บทที่ 75 วิชาจิตตัดฟ้า
กลับมาในห้องเดิมอันคุ้นเคย
ซูเฉินเอนหลอดทดลองอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหยดเลือดหยดหนึ่งลงบนแผ่นแก้ว จากนั้นหยิบมันมาพิจารณาใกล้ ๆ
จากนั้นเขาก็วางแผ่นแก้วไว้ในขวดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วใส่พลังต้นกำเนิดเข้าไป
เมื่อพลังต้นกำเนิดค่อย ๆ ไหลเข้าขวดไป ของเหลวด้านในก็เริ่มเดือด
นี่เป็นการกลั่นพิเศษของซูเฉิน สามารถเปิดใช้สสารต้นกำเนิดและกระตุ้นมันได้ ทำให้ชายหนุ่มสังเกตมันได้ดีกว่าเดิม
ภายใต้เนตรมองโลกจุลภาค สายเลือดราชันอสูรตาแดงก็เผยความลับทั้งหลายออกมาจนหมดเปลือก
สามชั่วยามต่อมา ซูเฉินก็โผล่ออกจากห้องทดลอง ตอนนี้ไม่มีใครล่วงรู้ความลับของสายเลือดราชันอสูรตาแดงได้ดีกว่าเขาแล้ว
ชั้นต่อไปคือการหาวิธีเลียนแบบการเคลื่อนไหวอันว่องไวโดยไร้สายเลือด
“ข้าต้องสร้างวิชาดูดซับที่สามารถรวบรวมสสารต้นกำเนิดให้มากพอมาแทนที่สายเลือด ทั้งยังต้องหาทางใช้ประโยชน์สสารต้นกำเนิดนั้นด้วย ตระกูลโจวแห่งเมืองกระเรียนส่งต่อสายเลือดมาหลายรุ่น แต่กลับไม่อาจดึงเอาพลังที่แท้จริงออกมาได้ หากทำได้แล้วก็จะยิ่งรวดเร็วนัก ดูแล้วการทดลองครั้งที่ตรงไปตรงมานัก อีกไม่นานคงได้ความเร็วนั่นมาใช้งานแล้ว” ซูเฉินพึมพำกับตนเองอยู่ในเรือน
“ความรู้เรื่องการหาตัวแทนสายเลือดของนายท่านเหมือนจะเพิ่มขึ้นแล้ว” กังเหยียนเอ่ยเสียงร่าเริง
“โชคไม่ดีที่วิชาทะลวงสู่ด่านสู่พิสดารดำเนินการช้านัก” ซูเฉินถอนใจ
“ของพวกนี้เร่งเร้าไม่ได้หรอก” กังเหยียนเอ่ยปลอบ
ใช่แล้ว รีบร้อนไม่ได้
ซูเฉินรู้ว่ารีบไปก็ไม่ได้อะไร มีแต่ต้องทดลองไปเรื่อย ๆ ถึงจะสามารถถึงฝั่งฝันได้ เขายังหนุ่มยังแน่น ทะลวงสู่ด่านสู่พิสดารอีกสักหลายสิบปีให้หลังก็ยังไม่สาย กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่มีค่าให้เขาทำการศึกษาอย่างถ้วนถี่อยู่ดี
และเมื่อเขามีความรู้เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ความเข้าใจเรื่องการบ่มเพาะพลังก็ล้ำลึกขึ้น ปัญหาที่เคยติดค้างในอดีต ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เมื่อก่อน เขาใช้เวลาและแรงกายไปมากมายเพื่อฝึกฝนก้าวย่างหมอกอสรพิษ ทั้งการฝึกฝนยังถูกจำกัดอีกด้วย
วันนี้เขาสามารถเชี่ยวชาญสายเลือดราชันอสูรได้โดยไม่เปลืองแรงอะไร เขามั่นใจว่าสามารถสร้างวิชาโดยใช้สายเลือดนี่ขึ้นมาภายใน 2 เดือนด้วยซ้ำ
นี่คือความต่างหลังจากสร้างพื้นฐานแล้ว
พื้นฐานของเขาเมื่อยี่สิบปีก่อนต่างจากยี่สิบปีให้หลังนัก
กระนั้น การใฝ่หาพัฒนาตนต่อไปมีแต่จะยิ่งทำให้รากฐานเขามั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ
ซูเฉินมีความคิดกระจ่างนัก ดังนั้นเขาจึงทำเรื่องให้ง่ายเข้าไว้ ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ เพื่อให้ตนเดินหน้าสร้างรากฐานอย่างมั่นคง
เขารู้ว่าวิถีการต่อสู้ในปัจจุบันของเขามีทั้งข้อดีและข้อเสีย เขาเป็นคนที่ทำได้หลากหลายอย่างแต่ไม่เชี่ยวสักอย่าง
ปัจจุบันชายหนุ่มฝึกวิชาโบราณอาร์คาน่าประสบความสำเร็จมาก ทั้งยังมีความรู้เรื่องทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยในระดับหนึ่ง เขายังมีภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิดและโทเทมโลหิตสลาย ซึ่งก็นับว่ามีความรู้รอบด้านพอสมควร แต่อีกด้านก็มีช่องโหว่ในความรอบรู้นั้น ซูเฉินใช้ทุกอย่างพร้อมกันไม่ได้ ใช้ได้แค่ครั้งละอย่างเท่านั้น ทำให้ไม่อาจนำวิชาออกมาใช้โดยให้ผลทวีคูณได้
หากเขาปรับความเข้ากันได้ทั้งหมดของวิชาที่มี แม้ไม่สร้างวิชาใหม่ขึ้นมา แต่เขาก็แกร่งขึ้นได้มาก
ซูเฉินคนเก่าไม่ผ่อนคลายเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขามีเวลามานั่งพิจารณาเส้นทางนี้แล้ว
ในเมื่อเขาอยากปรับให้มันเข้ากันได้ อย่างแรกที่ต้องทำคือการเลือกเส้นทาง
ตัวอย่างเช่น เขาอาจมุ่งฝึกวิชาโบราณอาร์คาน่าหรือทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยไปสักอย่าง ?
ซูเฉินตัดสินใจว่าจะมุ่งฝึกทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยไปคร่าว ๆ ก่อน
ที่เขายอมทิ้งวิชาโบราณอาร์คาน่าเป็นเพราะมันไม่ตรงกับความต้องการของมนุษย์ส่วนมาก ทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยนั้นเฉียบคม ทั้งยังใช้ซัดพลังรุนแรงออกมาติดต่อกันได้ แม้จะขาดไหวพริบที่มีในวิชาโบราณอาร์คาน่า แต่ก็ใช้ได้ดีกว่าในการต่อสู้จริง
หากแต่วิชาโบราณอาร์คาน่าก็มีจุดแข็งของมัน สามารถใช้เสริมทำให้เขาพัฒนาตนเองต่อไปได้เช่นกัน
นอกจากนี้ พลังงานจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง อาจถึงเวลาเอามันมาใช้ประโยชน์เช่นกัน
หลังจากตัดสินใจเส้นทางในอนาคตแล้ว ซูเฉินก็รู้ว่าก้าวต่อไปต้องทำอะไร
เขาคิดคำนวณในหัวไม่หยุด พึมพำกับตนเอง มือก็พลิกไปมา สร้างผนึกรูปร่างประหลาดขึ้นหลายแบบ เกิดเป็นแสงสว่างลึกลับเกินหยั่ง
ทันใดนั้นซูเฉินก็กำหมัดหนึ่ง คลายอีกหมัดหนึ่ง ดอกไม้เพลิงพลันผลิบานขึ้นมา
เป้นตอนนั้นที่กู่ชิงลั่วเดินเข้ามา “ซูเฉิน……”
ซูเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ส่งดอกไม้เพลิงดอกหนึ่งไปทางกู่ชิงลั่ว
กู่ชิงลั่วเห็นแล้วก็หัวเราะคิก “อ่อนหัดนัก”
นางใช้ปลายนิ้วสะบัดไปทางดอกไม้เพลิง แตะโดนแล้วมันก็มอดไปทันที
“อะไรหรือ ?”
“ระเบิดเหยี่ยวเพลิงฉบับพัฒนาแล้ว” ซูเฉินตอบ
“ฉบับพัฒนา ?” กู่ชิงลั่วหัวเราะ “ทำไมถึงดูอ่อนพลังกว่าเก่าเล่า ?”
