ภาคที่ 4 บทที่ 74 พักเรื่องหมั้น

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

“ไว้ชีวิตเขา !”

เมื่อได้ยินเสียง ข้ารับใช้เงาทั้งห้าก็ขยับกายทันที สามคนซ่อนตัว ส่วนอีกสองเงื้อดาบขึ้นใกล้ลำคอและช่วงท้องของโจวชิงขวง ชี้ให้เห็นถึงความสามัคคีไร้ที่ติของคนทั้งห้า

คนที่เหินลงมาจากฟ้าคือกู่เซวียนเหมี่ยน

“ท่านลุง ช่วยข้าด้วย !” โจวชิงขวงร้องหวนเมื่อเห็นกู่เซวียนเหมี่ยน

กู่เซวียนเหมี่ยนเหลือบมองเขามุ่นคิ้วน้อย ๆ ก่อนหันมาหาหลงเฉ่าโหยว “คุณชายหลง ไว้ชีวิตเขาแทนข้าได้หรือไม่ ?”

หลงเฉ่าโหยวหัวเราะ “ผู้นำตระกูลกู่ ท่านคิดจะให้ข้าอภัยให้เขาโดยไม่ดูก่อนหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ?”

กู่เซวียนเหมี่ยนตอบ “ไม่จำเป็นต้องถาม ข้ารู้สถานการณ์ดีอยู่แล้ว เรื่องนี้ชิงขวงเป็นฝ่ายผิด ข้าขอโทษแทนเขาด้วย”

หลงเฉ่าโหยวเอ่ย “เรื่องแค่นี้ใช้คำขอโทษอย่างเดียวไม่ได้ ท่านไม่คิดงั้นหรือ ?”

“ข้าเข้าใจ” กู่เซวียนเหมี่ยนตอบ “ตระกูลกู่พร้อมทำความต้องการหากความต้องการของคุณชายไม่มากเกินไป”

หลงเฉ่าโหยวลุกขึ้นพลางถูกอกตน เขาเอนศีรษะราวกับกำลังคิดแล้วเอ่ยขึ้น “ก็ได้ ข้ามีข้อตกลงเพียง 3 อย่าง อย่างแรก ต่อแต่นี้ไปคน ๆ นี้เป็นของข้า”

เขาชี้ไปทางเหมียวฉางชิง

“เขาหรือ ?” กู่เซวียนเหมี่ยนประหลาดใจ

“ถูกต้อง เป็นเขา ! จากนี้ไปเขาเป็นของข้า ข้าจะจัดการอย่างไรเป็นเรื่องของข้า” หลงเฉ่าโหยวเรียกร้อง

“ได้” กู่เซวียนเหมี่ยนตกลง เหมียวฉางชิงเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่ง ไม่ได้เป็นของตระกูลกู่ด้วยซ้ำ เขาไม่มีเหตุให้ต้องไปยุ่งแทนโจวชิงขวง

“ข้อสองคือเขาต้องคุกเข่าขอโทษข้า”

กู่เซวียนเหมี่ยนมุ่นคิ้ว “การขอโทษย่อมต้องมี แต่จำเป็นต้องคุกเข่าหรือ ?”

หลงเฉ่าโหยวตอบตามตรง “ผู้นำตระกูลกู่ ข้าอยู่ที่บ้านทำธุระข้าดี ๆ หายนะกลับมาเยือนถึงเรือน แค่คำขอโทษมันพอหรือ ? เช่นนั้นใต้หล้าคงสงบขึ้นมากแล้ว หรือตระกูลกู่คิดบีบให้……”

กู่เซวียนเหมี่ยนยกมือขึ้น “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้าตกลง ข้อที่สามเล่า ?”

“ข้อที่สาม……” หลงเฉ่าโหยวเดินเข้ามาหยิบใบไม้สีฟ้าขึ้น จากนั้นเก็บเลือดขวดหนึ่งจากโจวชิงขวงแล้วหัวร่อ “เท่านี้พอแล้ว”

กู่เซวียนเหมี่ยนถอนหายใจ “เอาล่ะ ตกลงเช่นกัน”

“ไม่ ตกลงไม่ได้ !” โจวชิงขวงร้องโหยหวน “ท่านลุงกู่ อย่าให้ข้าคุกเข่าเลยขอรับ อย่าให้เขาเอาสมบัติประจำตระกูลข้าไป……”

กู่เซวียนเหมี่ยนถอนใจ “เจ้าเป็นคนผิด ฉะนั้นย่อมต้องรับผล ชิงขวง ทำสิ่งที่ต้องทำเสีย”

