจ้านอย่างนั้นหรือ ? “

ชายหน้ากากดำมีโทสะเพิ่มขึ้นมาในทันที จากนั้นร่างของเขาหายไปในอากาศภายในพริบตา โดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เบื้อหลัง

ชายผู้ที่ ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนเมื่อไม่กี่นาทีก่อน หายไปแล้วในตอนนี้ มันไม่มากเกินไปที่จะบอกว่าพวกเขาไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นไปได้ สำหรับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้ยิน แม้แต่ในตำนาน !

ผู้อาวุโสสามเป็นคนแรกที่มีปฏิกริยาเนื่องจากการเพาะปลูกของเขานั้นสูงกว่าคนอื่นๆ  แต่กระนั้น ตอนนี้ก็ไม่เหลือทางเลือกอื่นใด เขาจึงตะโกนออกไปสุดกำลัง

” โปรดเมตตา นายท่าน ! ”