ในอีกมุมหนึ่ง ความคิดของมูซื้อทงและองค์หญิงน้อย นั้นต่างออกไป พวกเขามีความสุขกับจวินวูอี้และฮั่นหยานโย่ว คู่รักทั้งสองจำต้องแยกจากกันเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ถูกบังคับให้ต้องทนกับความยากลำบากมากมายนับทศวรรษ … แต่ตอนนี้พวกเขามีสองผู้ทรงพลังหนุนหลัง ในที่สุดพวกเขาจะได้กลับมาอยู่ร่วมกันและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง !  ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขอย่างที่สุด !

สิ่งแรกที่ ผู้อาวุโสสามทำหลังจากกลับไปถึง หอมณีวิจิตร คือการเขียนจดหมายร่ายยาวเพื่ออธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหลายวันที่ผ่านมา  จดหมายนั้นส่วนใหญ่คือความคิดเห็นส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับปัยหาของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว รวมไปถึง ปรมาจารย์ลึกลับที่หาผู้ใดเปรียบไม่ได้ หลังจากเขียนรายงานสิบสองหน้ากระดาษเสร็จเขาจึงผูกมันไปกับอินทรีย์สื่อสาร จากนั้นเขาจึงยืนบนหลังคาของ หอมณีวิจิตรอยู่ลำพัง เฝ้ามองความมืดและขะมุกขะมัวของท้องฟ้าอย่างเงียบๆ  อดถอนหายใจเนื่องจากมองเห็นพายุที่กำลังจะพัดมาทางพวกเขาไม่ได้ !

ข้าไม่รู้เลยว่าจะมีผู้คนมากมายเพียงใดที่ต้องตายลงไปหลังจากได้เผชิญกับพายุนี้ !

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนนี้ หยกเสริมวิญญาณ  ของสกุลเซี่ยวได้ถูกแย่งชิงไป !  นี่คือของสิ่งหนึ่งที่พวกเขามิอาจจะสูญเสียได้ !  และในตอนนี้พวกเขาจะไปทุกสารทิศเพื่อยึดมันกลับมา !

อย่างไรก็ตาม เวลานี้เครื่องรางหยกได้ตกไปอยู่ในมือของชายหน้ากากดำลึกลับ !

ดังนั้น พวกเขาจะเอามันกลับมาได้อย่างไรกัน ?  หากแม้นพวกเขารวบรวมยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองสีเงิน ซึ่งมากฝีมือในการปล้นสะด้ม ก็อาจไม่รอดกลับมาจากการต่อสู้นั้นได้ !  พวกเราอาจจะจบลงด้วยการแผดเผาหยกเช่นหินธรรมดา …

อินทรีย์สื่อสารอีกสองตัวซึ่งมีสารผูกไว้ถูกส่งตัวออกไปยังทิศทางของเมืองสีเงินเช่นกัน สารเหล่านี้เป็นข้อความจาก มูซื้อทง และ องค์หญิงน้อย ฮั่นหยานเมิง ตามลำดับ ซึ่งพวกเขาส่งไปยังคนเพียงผู้เดียว ฮั่นหยานโย่ว !

หญิงสาวผู้นั้นได้สูญเสียความเป็นเด็กไป ซึ่งวันนึงนางจะได้กลายไปเป็นสะใภ้สกุลจวิน

ข้าไม่อาจคิดเลยว่าข่าวคนรักของนางจะทำให้หัวใจของนางมีความสุขได้เพียงใด …

” อะไรนะ ?! ”

เสียงก้าวเท้าเต็มไปด้วยโทสะของ เซี่ยวฮั่น ถูกกลบไปด้วยเสียงคำรามด้วยความโกรธ

” การบาดเจ็บของจวินวูอี้ได้รับการรักษาแล้วอย่างนั้นหรือ ?  เป็นไปได้อย่างไรกัน ?  เขาฟื้นตัวได้อย่างไร !  ไร้สาระ !  ข้าจักไม่ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ! ”

ผู้อาวุโสสามหลับตา 

 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า เซี่ยวฮั่น !  แล้วตอนนี้เจ้าจะทำเช่นไร ?

