ตอนที่ 703 ให้กำเนิดลูกสาวอีกสักคนท่านจะได้มีครบทั้งหญิงชาย / ตอนที่ 704 เล่นเกินขอบเขตไปหน่อย

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 703 ให้กำเนิดลูกสาวอีกสักคนท่านจะได้มีครบทั้งหญิงชาย 

 

 

เฉินยางนั้นคงเป็นหนแรกที่จะโดนคนจะเอาดาบบั่นศีรษะ เฝิงเยี่ยไป๋อยู่ห่างไปหลายช่วงกำแพงคน หากรอคนเขามาถึง นางเองคงถูกบั่นศีรษะสิ้นชีวิตไปเสียแล้ว นางยังตายไม่ได้ กว่าจะมาจนถึงจุดนี้ได้ ไม่ง่ายเลย หากนางเสียชีวิตเสียแล้วจะเป็นอย่างไรเล่า 

 

 

คนส่วนใหญ่หาเจอเรื่องแบบนี้ ดาบแหวกอากาศมาตรงหน้า คงตกใจจนแทบสิ้นสติ แต่นางปฏิกิริยาตอบสนองเร็วนัก เมื่อดาบฟันลงมานางก็หลบไปเสียแล้ว นางเองไม่เป็นวิทยายุทธ์ใด แต่เมื่อเช้านับว่าคล่องแคล่วนัก ขณะที่เอี้ยวตัวหลบนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้ตอนออกมานั้น ในตัวนางนั้นได้พกมีดสั้นมาหนึ่งเล่ม ซึ่งก็คือเล่มที่เฝิงเยี่ยไป๋มองให้นางนั่นเอง มีดสั้นนั้นไม่ใหญ่นัก แต่นางลองแล้วคมมากทีเดียว 

 

 

ฝักมีดนั้นเสียบอยู่ที่เอวนางนี่เอง ตอนที่เอี้ยวตัวหลบนั้นนางก็เลยดึงมีดออกมา ยังไม่ทันจะได้ยืนให้มั่งคง คนผู้นั้นก็ฟันดาบลงมาทางนาเสียแล้ว นางถึงได้หวาดกลัวขึ้นมาตะโกนเสียงดัง เสียงที่ตะโกนนั้นก็อาศัยความกลัวทั้งหมดที่มีตะโกนออกไป เมื่อตะโกนออกไปแล้ว ตอนนางลืมตาขึ้นมาอีกหา ดาบเล่มนั้นลอยค้างอยู่กลางอากาศบนศีรษะนาง มีดสั้นในมือนางเสียบเข้าไปที่ท้องคนผู้นั้นจนลึก เลือดนั้นไหลออกมาเป็นสาย แทงได้พอดิบพอดี ไม่ได้เอียงเลยสักนิด 

 

 

นางตกใจเสียจนขาอ่อนไปหมด อยู่ดีๆ ก็ยืนแทบไม่ไหว ล้มนั่งลงบนพื้น ยังไม่ทันได้หายใจเลย ก็มีคนอีกกลุ่มใหญ่วิ่งมาทางนางนี้ คนเดียวนางเองยังรับมือเสียจนเหนื่อย นี่ยังมาอีกกลุ่มใหญ่ อย่างนั้นนางคงรอความตายเสียแล้ว 

 

 

เดาไปแปดส่วนว่าวาสนาของนางกับเฝิงเยี่ยไป๋คงหมดสิ้นแล้วในชาตินี้ ตอนนางยืนขึ้นมานั้นคิดตัดสินใจว่าคงตายแน่แล้ว นางยินยอมที่จะเป็นวิญญาณใต้ดาบ แต่ก็ไม่ยินยอมให้ใครจับนางเพื่อใช้ข่มขู่เฝิงเยี่ยไป๋ 

 

 

