ผู้อาวุโสสามรู้สึกผิดอย่างมากจากการกระทำของผู้อาวุโสหกเนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถปกป้องตัวเองได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะสามารถแก้แค้นได้ในภายหลัง !
ฉึบ ! ฉึบ !
มีเสียงดังขึ้นอย่างไม่ทันคาดคิดสองครั้งดังขึ้นขณะที่ชายหน้ากากดำกลับมายืนอยู่ในจุดเดิมของเขาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าสถานการณ์นั้นไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน … นอกเสียจากมีรอยนิ้วมือห้านิ้วประทับอยู่บนแก้มของผู้อาวุโสหก !
สำหรับคนที่อยู่ในสถานะของผู้อาวุโสหก และความแข็งแกร่งเทพเชวียนการกระทำเช่นนี้น่ากลัวยิ่งกว่า การบาดเจ็บทางร่างกายใดๆเสียอีก !
ไม่มีผู้ใดเห็นว่ายอดฝีมือลึกลับผู้นี้เคลื่อนที่อย่างไร และไม่มีผู้ใดเห็นเคล็ดที่เขาใช้ขณะตบหน้าของผู้อาวุโสหก ดูเหมือนว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นมาจากอากาศ เช่นเดียวกับการปรากฏตัวของปรมาจารย์ลึกลับก่อนหน้านี้ !
พวกเขาทั้งสี่เอ่ยเป็นเสียงเดียว
ปาฏิหาริย์ !
แม้นผู้อาวุโสหกมิได้บาดเจ็บรุนแรง แต่เขาก็มิได้พบเจอเหตุการณ์แบบนี้ได้ง่ายนัก เนื่องจากเขาเป็นยอดฝีมือเทพเชวียน ! โดยไม่มีทางเลือกอื่น เขาเพ่งมองกลับไปยังชายแปลกประหลาดที่อยู่ภายใต้หน้ากากด้วยสายตาที่เบิกกว้าง ! ในครั้งที่เยี่ยวผู้โดดเดี่ยวโจมตีเขานั้น อย่างน้อยเขายังสามารถตอบสนองได้แม้นว่าเขาเองจะไม่สามารถหลบได้ แต่กระนั้น ผู้อาวุโสหกมิอาจได้มีโอากาศได้ขยับตัวจากการโดนประทับฝ่ามือสองข้างในครั้งนี้ !
ชายผู้นี้ทำอะไรกัน ?
อย่างไรก็ตาม ท่าทางของชายหน้ากากดำนั้นดูเหมือนว่าเขาได้กระทำมันลงไปได้สำเร็จแล้ว
” อาวุโสผู้นี้เพียงแต่จะทำให้เจ้ารู้ว่า เจ้าจะต้องไม่รบกวนข้าโดยการไประบายโทสะกับผู้อื่นอีก ! ข้าจะไม่อภัยให้เจ้าอีกหากเจ้าไปบ้านของผู้อื่นและดูหมิ่นชื่อเสียงของข้า ! ”
ชายหน้ากากดำดูเฉยชาขณะเขาพูดต่อ
” ข้าเพียงแต่พยายามสั่งสอนบทเรียนเพียงเล็กน้อยกับเจ้า เนื่องจากเจ้าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ! รอยประทับฝ่ามือทั้งสองผู้อาวุโสผู้นี้บรรจุไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ยังมีคนอีกมากในโลกนี้ที่แม้แต่ เทพเชวียนก็มิควรก่อกวน ! ประสบการณ์นี้จะช่วยปกป้องไม่ให้เจ้าต้องสูญเสียชีวิตของเจ้าไปในวันข้างหน้า ! ข้าสั่งสอนเจ้าเพียงคำพูดนั้นเพราะว่าข้ามีความสัมพันธ์อันเก่าแก่กับเมืองสีเงิน ! ”
ฟังดูราวกับอีกฝ่ายพูดราวกับว่า
” ข้าทำสิ่งนี้เพื่อประโยชน์ของเจ้า ”
ซึ่งเป็นการอธิบาย ที่ทำให้ผู้อาวุโสหกคลั่งด้วยโทสะ เลือดพ่นกระจายออกมาจากปากของเขาขณะที่โทสะภายในร่างของเขานั้นเดือดพล่าน ทำให้การบาดเจ็บก่อนหน้านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น และหอบหายใจเฮือกสุดท้าย !
