เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว พ่นวาจาใส่ใบหน้าจวินโม่เซี่ย
” แม่เจ้า เจ้าหลอกให้อาวุโสผู้นี้มาอยู่ในจวนสกุลจวิน ด้วยวาจาเจ้าเล่ห์ของเจ้า ! แม้นว่ามันจะมีกับดักใหญ่เช่นนี้ซ่อนอยู่อย่างนั้นรึ ?! อย่างแรก คือเมืองพายุหิมะขาว และตอนนี้ยังมี คฤหัสน์ฉือฮั่น …. เจ้าเด็กเลว เจ้าคิดจริง ๆหรือว่า กระดูกแก่ๆและอ่อนแอ่ของข้าจะสามารถต้านทานสิ่งนี้ได้ ? เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ ? “
” บอกเจ้าก่อนหน้านี้ ? “
นายน้อยจวิน กระพริบตาขณะเขาแก้ตัว
” เจ้าคงหนีไปอยู่ที่ทุ่งหญ้านานแล้วหากข้าบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้ … เจ้าเจ้าจะยังอยู่ที่นี่ต่อจริง ๆหรือ ? เจ้าคิดว่าข้าโง่หรืออย่างไร ? “
” เจ้า … “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวดูเหมือสิ้นหวัง
ใช่เจ้านั่นมิได้โง่ เด็กน้อย ความจริงแล้ว เจ้านั้นฉลาดยิ่ง แต่ข้าก็มิได้โง่เช่นกัน
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวคงจะทิ้งหน้าที่ไปหลังจากประเมินสถานการณ์หากยังไม่ได้เห็นกระบานท่าอินทรีย์ของจวินโม่เซี่ย และพบกับปัญหาเหล่านี้แทนในวันนั้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่ต้องการล่าถอยแล้ว แม้นว่าเขาจักต้องเผชิญกับกับศัตรูผู้ทรงพลังทั้งสอง เนื่องจากเขาได้เห็นถึงเคล็ดวิชาที่เขาบอกได้ว่ามันคือ สุดยอดเคล็ดระดับโลก !
ข้าจักถือโอกาศนี้เป็นเรื่องตลกได้อย่างไรกัน ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าเด็กนี่มี ปรมาจารย์ผู้เป็นสุดยอดหนุนหลังอยู่ !
มันชัดเจนว่าแม้นเขาจะพูดความจริง ข้าก็ยังคงไม่สบายใจกับเรื่องนี้ หัวใจข้ามิอาจสงบลงได้หากเขายังคงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ … เพราะเขานั้นช่างเจ้าเล่ห์ ! และแม้นว่าผลประโยชน์นั้นช่างน่าอัศจรรย์ แต่ …
และท่าทางโอ้อวดในตอนที่เจ้าปิศาจน้อยพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้ข้าโมโหจริง ๆ !