นางนั้นเตรียมที่จะวิ่งออกไปสู้ตายแล้ว ต่อให้ต้องตายก็จะต้องหาคนมาเป็นหมอนรองให้ได้ วิ่งไปด้วยตะโกนโวยวายไปด้วย วิ่งไปได้ครึ่งทางก็ถูกรั้งเอวเอาไว้เสียแล้ว เมื่อลืมตามองดูพบว่าคือ เฝิงเยี่ยไป๋ บนหน้าเขาเปื้อนไปด้วยเลือด สีหน้านั้นดุร้ายยิ่งนัก มือโอบเข้าที่เอวนางเสียจนแน่น ทั้งยังก้มหน้าลงมาขยับริมฝีปากจุมพิตที่ใบหน้านางหนึ่งที “เจ้านั้นเป็นคนที่มีสามีแล้ว เรื่องที่จะสู้สุดชีวิตนั้นปล่อยให้ข้าทำเถิด เจ้าเพียงคอยดูอยู่ข้างๆ ก็พอแล้ว” 

 

 

เฉินยางยื่นมือออกไปเช็ดเลือดบนหน้าเขา เลือดยังอุ่นอยู่เลย ก่อนหน้ายามเห็นเขาสังหารคนอื่นนางนั้นกลัวนัก แต่ตอนนี้มองเห็นเขาสังหารผู้อื่นนางเพียงรู้สึกว่าเขาช่างกล้าหาญอย่างไม่ธรรมดา นางไม่ได้สนใจเลือดบนใบหน้าเขาเลย โอบประคองหน้าเขาไว้จูบไปหนึ่งที ริมฝีปากนั้นเม้มยิ้มออกมา “วันนี้หากพวกเราสามารถมีชีวิตออกไปจากที่นี่ได้ ข้าจะให้กำเนิดลูกสาวให้ท่านอีกหนึ่งคน ท่านจะได้มีครบทั้งลูกชายหญิง” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ลูบผมนาง ทั้งยังจูบไปที่ขมับนางพลางเอ่ย “เมียรักของข้า” 

 

 

หากตอนนี้ถามว่านางยังกลัวหรือไม่ นางไม่กลัวแล้ว ไม่กลัวเลยสักนิด ในใจนั้นกลับมีความรู้สึกปลอดภัยจนเต็มตื้น ชายผู้นี้นางแต่งถูกคนยิ่งนัก นางยอมตายแทนเขาได้ เขาเองก็ยินยอมสู้สุดชีวิตเพื่อนาง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว 

 

 

ฮ่องเต้เองก็มองสถานการณ์การรบอยู่ไม่ไกล ฉากรักหวานซึ้งของเฝิงเยี่ยไป๋และเฉินยางนั้นทรงเห็นแล้วทั้งหมด ถึงแม้ตายก็จะอยู่ร่วมชะตาดั่งนกหยวนยางจริงๆ ความรักของคนทั้งคู่ซาบซึ้งจนสะเทือนไปทั้งผืนฟ้าและแผ่นดิน แต่ใช้ไม่ได้ผลกับพระองค์ พวกเขายิ่งแสดงออกมาว่าไม่ยินยอมพรากจาก เขาก็ยิ่งอยากทำลายมันมากเท่านั้น 

 

 

อวี่เหวินลู่บอกกับหลี่ซุ่นว่าอย่างดีแล้วว่า ให้เขาแอบปล่อยมาจากคอกม้าหลวงมาสองสามตัว ตอนนี้ม้ามาแล้ว คนก็มาแล้ว ขอเพียงหันสือแสร้งๆ ออกท่าทางไม่ต้องลงมือจริง แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอวี่เหวินลู่และหลี่ซุ่นแล้วรีบไปเปิดประตูวังหลวงเสีย 

 

 

เมื่อมีม้าทุกอย่างก็ง่ายไปหมด เฝิงเยี่ยไป๋รวบตัวเฉินยางกระโดดขึ้นไปบนม้าตัวหนึ่ง โบกมือให้สัญญาเจี่ยชีให้ถอนกำลังออกไป อวี่เหวินลู่ก็กระโจนขึ้นม้าตัวหนึ่ง หลี่ซุ่นเองจากเรื่องวีรกรรมวันนี้แล้ว ในวังนั้นคงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว จึงกระโดดขึ้นม้าออกเมืองไปพร้อมกับอวี่เหวินลู่ทันที 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 704 เล่นเกินขอบเขตไปหน่อย 