ว่าจบเขาก็วาดแขนคราหนึ่ง เกิดเป็นพลังไร้รูปโอบร่างโจวชิงขวง คนรอบ ๆ ถูกบีบออกไปทันที

จากนั้นกู่เซวียนเหมี่ยนก็กดเขาลงกับพื้น ภายใต้การควบคุมนั้น โจวชิงขวงคุกเข่าลง กู่เซวียนเหมี่ยนจงใจให้เห็นว่าเขาบังคับคน ชี้ให้หลงเฉ่าโหยวเห็นว่าตนเองก็มีพลังอำนาจ เพียงแต่ไม่อยากเอามาใช้เท่านั้น

“ยังไม่ขอโทษอีก !” กู่เซวียนเหมี่ยนตะโกน

ราวกับถูกใครซัดเข้าที่ท้ายทอย โจวชิงขวงรู้สึกจิตใจสั่นสะท้านพลางเอ่ยเสียงขัดออกไป “ข้าผิดไปแล้ว”

เขาคุกเข่าขอโทษ

หลงเฉ่าโหยวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “ดีมาก ผู้นำตระกูลกู่ยุติธรรมและเป็นกลางอย่างแท้จริง เฉ่าโหยวขอขอบคุณ”

กู่เซวียนเหมี่ยนส่งเสียงฮึ่มก่อนสะบัดแขนเสือ พาโจวชิงขวงเหินร่างขึ้นไป

เสียงกู่เซวียนเหมี่ยนดังมาจากท้องฟ้า “เรื่องมันจบแล้ว ต่อไปคุณชายหลงกับสหายด้านข้างอย่ามาขอลูกสาวข้าอีกเลย เขตแดนตระกูลกู่นั้นเล็กนัก ไม่มีที่ให้ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหลงหรอก”

พูดจบเขาก็เหินร่างจากไป

หลงเฉ่าโหยวชะงักอยู่บ้าง “เข้ารู้จักเจ้า”

ซูเฉินเผยร่างออกจากเงา “เขารู้แต่ว่ามีคนสั่งเจ้าเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นข้า อีกทั้ง……”

ซูเฉินหยุดไปเล็กน้อย

“อะไรหรือ ?” หลงเฉ่าโหยวถาม

“ครั้งหน้าตอนฟังคำข้า ช่วยทำท่าเฉลียวฉลาดได้หรือไม่ ? หากทำเช่นนั้นไม่ว่าใครก็มองออกว่ามีคนสั่ง”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น

กู่ชิงลั่วเองก็เผยกายออกจากเงามืด มือถือแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดไว้

มันบันทึกภาพการต่อสู้ของโจวชิงขวงกับหลงเฉ่าโหยวและท่าทางคุกเข่าขอความเมตตาเมื่อครู่ไว้

“มาชิงของคนอื่น แต่กลับถูกส่งกลับไปแบบขี้แพ้ ทั้งยังเสียลูกน้องไป จากนั้นก็ถูกบังคับคุกเข่าขอโทษ ! อยากเห็นจริงว่าโจวชิงขวงจะยังเดินหน้างานหมั้นต่อหรือไม่” กู่ชิงลั่วเอ่ยเสียงยินดี

ที่ซูเฉินสั่งให้หลงเฉ่าโหยวเอ่ยข้อตกลงทั้งสามก็เพื่อจะทรมานและทำให้โจวชิงขวงอับอาย

เช่นนี้ แม้กู่เซวียนเหมี่ยนจะยังอยากให้โจวชิงขวงแต่งกับลูกสาวตน ทว่าเมื่อแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดหลุดออกไป กู่เซวียนเหมี่ยนย่อมไม่มองเขาเป็นเขยอีกต่อไป

แน่นอนว่าทำเช่นนั้นถือว่าล่วงเกินกู่เซวียนเหมี่ยน แต่เพราะมีหลงเฉ่าโหยวเป็นตัวแทนหน้าฉาก ซูเฉินจึดรอดพ้นไปได้

นี่ล่ะคือข้อดีของการหลบอยู่หลังม่านเช่นนี้

“ผู้นำตระกูลกู่ไม่ใช่คนสายตาฝ้าฟาง ข้าว่าคงไม่ต้องใช้มันแก้ปัญหาหรอก” ซูเฉินตอบ

“เช่นนั้นตอนนี้ข้าก็หมั้นกับเจ้าได้แล้วกระมัง ?” กู่ชิงลั่วดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น