รอยประทับของฝ่ามือบนใบหน้าของเขามิได้นำพาไปสู่ความตาย แต่มันคือความอับอาย เห็นได้ชัดว่ามิใช่เรื่อใหญ่สำหรับคนธรรมดาที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากผู้ที่ทรงพลังกว่าเขา แต่กระนั้น ผู้อาวุโสหกกลับรู้สึกถึงโทสะอันรุนแรงจากสิ่งนี้
มิใช่เพราะการโดนดูถูก แต่เพราะว่าทั้งหมดนี้ดูเหมือนสิ่งหนึ่งที่คุ้นเคยอย่างมาก !
ก่อนหน้านี้ เขาได้พูดบางอย่างเช่นเดียวกันนี้หลังจากโจมตีจวินโม่เซี่ย ในจวนสกุลจวินเพื่อสั่งสอนบทเรียนแก่เขา ในตอนนี้ บางอย่างที่เหมือนกันนั้นได้เกิดขึ้นกับเขาเช่นเดียวกัน ! แม้นพระเจ้าก็มิอาจเผยตัวเมื่อต้องเผชิยหน้ากับเรื่องเย้ยหยันเช่นนี้ …
เพียงหนึ่งประโยคนี้ก่อให้เกิดความคิดมหาศาลในหัวของ มูซื้อทง
ชัดเจนแล้วว่า ปรมาจารย์ผู้นี้ถูกสิ่งมาโดยจวินโม่เซี่ยและสกุลจวิน เช่นนั้นพวกเขาจึงสามารถระบายโทสะออกมาได้ มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่พูดเช่นนี้
ทันใดนนั้นเขาก็มิได้กังวลถึงความเป็นตายของเขาอีกต่อไป …
จากทั้งหมดที่ เขามีความแข็งแกร่งระดับเทพเชวียน จึงรู้ดีว่าการสังหารคนธรรมดา แม้นว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุ ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา และเข้าใจว่ามันง่ายดายเช่นไรสำหรับชายผู้มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ …
อย่างไรก็ตาม หากปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้เป็นเพื่อนกับสกุลจวิน จวินวูอี้จะได้รับประโยชน์อย่างมากมายจากการช่วยเหลือของชายผู้นี้ !
แต่กระนั้น วันนี้ก็เป็นวันที่สุดแสนเลวร้ายของผู้อาวุโสหก อย่างแรก สิ่งที่เขาดูถูกจวินวูอี้ได้กลับมาสู่ตัวเขาเองโดยการได้รับบาดเจ็บเพราะเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และจากนั้นบทเรียนที่เขาสั่งสอนจวินโม่เซี่ยด้วยความแข็งแกร่งอันเย่อหยิ่งของเขาก็ถูกส่งกลับมาโดยการประทับฝ่ามือสองรอยของ ปรมาจารย์ลึกลับใบหน้าของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ผู้อาวุโสหกก็ฝืนใจไม่ตอบโต้แม้นว่าจะต้องประสบกับการสบประมาทอย่างหนักที่สุดในชีวิตถึงสองครั้ง … เห็นได้ชัดว่าการเก็บโทสะในระดับนี้ของเขาไว้นั้นมิใช่เรื่องง่าย
” น้องหก ! “
ผู้อาวุโสร้องขึ้นขณะรีบเร่งพุ่งตัวไปยังผู้อาวุโสหก กระตุ้นเทพเชวียนของเขา เขากดบางสิ่งที่ผู้อาวุโสหกใส่ไว้ที่หน้าอกและมันสงบลงในทันใด ลำแสงสีขาวเปล่งออกมาจากออกมาจากอกของผู้อาวุโสหก และมันได้ปกคลุมตัวของเขาไว้
ผู้อาวุโสสามถอนหายใจขณะเห็นสิ่งนี้ และยืนขึ้นอีกครั้ง เขาตระหนักได้ว่า เลือดและปราณเชวียนของผู้อาวุโสหกนั้นเริ่มพุ่งพล่านจากโทสะที่อยู่ในใจของเขา ซึ่งทำให้สถานการณ์นั้นวิกฤตอย่างมาก !