 

 

ฮ่องเต้มิได้ขัดขวางที่พวกเขาจะซ้อนแผนเอาไว้อีกแผนหนึ่ง จวบจนเมื่อตั้งสติได้ เฝิงเยี่ยไป๋ก็ออกไปไกลเสียแล้ว ฮ่องเต้นั้นโกรธจนแทบจะเสียสติ เร่งสั่งการให้คนเตรียมม้าเพื่อติดตามไป หากพอตรัสถึงตรงนี้ก็นึกขึ้นได้อีกเรื่อง เรียกหาหลี่เต๋อจิงมาถามความ “ตามหาบุตรชายของเฝิงเยี่ยไป๋กลับมาได้แล้วรึ” 

 

 

หลี่เต๋อจิ่งเอ่ยตอบอย่างสั่นๆ ว่า “เดิมทีทหารองครักษ์นั้นไล่ตามออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากแต่จวบจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับข่าวสารใดๆ คนนั้นหาไม่พบ คนของพวกเราเองก็หายไปไม่ทราบเบาะแสด้วยกระหม่อม” 

 

 

ฮ่องเต้สะบัดพระหัตถ์เข้าที่ใบหน้าของหลี่เต๋อจิ่งไปเต็มแรง “เจ้าพวกคนไร้ประโยชน์ ยังไม่รีบส่งคนออกไปตามอีกหรือ ข้าต้องการให้เฝิงเยี่ยไป๋ตายเสียสิ้น ข้าจะให้มันตายเสียเจ้าได้ยินหรือไม่” 

 

 

หลี่เต๋อจิ่งยกมือนวดไปที่ปากตัวเองหลายทีพลางพยักหน้าติดๆ กันหลายทีแล้วรับคำพ่ะย่ะค่ะ “ขอพระองค์โปรดวางใจ กระหม่อมต้องจับตัวเฝิงเยี่ยไป๋มาให้พระองค์จนได้ จะต้องให้เขาตายอย่างหาที่ฝังไม่ได้” ยามที่พูดคำนี้ออกไป ตนนั้นในใจก็หาได้มีความมั่นใจไม่ พวกทหารมีเพียงแค่ไม่กี่นายเอง ทหารองครักษ์ตั้งมากมายในวังหลวงยังหยุดพวกเขาเอาไว้ไม่ได้ ออกไปจากวังหลวงเสียแล้ว ฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล ยังมิต้องเอ่ยว่าไปตามหาคนที่ใด ต่อให้จับได้แล้ว ก็คงจะมิได้สะดวกเหมือนคราที่อยู่ในวังดั่งจับเต่าในไหเป็นแน่ จะจับคนพวกนั้นกลับมาได้หรือไม่ยังต้องว่ากันอีกครา หากแต่ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังโกรธจนลมขึ้นพระเศียร หากไม่รับคำไปก่อน เกรงว่าตนเองนั้นก็อาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ ณ ที่แห่งนี้แล้วแน่ 

 

 

เพิ่งจะออกไปจัดการ ฮ่องเต้ทรงเรียกเขาไว้อีกครา “เมื่อครู่ข้าเห็นคนผู้หนึ่งใบหน้าคุ้นตายิ่งนัก เจ้ามองเห็นชัดเจนหรือไม่ เป็นอวี่เหวินลู่ใช่หรือไม่ใช่” 

 

 