ขณะความมืดยามค่ำคืนย่างกรายขึ้นสู่ฟากฟ้า เหล่าแกนนำของ ก๊กจินหยางมุ่งหน้าผ่านเมืองเทียนเชียงตรงไปยัง ค่ายใหญ่ อย่างรวดเร็ว

แกนนำ ก๊กจินหยาง รู้กันในนาม ผู้เรืองปัญญาจินหยาง ซึ่งสามารถเรียกประชุมได้โดยคำสั่งของผู้นำก๊กเท่านั้น  วัตถุประสงค์ในการเรียกประชุมนั้นไม่ใช่เพียงช่วยเหลือ ผู้นำก๊ก แต่ยังรวมถึงการที่ ก๊กต้องเผชิยกับสถานการณ์เป็นตายด้วย  นี่คือครั้งแรกที่มีการเรียกประชุมเกิดขึ้น ความจริง การเรียกประชุมไม่เกิดขึ้นแม้ต้องเผชิญกับอำนาจที่คาดไม่ถึงเช่นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว

จึงพูดได้ว่า จิ้นเฟิงเล่ย งดเว้นการดำเนินการนี้เนื่องจากความแข้งแกร่งของ อาวุโสผู้นั้น น่าเกรงกลัวเกินกว่าเหล่าแกนนำจะรับมือได้ ยิ่งไปกว่านั้น การพาพวกเขาออกมาก็มิได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง และด้วยเหตุนี้เขาจึงพบว่ามันเหมาะสมกว่าที่จะหันไปหาพี่ชายของเขา พี่ไฮ่ แต่กระนั้น สถานการณ์นี้แตกต่างออกไป …

ชายชุดสีฟ้ายืนอยู่บนแท่นพร้อมด้วยมือไพร่หลัง ท่าทางของเขาสงบนิ่งราวกับมหาสมุทร หากแต่ความแข็งแกร่งนั้นสูงส่งเยี่ยงขุนเขา ขณะยืนรอ ผู้เรืองปัญญาจินหยาง มารวมตัวกัน ด้วยความอดทนราวกับท้องทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด  จิ้นเฟิงเล่ย ผู้นำก๊กจินหยางนั่งอยู่ด้านหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง  เขาสามารถสัมผัสได้ว่า ทัศนะของพี่ชายและผู้มีบุญคุณของเขาได้เปลี่ยนไปนับแต่กลับมา

เขาเต็มไปด้วย … ความก้าวร้าว !  ราวกับว่า … มีความปราถนาครอบงำ !

ซึ่งมันแตกต่างจากเขาแต่ก่อน ซึ่ง ไม่สนใจโลก …

บางที นี่อาจจะเป็นเหตุที่ พี่ไฮ่ ร้องขอการควบคุม ก๊กจินหยาง !

และ สิ่งที่แปลกประหลาด คือ เขาเรียกรวม ผู้เรืองปัญญาจินหยาง …

จิ้นเฟิงเล่ย ยืนด้วยควาหม่นหมองบนใบหน้า ขณะเห็นแกนนำนับสี่สิบมุ่งหน้าเข้าโถงมาทีละคน หลังจากโบกมือ กลุ่มคนเหล่านั้นเงียบลงทันที และเพ่งมองมาเพื่อรอให้เขาพูดขึ้น

” วันนี้ ผู้ทรงอำนาจได้เรียกรวมตัวพี่น้องทั้งหลาย เพื่อเป็นพยานในการประกาศเรื่องสำคัญนี้ ! ”

แววตาที่คมกริบและเยือกเย็นของ จิ้นเฟิงเล่ย ค่อยๆมองหน้าทุกคนที่อยู่ในที่นี้

” จากวันนี้เป็นต้นไป ก๊กจินหยาง ของเราจะไม่เพียงแต่ยินดีกับการมีผู้นำคนใหม่ พี่ไฮ่ แต่ยังเริ่มรวบรวมพันธมิตรใต้ดินในเมืองหลวงอีกด้วย  พวกเรารู้จักพี่ไฮ่ ไฮ่เฉินเฟิง และเหตุนี้ข้าจึงรู้สึกไม่จำเป็นต้องแนะนำเขา  พี่ไฮ่และข้าไม่เคยแบ่งแยกกัน สถานะของเขาในก๊กจินหยางนั้นสูงส่งกว่าข้าเสมอ แต่จากวันนี้ไป พี่ไฮ่จะเป็นผู้สั่งการและรับตำแหน่งผู้นำก๊ก !  เขาจะเป็นผู้บัญชาการตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ! ”