“ยังหรอก เราเพียงแต่ยกเลือกการหมั้นในปัจจุบันเท่านั้น ยังห่างไกลจากงานหมั้นเรานัก การทำลายนั้นง่ายกว่าสร้างขึ้นมาอยู่แล้ว” ซูเฉินหัวเราะ

“ข้าไม่สน” กู่ชิงลั่วกอดอก “เจ้าเอาคู่หมั้นข้าไปแล้ว เจ้าก็ต้องหาคนมาทดแทน”

“เช่นนั้นข้ายกเฉ่าโหยวให้ดีหรือไม่ ?” ซูเฉินหัวเราะ

“ตายเสียเถอะ !”

ลูกเตะฉับพลันพลันถูกส่งมา

————————————————————

ตุ้บ !

โจวชิงขวงถูกโยนลงพื้น

ตอนนี้เขากลับมายังเรือนตนในตระกูลกู่แล้ว

กู่เซวียนเหมี่ยนเอ่ยหน้าทะมึน “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก”

โจวชิงขวงใจสั่น นั่งคุกเข่าลงทันที “ท่านลุง ข้ารู้ว่าตนผิดไปแล้ว เป็นเพราะข้ารักชิงลั่วมากไปจึงทำเช่นนี้ ! เจ้าบ้านั่นกล้ามาขอนางถึงสองครั้ง ข้ากังวลว่าข้าจะเสียนางไป ! จึงอยากสั่งสอนเขาสักหน่อย ใครจะรู้……”

“หุบปาก !” กู่เซวียนเหมี่ยนตะคอก “คิดว่าข้าโง่หรือ ? คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าทำไมเจ้าต้องไปตามตอแยเขา ? หินพลังต้นกำเนิดสิบล้านอย่างไรเล่า ใช่หรือไม่ ? เจ้าอยากชิงมันมา ได้กำไรมหาศาลเลยงั้นสิ ? คิดหรือว่าคนที่พกเงินมากเช่นนั้นไปไหนมาไหนจะไร้คนแกร่งคุ้มครอง ? กระทั่งข้าเองจะฉวยผลประโยชน์จากเขายังยากเลย เจ้าอย่าได้หวัง”

ได้ยินแล้วโจวชิงขวงก็อึ้งไป “เป็นไปได้อย่างไรกัน ? ท่านมีแท่นบงกชเจ็ดชั้น อีกก้าวหนึ่งก็จะถึงด่านผลาญจิตวิญญาณแล้ว”

“ข้าถึงได้บอกว่าเจ้าไม่รู้อะไร !” กู่เซวียนเหมี่ยนรำพึง “ชิงขวง*(1)คนหนุ่มเอ๋ย พ่อเจ้าตั้งชื่อนี้ไม่ผิดไปเลย ข้าไม่ได้มีเวลาทำความรู้จักเจ้ามาก จึงเข้าใจเจ้าไม่สมบูรณ์ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนประมาทเลินเล่อทั้งยังโลภมากเช่นนี้”

โจวชิงขวงจับใจความในของคำกู่เซวียนเหมี่ยนได้ เอ่ยเสียงตะลึงขึ้น “ท่านลุง ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปไม่ทำอีกแล้ว”

กู่เซวียนเหมี่ยนส่ายหน้า “ชิงลั่วเองก็ไม่ได้ชอบเจ้าอยู่แล้ว ทั้งยังหลบไม่พบหน้าเจ้า ข้าเป็นคนบังคับนางมาตลอด ดูนางกำลังจะยอมแล้ว แต่เจ้ากลับก่อเรื่องเช่นนี้ ไม่แน่กู่ชิงลั่วอาจคิดถูกแล้ว เจ้าอาจไม่ใช่คู่หมั้นที่เหมาะกับนาง”

“ท่านลุง !” โจวชิงขวงตะโกนอย่างหมดหวัง “ท่านลุง ข้าผิดไปแล้ว ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกสักครั้ง !”

“เรื่องหมั้นกับชิงลั่วก็ชะลอไว้ก่อนเถอะ” กู่เซวียนเหมี่ยนว่าพลางสะบัดแขนเสื้อจากไป

โจวชิงขวงได้ยินดังนั้นก็เรากับสันหลังถูกดึงหายไป ล้มลงกองกับพื้นทันที

หน้าเขาซีดเผือด

(1). ชื่อชิงขวงแปลหยาบ ๆ ได้ว่า “ความหุนหันของคนเยาว์”