” ข้าเข้าใจเด็กน้อย เมื่อไหร่ที่ปรมาจารย์ของเจ้าจะมาที่นี่? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวถาม
” อาวุโสผู้นี้ต้องการถกเรื่องของ คฤหัสน์ฉือฮั่น และ เมืองพายุหิมะขาว กับเขา “
หากเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวมั่นใจว่าปรมาจารย์ลึกลับจะหนุนหลัง เขาจะโยนปัญหาของเมืองพายุหิมะขาวและคฤหัสน์ฉือฮั่นทิ้งไป …
” อาจารย์ของข้า? “
จวินโม่เซี่ยเริ่มกระพริบตาอีกครั้ง
” เพราะตาแก่นั่นง่วนอยู่กับการไปเที่ยวรอบโลก จึงมิอาจระบุที่อยู่ของเขาได้ เขาเป็นมังกรที่หัวและหางไม่อาจบรรจบ และข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่เขาจะมา ? แต่ เขาจะมาหาข้าเสมอเมื่อข้าได้สำเร็จในงานที่เขามอบหมาย ! “
” เจ้าคิดหรือว่าข้าสามารถต่อสู้ในสมรภูมินี้ได้โดยลำพัง? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพ่งกลับไปที่เขาอย่างรวดเร็ว สั่นสะท้านไปทั้งตัว
” เจ้าจะโดดเดี่ยวได้อย่างไร? “
จวินโม่เซี่ยเบิกตาอย่างสับสน
น้ำเสียงของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวฟังดูหดหู่
” มีผู้ใดอีก ? คงมิใช่ ปู่และน้าที่อ่อนแอของเจ้า เพียงแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นยังไม่เพียงพอในการแทรงแซงข้อพิพาทระดับนี้ แล้ว หากยังมีอาจารย์ของเจ้า แล้วยังมีผู้ใดอีก ? “
” เจ้าพยายามพูดอะไร? เจ้าคิดว่าข้าไม่ร่วมด้วยหรือ ? “
จวินโม่เซี่ย ชี้นิ้วมาที่อกตัวเอง ดูเหมือนไม่เต็มใจละทิ้งความรับผิดชอบ
” ข้าจักต่อสู้เคียงข้างเจ้า ! “
” เด็กน้อย เจ้านั้นถือได้เพียงลมตด! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเศร้าลง
” แม้แต่ลมตดก็ยังมีเสียงเบาๆ แต่เจ้าไม่มีความสามารถแม้นจะทำเช่นนั้น ! เพียงแค่มีคนเป่าใส่หน้า เจ้าก็ตาย ! ทั้งเมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น ต่างมีเทพเชวียนนับสิบอยู่ในครอบครอง และสองกำมือของอาวุโสผู้นี้สามารถรับมือกับพวกนั้นได้แค่สอง นั่นหมายความว่าข้าสามารถรับมือกับยอดฝีมือได้ครั้งละสี่หรือห้าคน แล้วพวกเขาที่เหลือละ ? เจ้าจะปกป้องสกุลจวินของเจ้ากับพวกที่เหลืออย่างไร ? “
” เอาละ เพียงแค่เจ้าทำให้ดีที่สุด! “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียจริงจังขณะเขามองไปที่คางตัวเอง
” ข้า … แม่เจ้าเด็กน้อย ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว มิอาจะหักห้ามโทสะได้อีก ในที่สุดเขาสถบออกมา
” ความพยายามของข้าจักมีความหมายอะไร หากเจ้าไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง ? เจ้านี่ช่างโง่เง่าไม่มีผู้ใดเทียบได้จริง ๆ ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวกำลังจะหันหลังและจากไป
” อย่าได้กังวลไป เรือจะมุ่งหน้าไปข้างหน้าด้วยกระแสน้ำเมื่อมันไปถึงท่า และจะมีเส้นทางต่อไปเมื่อเราไปถึงภูผา “
จวินโม่เซี่ยพยายามสร้างความมั่นใจ
” แล้ว อะไรกันที่ทำให้เจ้าร้อนใจ ? “
” และจะเป็นอย่างไรหากมันไม่มุ่งไปข้างหน้า ? แล้วจะทำเช่นไร ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เบิกตากว้าง ดูราวกับมันจะดูดกลืนเขาลงไป . ข้าไม่เคยพบเจอคนไร้ประโยชน์เช่นนี้มาก่อน !