หลังการประกาศของเขามีความเงียบขึ้นขึ้นในทันที

จิ้นเฟิงเล่ย รออย่างเงียบๆชั่วขณะหลังจากประกาศออกไป แต่จากนั้นเขาจึงเริ่มก่อนเนื่องจากไม่มีผู้ใดพูดขึ้นมาเลย

” มีผู้ใดเห็นต่างหรือไม่ ? ”

มือของ ไฮ่เฉินเฟิง ยังคงไพร่หลังขณะการกระกาศนี้ดำเนินไป ขณะดวงตาเขาเพ่งมองทุกคนที่อยู่ตรงหน้า 

 คนเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นแกนหลักของ ก๊กจินหยาง … แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งก้อนหิน …

” ข้ามีความคิดเห็นบางอย่าง ! “​

ชายตัวใหญ่กำยำเดินหน้าขึ้นจากฝูงชน

” ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ใหญ่จึงตัดสินใจเช่นนี้ ?  ความสามารถในการต่อสู้ของพี่ไฮ่นั้นเป็นหนึ่งและไร้ผู้ใดเทียบ และพวกเรายกย่องเขาในเรื่องนั้น แต่ แขกของก๊กจะสามารถเติมเต็มตำแหน่งผู้นำก๊กได้หรือ ?  พวกเรามีการเปลี่ยนแปลงการควบคุมเพื่อสิ่งใด ?  ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายได้เช่นไร แต่พี่ไฮ่นั้นมิได้อยู่ในรากฐานของก๊กมาเสมอ อย่างไรก็ตาม สถานะของเขาในก๊กก็ได้รับการเคารพเสมอเนื่องจากเขาได้ช่วยเหลือก๊กจากปัยหาภายนอกมาตลอด … แต่เหตุใดเจ้าจึงต้องการให้เขาเข้ามาควบคุมจัดการ ? ”

” ก๊กเหล่าใหญ่ๆทั้งหลายในเมืองหลวงกำลังรวบรวมยอดฝีมือ และพูดได้ว่าพายุกำลังจะพัดมาที่พวกเรา ดูเหมือนว่าสกุลใหญ่ๆต่างกำลังมีการเคลื่อนไหวถึงแม้นว่าพวกเราจะได้รับการติดต่อเพื่อเป็นพันธมิตรจาก สกุลมูล่ง สกุลลี่และสกุลซ้ง …   เจ้าเชื่อมากเพียงใดว่าเจ้าจะสามารถพาพวกเราออกจาพายุนี้ไปได้ ?  แม้นก๊กจินหยางจะเรียกได้ว่ามิอาจแตะต้อง พวกเราก็มิอาจทำอันใดได้ต่อหน้าสกุลเหล่านี้ เนื่องจากพวกเขาสามารถทำลายก๊กจินหยางทั้งหมดได้ก่อนแสงแรกจะปรากฏ … ข้าควรทำสิ่งใดเมื่อต้องเผชิญกับอนาคตเช่นนี้ ? ”

จิ้นเฟิงเล่ยถอนหายใจ

” พวกเรานั้นมิอาจแตะต้อง กระนั้นยังมีบางคนที่ยังคงก่อกวนพวกเรา !  พี่ไฮ่จะแบกรับความรับผิดชอบนี้ในการนำพาพวกเราไปสู่สิ่งที่พวกเรายังไม่มีในตอนนี้  พวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าพวกกับสกุลใด พวกเราไม่ต้องการเป็นหมาล่าเนื้อของพวกเขา และพวกเราจะต้องอยู่รอดต่อไป  ข้าอาจะดำรงตำแหน่งผู้นำของก๊กจิงหยาง แต่กระนั้น พี่ไฮ่คือผู้นำที่แท้จริงมาตลอด แม้ว่าเขาจะอยู่ในนามแขกก็ตาม  แต่เนื่องจากมันไม่เป็นการสมควรและยุติธรรม ข้าจึงตัดสินใจสละตำแหน่ง และยกมันให้กับเขา  ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง ? ”

ริมฝีปากของชายกำยำผู้นำเคลื่อนไหวอย่างเงียบเฉียบอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาถอยกลับไปยังตำแหน่งของตัวเองในที่สุดโดยไม่เอ่ยสิ่งใดเลย