“เพราะข้าไม่ได้ปรับเรื่องความแกร่ง แต่ปรับเจ้านี่” ซูเฉินพูดไปทำท่าไป ดอกไม้เพลิงปรากฏขึ้นบนฝ่ามืออีกครั้งแล้วปลิวไปทางกู่ชิงลั่ว
กู่ชิงลั่วปัดป้องมันอย่างไม่คิดอะไรเช่นกัน แต่กลับพบว่ามีจำนวนดอกไม้เพลิงพุ่งออกจากมือซูเฉินเรื่อย ๆ สุดท้ายก็มีมากจนมันบานเต็มท้องฟ้า ราวกับเป็นเปลวเพลิงจากสวรรค์ กู่ชิงลั่วตะเกียกตะกายปัดป้องเต็มที่ “นี่ ๆ เช่นนี้ไม่ถูกนะ ! นี่มันต่างจากระเบิดเหยี่ยวเพลิงเกินไปแล้ว…… มันไม่ใช่วิชาโบราณอาร์คาน่าแล้ว !” นางร้องขึ้น ในที่สุดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัววิชา
ใช่แล้ว มันไม่ใช่วิชาโบราณอาร์คาน่าอีกต่อไป
นี่คือทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยที่ซูเฉินพัฒนาขึ้นเมื่อเข้าใจจุดเอกลักษณ์ของระเบิดเหยี่ยวเพลิงอย่างถ่องแท้
ประโยชน์สูงสุดของมันคือพลังต้นกำเนิดที่ต้องใช้ลดลงมาก และการอัตราการสร้างดอกไม้เพลิงก็ยังเร็วมากด้วย พริบตาเดียวก็ซัดมันออกมาได้นับร้อยนับพันได้
พริบตาต่อมา ซูเฉินก็คำราม “กลั่นเสีย !”
ดอกไม้เพลิงที่ลอยอยู่กลางอากาศเริ่มรวมตัวกัน กลายเป็นเหยี่ยวเพลิงขนาดยักษ์ลอยอยู่บนฟ้า
“นี่มัน……”
กู่ชิงลั่วอึ้งไป
นางไม่เคยเห็นวิชาใดที่เปลี่ยนรูปร่างเช่นนี้มาก่อน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ยังเต็มไปด้วยไอสังหารอีกด้วย
โชคร้ายที่ตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าท่าสังหารนี้ทรงพลังเพียงไหน เพราะพริบตาต่อมาซูเฉินก็ดับเหยี่ยวเพลิงนั่นจนหายไปไม่เหลือร่องรอย ราวกับไม่เคยมีมันมาก่อน
“นั่น…… มันอะไรกัน ? ทำไมมันกลายเป็นเช่นนั้นได้ ?” กู่ชิงลั่วถามด้วยความตกตะลึง
“ข้าก็ไม่รู้” ซูเฉินตอบอย่างไม่คาดคิด
เขาเอ่ยว่า “ข้าเพียงอยากถอดจุดแข็งของระเบิดเหยี่ยวเพลิงมาใช้เป็นวิถีการต่อสู้ของทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยเท่านั้น ทำเช่นนั้นแล้วข้าก็จะสามารถฝึกพลังจิตที่มีเหนือกว่าของข้าเองได้เช่นกัน ไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้”
“พลังจิต ? ต้องใช้พลังจิตด้วยหรือ ?” กู่ชิงลั่วถามหน้าตาสับสน
“ถูกต้อง !” ซูเฉินพยักหน้า “ที่มันควบรวมกันเมื่อครู่เป็นผลจากพลังงานจิต”
มนุษย์นั้นด้อยกว่าเผ่าวิญญาณทั้งเรื่องพลังจิตและการพัฒนาพลังจิต นอกจากวิชาประเภทพลังจิตแล้ว วิชาอื่น ๆ ก็ไม่ได้เรียกร้องให้ผู้ใช้วิชาจำต้องมีพลังจิตกล้าแข็งนัก
หากแต่ตอนนี้ เป็นเพราะการพัฒนาของซูเฉิน สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปมาก
ซูเฉินสัมผัสได้ว่าเป็นเพราะพลังจิต ถึงได้ควบรวมพลังทั้งหมดรวมเป็นการซัดพลังคราเดียวได้ ทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ได้ผลเช่นนี้อีกต่างหาก
เขาไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทรงพลังขนาดไหน แต่พริบตาที่สัมผัสถึงพลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ในเหยี่ยวเพลิงเมื่อครู่ เขาจึงรีบสลายมันทันที
เขาไม่กล้าเล่นกับมัน ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดผลอันใดขึ้น
“นั่นก็ไม่ใช่ทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยด้วย” กู่ชิงลั่วเอ่ยเสียงสับสน
“เจ้าพูดถูก” ซูเฉินถอนใจ “ข้าคิดว่าควรเรียกว่าวิชาจิตตัดฟ้า”