” จากนั้นมันก็จะถูกบดขยี้ ! “
คำพูดของ นายน้อยจวิน มิได้ช่วยให้โทสะของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวลดลงเลยแต่น้อย
” เจ้าไม่อายเลยหรือที่พูดว่ามันจะถูกบดขยี้ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวเพ่งมองกลับไป ไม่มีสิ่งใดที่เขาจะโต้เถียง … เขาเป็นดั่งสุนัขโง่ที่ไม่รู้เลยว่าการกินเม่นจะทำให้มันปวดท้อง …
” ข้ามั่นใจว่ามันจะไม่ถูกบดขยี้ แล้วเจ้าละ ? “
จวินโม่เซี่ยทำตาปรือราวกับคนใกล้ตาย
” อย่าลืมว่าเจ้าคือหนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ แม้ท้องฟ้าจะถล่ม เจ้าก็ยังสามารถยกมันขึ้นไปได้อย่างง่ายดาย และข้าเชื่อว่า ตราบใดที่เจ้ายังสามารถต่อตีได้ เจ้าก็จะสามารถเอาชนะความพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย หากเจ้าล้มเหลว อย่างน้อยเจ้าก็ยังสามารถหลอมรวมหยกและหินธรรมดาได้ และเจ้ายังสามารถโจมตีพวกเขาลึกถึงกระดูกได้ จากนั้นมันจะง่ายที่ข้าจะหาประโยชน์จากสถานการณ์นั้นได้ มิใช่หรือ ?! “
ทันใดนั้นเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวก็พบว่าเขาตกอยู่ที่นั่งลำบาก !
เขาตระหนักได้ถึงบางอย่าง
การเชื่อใจเจ้าเด็กนี่คือความผิดพลาดใหญ่หลวง !
เจ้าเด็กนี่วางแผนจะใช้ข้าเป็นเบี้ยล่าง จนกว่าเขาจะสามารถรับมือกับปัญหาหล่านี้ได้ …
คนน่ารังเกียจเช่นนี้มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างไรกัน ?
เขาเพิ่ง …
เขาเพิ่งจะได้เห็นความกระจ่างในวันนี้ !
” เด็กน้อย เจ้ารู้จักเมืองพายุหิมะขาวหรือไม่ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวยืนขึ้นด้วยความตั้งใจจะจากไป
.การอยู่ใกล้ๆเด็กนี่จะทำให้ชีวิตข้าพบกับความยุ่งยาก ! อย่างไรก็ตาม เขายังรู้สึกอยากจะกระทืบเขาก่อนจะจากไป
” เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกับ คฤหัสน์ฉือฮั่น ? เจ้ารู้บ้างหรือไม่ว่าพวกเขามีความสามารถเช่นไร ? ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงปากเก่งยิ่งนัก ! เด็กน้อย หากเจ้าไม่ทำเช่นนี้ แต่เจ้าถูกลิขิตมาให้ตายในไม่ช้านาน ! “
เห็นได้ชัดว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวต้องการจะจากไปโดดเร็วที่สุดหลังจากพูดจบ แต่เขารู้ว่าจวินวูอี้พักผ่อนอยู่ในลานบ้าน หลังจากที่สำเร็จการฝึกฝนตลอดวัน และจะไม่ปล่อยให้เขาจากไปอย่างง่ายดาย ไม่ว่าเขาจะยืนกรานขนาดใหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เขาไม่พอใจนายน้อยผู้นี้อย่างมาก
จวินโม่เซี่ยไม่ชอบที่จะเห็นความก้าวร้าวบนใบหน้าของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว และด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้พูดคุยกับเขาด้วยท่าทางที่เหมาะควร แต่หลังจากได้ยินน้ำเสียงของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เขาตระหนักได้ว่าชายผู้นั้นได้รู้เรื่องภายในมามากแล้ว แต่กระนั้น หากเทียบกับความคาดหวัง นายน้อยจวิน อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เนื่องจากรู้ว่าเขาสามารถ ใช้ข้อดีนี้ได้ หากเขาได้แบ่งปันข้อมูลแก่ชายผู้นี้อีกหน่อน
” บางทีข้าอาจจะไม่เข้าใจเรื่องนั้น แต่ เมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น นั้นททรงพลังยิ่งจนแม้แต่หนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ ก็ยังกลัวที่จะยืนหยัด ? “
นายน้อยจวิน เปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิงขณะพูดต่อด้วยสีหน้าที่จริงจังและจริงใจ
” หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่สนใจการแยกตัวออกไปของเจ้า หรือผู้ใดก็ตาม แต่กระนั้น หากเจ้าเห็นเช่นเดียวกับข้า … ข้าจะต้องเกรงกลัวผู้ใดเมื่อเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวผู้โดดเดี่ยวนั่งอยู่ภายในบ้านของข้า ? ฮ่าฮ่า … นั่นจึงเป็นเหตุว่าทำไมข้าจึงมั่นใจยิ่งนัก ! “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว กำลังจะเดินออกไปในตอนที่เขาตระหนักได้ว่า
ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเจ้าเด็กนี่จึงดูมั่นใจมาตลอด เขาใช้ข้าเป็นเพียงมายา คำพูดของเขามีเหตุผลยิ่งนัก … มีผู้ใดต้องกลัวหากหนึ่งในแปดยอดปรมาจารย์กำลังดูแลเขาอยู่ ? ไม่น่าแปลกใจเลย…
เขาใช้เพียงชื่อเสียงของข้า !