” ข้ามีความเห็น ! ”

ชายผอมแทรกตัวออกมาจากกลุ่มคน ผลักผู้อื่นไปด้านข้าง

” ความแข็งแกร่งของก๊กในเมืองหลวงนั้นขึ้นอยู่กับกองกำลังทั้งหมดของพวกเราเสมอ มิใช่กำลังพลเพียงน้อยนิด  หากก๊กจินหยางอยากขึ้นมาทรงพลังอีกครั้ง พวกเราจะไม่สามารถอยู่รอดได้นานด้วยความแข็งแกร่งของพวกเราในตอนนี้ ความจริง พวกเราไม่สามารถประกันได้ว่าจะรอดไปได้ในวันหรือสองวัน !  ดังนั้น เหตุใดพวกเราจึงไม่เลือกสกุลที่ทรงพลังสักสกุล และตราบใดที่พวกเราสามารถรับเงื่อนไขของพวกเขาได้ การเป็นพันธมิตรกับพวกเขาในขณะที่ยังคงรักษาผลประโยชน์หลักเขาเราเอาไว้ได้ พวกเราจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพวกเขาอย่างสมบูรณ์  และเส้นทางนี้ พวกเราจะมีผู้อุปถัมภ์ที่แข็งแกร่ง และยังสามารถช่วยเหลือกันและกันได้ในเวลาที่ต้องการ ท่านพี่ โปรดบอกข้าเถิดความคิดใหนดีกว่ากัน ?  เหตุใดพวกเราจึงต้องปกป้องที่มั่นเล็กๆจากปัญหาที่หนักหน่วงเช่นนี้ด้วย ? ”

” แล้ว ผู้ใดคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด และเหมาะสมในความคิดของเจ้า ? ”

มือของไฮ่เฉินเฟิงยังคงไขว้อยู่ด้านหลังขณะเสียงของเขาพุ่งผ่านโถงไป

” สกุลมูล่ง และสกุลลี่นั้นเหมาสมกับพวกเรา ในความคิดอันต่ำต้องของข้า !  เพียงแค่นี้ ข้าไม่สามารถพูดเช่นนี้ได้ในเรื่องของการดิ้นรนเพื่ออยู่รอดเนื่องจากมันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไร้ประโยชน์ ! ”

ชายผอมเอ่นเสียงดัง

ร่างสีน้ำเงินหันและพุ่งตรงไปทันที การเคลื่อนไหวของเขาดูคล้ายระรอกคลื่นในมหาสมุทร

ปั้ง !

อกของชายผอมผู้นั้นโดนโจมตีด้วยฝ่ามือของ ไฮ่เฉินเฟิง และร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศในขณะที่อวัยวะภายในของเขาห้าอย่างในหน้าอกทะลักออกมาในทันที ร่างของเขายังไม่ทันร่วงลงมาบนพื้นในตอนที่มันระเบิดออกเป็นชิ้นๆกลางอากาศ

เขาได้ตายไปแล้ว แม้นว่าซากศพอันน่าสังเวชของเขาร่วงหล่นลงบนพื้น !

” ผู้ที่เกิดขึ้นมาระหว่างโลกและสวรรค์ ผู้ใดพึ่งจมูกคนอื่นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดนั้น ก็เหมือนกับตายไปแล้ว ! “

ไฮ่เฉินเฟิงหันมองไปยังกลุ่มคนในทันที

” หากเจ้าอยู่อย่างหวาดกลัว เจ้าไม่คู่ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของก๊กจินหยางของข้า !  หากเจ้าแอบรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น เจ้าก็ไม่คู่ควรจะยืนอยู่ที่นี่ !  ตอนนี้บอกข้า มีผู้ใดอีกไหมที่มีความเห็นอื่น ? ”

” พวกเราจะอยู่และตายด้วยกัน ดังนั้นพวกเราสามารถสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับพี่น้องก๊กจินหยาง นั่นคือเส้นทางที่จะก้าวไป ! ”