หากเขาทำการรักษานี้ไม่ทันเวลา ผู้อาวุโสหกคงจะต้องตายลงไปก่อนจะกลับไปถึง หอมณีวิจิตร เป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงยื่นมือเข้าไป และกระทำสิ่งต้องห้าม !
ยอดฝีมือเทพเชวียน สิ้นลมด้วยโทสะนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน !
” เขาตายไม่ได้ ! ”
ดวงตาของชายหน้ากากดำฉายแววว่า เป็นเช่นนั้น ขณะที่เขามองไปยัง หมอกที่โปร่ง สีขาว หน้าแน่น ส่องประกายอยู่รอบๆร่างของผู้อาวุโสหก ก่อนเอ่ยขึ้นมาอย่างเยือกเย็น
” นี่เรียกว่า ผลของกรรม จากกฏสวรรค์ เราจักต้องเตรียมพร้อมสำหรับคำสบประมาทของผู้อื่น เมื่อเราไปดูแคลนใครบางคน ! เรื่องนี้จึงไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงเนื่องจากเจ้าไม่คู่ควรกับข้า แต่ยอดฝีมือจากเมืองสีเงินของเจ้ายินดีที่จะตามมาก่อปัญหาให้ข้า หากเจ้าไม่เป็นด้วยกับการกระทำของข้า ! ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาติให้ไปเที่ยวทำตามอำเภอใจราวกับพวกเขาเป็นพรที่เกิดมาเพื่อโลกนี้ ทุกคนจะต้องมีสิ่งที่ต้องชดใช้ ! ”
” ข้าไม่รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากมันเป็นการตัดสินใจของ ผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองสีเงิน … ”
ผู้อาวุโสสามยืนขึ้นช้าๆขณะประกายแห่งโทสะอัดแน่นอยู่ในแววตาของเขา
” แต่กระนั้น ข้าขอให้ท่านบอกชื่อของท่านมา และข้าจะให้คำอธิบายที่เหมาะสมกับเหตุการณ์นี้แก่เมืองสีเงิน ! ”
” คำอธิบาย ? เจ้าเชื่อจริงๆหรือว่าเจ้าสามารถออกไปจากที่นี่ได้หากข้ายังมิได้ปลดปล่อยโทสะ ? ”
ชายหน้ากากดำหัวเราะ และจากนั้น ร่างของเขาค่อยๆหายไปจากจุดที่เขายืนอยู่ในทันที และกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของผู้อาวุโสหก ดูเหมือนว่าคว้าบางสิ่งอย่างไป จากนั้นจึงหายไปในอากาศราวกับหมอกควัน …
แต่มีเสียงดังออกมาจากร่างอันเลือนรางก่อนที่มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
” กลับไปถาม ฮั่นเฟิงฉือ ว่าเขามีความสุขมากนักหรือจากการพรากคู่รักให้จากกัน และทำลายความสุขของหลานสาวของเขา ? ฮ่า ฮ่า … … ”
ในที่สุดเสียงหัวเราะก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับร่างของชายลึกลับขณะม่านหมอกแห่งความมืดค่อยๆคืบคลานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดูราวกับว่าชายหน้ากากผู้นี้ได้คว้าเอาแสงสว่างสุดท้ายของโลกนี้ไปกับเขาด้วย
” นายท่าน ได้โปรดทิ้ง หยกเสริมวิญญาณ ของสกุลเซี่ยวไว้เบื้องหลังด้วยเถิด ! ”
ผู้อาวุโสสามตะโกนออกไป แต่กลับมิได้ยินสิ่งใดกลับมานอกจากเสียงสะท้อน เนื่องจากชายหน้ากากดำได้มะลายหายไประหว่างสวรรค์และโลกเสียแล้ว …
สิ่งที่ชายหน้ากากดำความเอาไปจากคอของ ผู้อาวุโสหกนั้นคือ จี้หยก ! ยิ่งไปกว่านี้ สมบัติอันล้ำค่านี้มีเพียงอีกสองชิ้นในเมืองสีเงินเท่านั้น ! นอกจากนี้ เมื่อพูดถึงสกุลเซี่ยว สิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตของพวกเขา !
บรรพบุรุษของสกุลเซี่ยวได้พบหยกที่อบอุ่นและแปลกประหลาดชิ้นนี้ในภูเขาที่มีหิมะปกคลุม เมื่อสวมใส่มันบนร่างกาย หยกชิ้นนี้จะป้องกันบาดแผลบนร่างของผู้สวมใส่จากอันตราย แม้นว่าหัวใจของผู้สวมใส่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก็หมายความว่า ยังสามารถพาคนผู้นั้นให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ! ไม่มีผู้ใดรู้ถึงที่มาและความลึกลับที่อยู่เบื้อหลังหยกชิ้นนี้ !
หยกชิ้นนี้ถูกตัดแบ่งเป็นสาม และมีเพียงผู้ที่มีความสามารถสูงในสกุลเซี่ยวเท่านั้นที่จะได้รับมันมาสวมใส่ ซึ่งผู้อาวุโสหกมีมันอยู่หนึ่งชิ้น ชิ้นที่สองได้มอบให้แก่ ทายาทคนสุดท้ายของสกุลเซี่ยว เซี่ยวเฟิงวู และชิ้นสุดท้ายนั้นอยู่กับ องค์หญิงน้อย ฮั่นหยานเมิง เนื่องจากชีวิตของเด็กทั้งสองนี้จะตกอยู่ในความเสี่ยงไม่ได้ !
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเครื่องรางหยกชิ้นนี้ จะถูกคว้าไปก่อนที่มันจะได้ใช้ประโยชน์ !
ยิ่งไปกว่านี้ ผู้ใดจะคาดว่าผู้ที่ทรงพลังและไม่มีผู้ใดเทียบได้นี้จะขโมยสิ่งของล้ำค่านี้ไปราวกับอาชญกรรมธรรมดา …
น่าสมเพช ! ข้าไม่เคยเห็นผู้ที่สามารถพูดถึงตัวเองอย่างสง่าเช่นนี้ กลับกระทำในสิ่งที่น่ารังเกียจได้อย่างไร้ยางอาย
ชายผู้นี้ช่างต่ำทรามยิ่งนัก !
ผู้อาวุโสสาม ถ่มน้ำลายอย่างฉุนเฉียว
ผู้มีฝีมือเช่นนี้เป็นหัวขโมย …
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้เลยว่า ปรมาจารย์ซึ่งหาผู้ใดเปรียบไม่ได้นี้ จะไม่ขโมยเครื่องรางหยกนี้ หากเขารู้ถึงความสำคัญของมัน ไม่ว่าเขาจะมีโทสะมากมายเช่นไร จวินโม่เซี่ยจะไม่กล้าเสี่ยงภัยเช่นนี้ หากเขารู้ว่าการกระทำของเขาจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้กลับมา …
เพราะ สิ่งที่เรียกว่า ปรมาจารย์ที่หาผู้ใดเปรียบไม่ได้ นี้จะได้รับการเปิดโปงในทันทีหากทั้งสามพยายามขัดขวางเขา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันทำให้เขาหนีไปได้ไกล ไกลโพ้นพร้อมกับสิ่งที่ซุกอยู่ระหว่างขาของเขา …
แต่กระนั้น ผู้อาวุโสสามก็ได้พบว่าตัวเองสับสนอย่างสิ้นเชิง
กระนั้น เขาก็ยังเป็นสมาชิกชั้นสูง แห่งเมืองพายุหิมะขาว แต่ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นผู้อาวุโส และแม้นว่าเขาจะไม่รู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตทั้งหมด แต่เขายังอยู่ข้างเดียวกับเมืองภายุหิมะขาว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม !
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวได้แสดงตัวว่าเขานั้นยืนอยู่ข้างสกุลจวิน และแม้ว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะเป็นฝ่ายตรงข้ามที่รับมือได้ยาก แต่เขาก็มิใช่ผู้ที่เป็นที่สุด
แต่มากกว่านั้น วันนี้พวกเขาได้วิ่งเข้าใส่คนลึกลับที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ผู้ที่ดูเหมือนจะหนุนหลังสกุลจวินอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของผู้ที่ลึกลับนี้น่าเกรงกลัวยิ่ง น่าเกรงกลัวมากพอจะทำให้ผู้อาวุโสสามสิ้นหวัง จึงไม่ต้องพูดสิ่งใดอีกแล้ว เพียงแค่ท่าทางที่เขาโจมตีผู้อาวุโสหกก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนหวาดกลัวเกินกว่าสิ่งชั่วร้ายในตำนานแล้ว !
ก่อนหน้านี้ สกุลจวินนั้นอ่อนแออย่างมาก แต่ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ในตอนนี้พวกเขามีผู้แข็งแกร่งทั้งสองนี้หนุนหลังอยู่ ยิ่งไปกว่านี้ ความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างสกุลจวินและเมืองสีเงินนั้นยิ่งทำให้ปวดหัว !
ข้าเชื่ออย่างมากว่าสกุลเซี่ยวจะไม่ปล่อยให้สกุลจวินลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง ! พวกเขาทนกับสกุลจวินกระทั่งตอนนี้ เพราะพวกเขารู้สึกว่าสกุลจวินั้นอ่อนแออย่างมาก และไม่มีค่าพอคู่ควรกับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น ก๊กอันแข็งแกร่งทั้งสองแห่งเมืองสีเงินจึงได้เผชิญกับมุมมองที่ตรงข้ามกัน และนี่ทำให้เกิดการแตกแยกของก๊กภายในเมืองพายุหิมะขาวครั้งแรกในชั่วเวลาหลายร้อยปี เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการเติมเชื้อให้กับความรุนแรงของสถานการณ์นี้ !
ตอนนี้ สกุลจวินได้ยกระดับพวกเขาขึ้นมา สกุลเซี่ยวจะไม่พยายามกำจัดพวกเขาไป ! ความจริงการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของ ผู้อาวุโสสูงสุด อาจจะไม่ได้รับการขัดขวางใดๆจาก ผู้นำนคร !
กระนั้น มันจะเป็นความยากลำบากหาก ผู้อาวุโสสูงสุด กระทำการอย่างผลีผลาม และยั่วยุเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว แต่ข้ากลัวว่าพวกเขาอาจจะยั่วยุผู้ที่พวกเขามิอาจเทียบได้ หากเขาก่อกวนปรมาจารย์ที่หาผู้ใดเปรียบไม่ได้และลึกลับผู้นี้ …
ยิ่งไปกว่านั้น หากดูจากกิริยาของปรมาจารย์ลึกลับผู้นี้ เขาเต็มใจจะทำทุกสิ่งตามประสงค์ของตัวเอง และหากผู้ที่ไร้ยางอายได้ครอบครองฝีมือและความแข็งแกร่งเช่นนี้ …
เขาอาจจะปวดหัวเกินกว่าจะวัดได้
ผู้อาวุโสหกสูดหายใจลึก จ่อมจมอยู่กับความวิตกกังวล