กระนั้น เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว ยังคงหงุดหงิดเล็กน้อย
เขาใช้ชื่อเสียงของข้ามาตลอด และนั่นทำให้เขามั่นใจอย่างมาก ? … ไม่แปลกที่เขากระโดดไปมาโดยไม่สนใจโลกยิ่งไปกว่านั้น เขากล้าเผชิญหน้ากับ เมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น…
อย่างไรก็ตาม มันจะเป็นการยากหากเขายังคงความคิดนี้ต่อไปเป็นเวลานาน
หัวของ เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว อัดแน่นไปด้วยความคิด และตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า
สกุลจวินนั้นได้รับความสะดวกสะบายอย่างมาก เนื่องจากเขากำลังปกป้องพวกเขาอยู่ หาก เมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น มาหาพวกนี้ พวกเขา … จะยังทำให้สกุลจวินบอบช้ำอยู่อีไหม ?
ไม่มีทาง พวกเขาจะไม่มา เพราะชื่อเสียงของข้านั้นกระฉ่อน !
” เด็กน้อย ข้าอาจจะเป็นหนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ แต่ความสามารถในการเพิ่งกำลังพลของข้านั้นน้อยมาเสมอ “
น้ำเสียงของเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวผ่อนลงอย่างมีนัยยะ แต่ดวงตาของเขาดูคล้ายกับลูกแกะที่สับสน แม้นว่าเขายังคงมีโทสะ แต่ชัดเจนจากน้ำเสียงของเขาว่าไม่มีความหยิ่งยโสอกีแล้ว ซึ่งชัดเจนว่าคำพูดของจวินโม่เซี่ยส่งผลกับเขาอย่างมาก
” นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด “
จวินโม่เซี่ยพูดต่อน้ำน้ำเสียงจริงใจ
” เจ้าเห็นไหม แม้ว่า เมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น ก็ยังได้รับความคุ้มครองจาก หนึ่งใน แปดยอดปรมาจารย์ แต่ข้างสงสัยว่า สองคนนั้นจะลดสถานะตัวเองลงและมาต่อกรกับสกุลจวินเป็นการส่วนตัว … และเจ้าเชื่อจริง ๆหรือว่าพวกเราไม่สามารถต่อกรกับผู้อื่นได้ ตราบใดที่สองคนนั้นยังไม่เข้ามาก้าวก่าย ? โดดเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเจ้าอยู่ที่นี่ ? “
เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เบิกตากว้างขณะพยักหน้าและยิ้ม ก่อนพูดขึ้น
” นั่นมีเหตุผล หากเจ้ากัน ลีจื้อเทียน แล ฮั่นเฟิงฉือ ให้อยู่ห่างๆ คนอื่น ๆก็เป็นเพียง … ฮี่ ฮี่ … ไก่น้อยในสายตาของข้า … แม้แต่เทพเชวียนของพวกเขา ก็ไม่เว้น เพราะพวกเขานั้น อ่อนแอเกินไป … “
จวินโม่เซี่ยเอ่ยปากไปด้วยหวังว่าจะนำพาชายผู้นี้กลับมาสู่ความเป็นจริง แต่ผลลัพธ์กลับตรงข้ามกับสิ่งที่ตั้งใจ …
จริง ๆแล้ว … นี่ควรจะเป็นเวลาที่เจ้ากระทำตัวหยิ่งยโสอย่างที่สุดมิใช่หรือ ? อย่าสำคัญตัวเองมากไป เรื่องนี้คือความเป็นตาย รีบตื่นขึ้นมาสู่ความจริงได้แล้ว !