แววตาอันเยือกเย็นของไฮ่เฉินเฟิงเพ่งมองไปยังกลุ่มคนด้วยความละเอียดราวอินทรีย์

” จากนี้ไป ข้าเป็นผู้นำคนใหม่ของก๊กจินหยาง !  ทุกคนมีเวลาหนึ่งวันให้พิจารณาก่อนจะกลับมาหาข้า !  หากเจ้าต้องการอยู่ จงทำตามที่ข้าพูด !  ก๊กจินหยางจะเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในวันพรุ่งนี้ !  และห้ามมีผู้ใดขัดขวาง ! ”

” ผู้ใดฝ่าฝืนกฏจะต้องตาย ! “

ในที่สุดไฮ่เฉินเฟิงได้เผยถึงความก้าวร้าวและความแข็งแกร่งของเขา !  ในตอนที่ชายผอมคัดค้านคำสั่งของไฮ่เฉินเฟิง เขาก็ได้คัดค้านคำสั่งของเขาไปด้วยแม้นว่ายังไม่ได้ยอมรับความช่วยเหลือจากสกุลใดๆก็ตาม !  การนองเลือดเป็นสิ่งสำคัญเสมอเมื่อมีการแปรเปลี่ยนโครงสร้างของอำนาจ !

ชายผู้นั้นเพียงแค่โชคร้าย !

ทุกคนต่างแยกย้ายขณะ ค่ำคืนย่างกรายเข้าสู่เมืองเทียนเชียง พวกเขาทั้งหมดยังคงสั่นกลัวเนื่องจากได้รู้เห็น ถึงความน่ากลัวจากร่างของชายผอมที่ต้องแตกสลาย และมันทำให้พวกเขาออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

ในที่สุด ไฮ่เฉินเฟิง ก็ได้คุมบังเหงียนก๊กจินหยาง !  เห็นได้ชัดว่าขั้นตอนต่อไปคือการก้าวไปให้ถึงเป้าหมาย !

ในที่สุดไฮ่เฉินเฟิงก็ได้เริ่มก้าวแรก ก้าวแรกจากประสงค์ของ จวินโม่เซี่ย รวบรวมก๊กเหล่าใต้ดิน ! 

แต่กระนั้น มันเป็นเพียงแค่สิ่งเริ่มต้น !

ตะเกียงถูกจุดขึ้นตอนที่จวินโม่เซี่ยกลับไปถึงจวนสกุลจวิน

นายน้อยจวินนั้นเต็มไปด้วยพลังตลอดเส้นทางกลับ เนื่องจากเขาไม่เพียงแต่ตอบโต้ผู้อาวุโสหกได้สำเร็จ แต่ยังคว้าเอาจี้หยกลึกลับกลับมาด้วย !  อย่างไรก็ตาม ความสามารถที่แท้จริงของจี้หยกนี้ จวินโม่เซี่ยยังไม่ได้ตรวจสอบ

แต่เนื่องจาก เจดีย์หงษ์จวินตื่นตัวอย่างมากตั้งแต่หยกชิ้นนี้ปรากฏขึ้นมา ซึ่งทำให้จวินโม่เซี่ยเชื่อว่าของสิ่งนี้มิใช่ชิ้นหยกธรรมดา

เขารู้สึกได้ว่าหยกชิ้นนี้มิใช่หยกจริงๆ แต่เป็นบางสิ่งที่เขาไม่รู้จัก  จวินโม่เซี่ยโยนหยกชิ้นนี้ไปในเจดีย์หงษ์จวินหลังจากที่ขโมยมันมาได้ …

เมื่อมาถึงจวนสกุลจวิน จวินโม่เซี่ยได้รับรายงานว่าเขาได้รับการเรียกตัวให้ไปยังลายบ้านของจวินวูอี้โดยเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ผู้ที่กำลังรอการมาถึงของเขาอยู่  . เจ้าเด็กผู้นี้เป็นคนเช่นไร ?  ดูท่าจะไม่ดี … ดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดในบ้านพยายามยั่วยุเขาในตอนนี้ … พวกเขาคิดถูกที่เลือกคนเช่นนี้หรือ ? 

” เจ้าเด็กเลว !  ในที่สุดเจ้าก็กลับมาจนได้สินะ ?!  เจ้าลากข้ามาเผชิญกับปัญหาใหญ่ ! ”

เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กระโดดออกไป คว้าตัวจวินโม่เซี่ย และพาตัวเขาเข้าไปในห้องหนังสือ