” แน่นอน แล้วเราจะต้องกลัวสิ่งใด ? แม้นว่าพวกเขาจะมาที่นี่ด้วยกัน พวกเขาก็ยังคงพบว่าตัวเองตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล ตราบใดที่เจ้ายังอยู่กับพวกเราที่นี่ ! เจ้าคือผู้ค้ำจุนสกุลจวิน และมิอาจทำลายได้ ตราบใดที่เจ้าต้อบโต้ มันก็เป็นเพียงการโยนหิน … ใส่ไข่ เจ้าเป็นดั่งค้อน ที่ฟาดลงไปยังยุงตัวน้อย … “
” ไม่ ไม่ ไม่ มิใช่เช่นนั้น “
แม้นว่าเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวจะมีนิสัยอวดดี แต่เขาก็มิได้อวดดีมากพอจะใช้เพียงความแข็งแกร่งของเขาต่อกรกับ เมืองพายุหิมะขาว และ คฤหัสน์ฉือฮั่น
” ความแข็งแกร่งอื่น ๆของพวกเขานั้นมิอาจะมองข้าม มันยังคงยุ่งยากสำหรับข้าที่จะรับมือกับพวกเขาด้วยตัวข้าเอง “
เจ้ากลัวว่ามันจะยุ่งยากสำหรับเจ้า ? เจ้ามิอาจะเทียบพวกเขา !
นายน้อยจวิน แสงดท่าทางกลั้นอาเจียน ขณะเขายิ้มอย่างไร้เดียงสา
” ข้าคิดว่า … เจ้าสามารถ ! ดั่งเช่นวันนี้ พวกเขามิได้สงบลงหลังจากเจ้ายื่นมือเข้ามาหรอกหรือ ? เจ้าไม่สามารถรับมือกับเทพเชวียนหลายคนได้อย่างง่ายดาย หากเจ้าต้องการจะทำหรอกหรือ ?
” เหยี่ยวผู้โดดเดี่ยว เอามือไขว้หลังขณะเดินไปมาในห้องอย่างช้า ๆ แม้ว่าเขาจะร่าเริง เขาก็ยังมีสีหน้าเข้มขรึม ” อย่าพูดไร้สาระเช่นนั้น .. เจ้าไม่ควรดูแคลนศัตรู “
เจ้าเป็นนกแบบใหนกัน … ข้ากำลังกอดเจ้าไว้อยู่ …
นายน้อยจวิน ตะลึงงัน
ข้าเพิ่งจะยกตัวอย่างสถานการณ์ที่เจ้าไม่สามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง และเจ้ายังคงไม่นั่งลงอีกหรือ ! เจ้าช่างสำคัญตัวเองยิ่งนัก … ท่านปรมาจารย์ เจ้าอาจจะเป็นเลิศในสมัยเจ้า แต่เจ้ายังเป็นมนุษย์ .. เจ้ายังเลือดออก เมื่อโดนตี มิใช่หรือ ?
” เอ่อ ในความจริง มีบางอย่างที่ข้ายังไม่เข้าใจ สวรรค์เชวียน นั้นเหนือกว่า ปฐพีเชวียน และเทพเชวียนอยู่เหนือกว่าทั้งหมดนั้น ซึ่งสูงสุด … แต่เหตุใดเจ้าจึงแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือเทพเชวียนทั่วไป ดั่งเช่น ผู้อาวุโสหกแห่งเมืองพายุหิมะ ? เขามิได้เป็นเทพเชวียน เหมือนเจ้าหรอกหรือ ? ข้าสับสนจริง ๆ อย่าบอกข้าว่ามีสิ่งอื่นใดนอกเหนือจากนี้ ? มันมีอะไรอีกหรือ ? “