หลี่เจ๋อจิ่งนิ่งคิดพิจารณา เมื่อครู่นั้นเห็นคนผู้หนึ่งสวมชุดทหารองครักษ์นักรอบปะปนอยู่ท่ามกลางพวกเขา ขณะที่กำลังรบพุ่งกันสถานการณ์วุ่นวายมาก เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้เมื่อมาคิดพิจารณาอย่างละเอียด ก็ตกใจจนเหงื่อเย็นออกเต็มกาย “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมดูเหมือนว่าจะเห็น…เป็นอวี่เหวินลู่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ฮ่องเต้สะบัดชายเสื้อด้วยอารมณ์โกรธพลางตรัสว่า “แค่เหมือนที่ไหนกันเล่า นั่นก็คือเขาอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าข้าจะไม่เคยพบเขามาก่อน แต่รูปเหมือนของเขาวันๆ วางอยู่แต่บนโต๊ะทรงอักษรของข้า ต่อให้มันสลายกลายเป็นผุยผง ข้าก็จำมันได้ หากข่าวลือนี้แพร่ออกไปจะน่าขันเพียงใดกันเล่า วังหลวงของข้า กลับถูกบรรดาขุนนางคิดคดทั้งหลายทำตัวประดั่งอยู่ในสวนหลังบ้านตัวเอง อยากจะเข้าก็เข้านึกอยากจะออกก็ออก บรรดาทหารองครักษ์ยังหาวิธีต่อกรมิได้อีก หลี่เต๋อจิ่ง ศักดิ์ศรีของข้า…ล้วนหมดสิ้นกันวันนี้แล้ว” 

 

 

หลี่เต๋อจิ่งตกใจจนคุกเข่าลงกับพื้น ร้อนรนเอ่ยตอบ “กระหม่อมสมควรตายยิ่งนัก เป็นความผิดของกระหม่อมเอง ขอพระองค์ทรงโปรดพระราชทานอภัยโทษให้แก่กระหม่อมด้วยเถิด” 

 

 

คำพูดนี้แทบจะทำให้พระกรรณของฮ่องเต้แทบจะออกเลือดเมื่อได้ยินตลอดหลายวันที่ผ่านมา ตกลูกสุนัขรับใช้เหล่านี้ล้วนเอาแต่จุดอ่อนของนาย คิดว่าหากตนคร่ำครวญขอร้องเสียหน่อยก็จักไม่เป็นไรแล้ว กี่ครั้งก็ล้วนแต่มารูปแบบนี้ พระองค์วันนี้จะไม่เล่นตามกลยุทธ์นี้ ทรงทำหน้าเย็นชาแล้วย้อนถามกลับไปว่า “เจ้าผิดไปแล้วหรือ ความผิดที่ไหนกันเล่า ไม่ใช่เจ้าเสียหน่อยที่ปล่อยพวกเขาออกไป เจ้ามีความผิดอันใดกันหรือ” 

 

 

หากตามปกติแล้วเมื่อนายท่านทรงกริ้ว ก็จักเล่นไปตามบท รับผิดเสียร้องขอพระราชทานอภัยโทษจากพระองค์เสียหน่อยเมื่อขนบนตัวนั้นถูกหวีจนเรียบก็มิใช่ปัญหาใหญ่อะไรแล้ว หักแปลวันนี้นับว่าชนเข้ากับปากมีดพอดี ประสบเข้ากับจังหวะที่พระองค์อารมณ์ไม่เกษมสำราญ นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการรนหาที่ตายรึ 

 

 

ฮ่องเต้ทรงพิโรธมาก และเตะเขาลงไปนอนกับพื้น “ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง สามวัน ข้าให้เวลาเจ้าสามวันเท่านั้น เอาศพของเฝิงเยี่ยไป๋ ในส่วนของอวี่เหวินลู่ ข้าต้องการแบบมีชีวิต หากเรื่องนี้จะทำได้ดีแล้วละก็ ข้าจะละเว้นชีวิตชะตาสุนัขอย่างเจ้า หากเจ้าทำได้ไม่ดีแล้วละก็ ข้าจะหั่นเจ้าออกเป็นแปดส่วนเพื่อบรรเทาความเกลียดชังที่อยู่ในใจข้าตอนนี้” 

 

 

วิธีการของฮ่องเต้น้อยนั้นเขาเคยพบเจอมาแล้ว ช่างเป็นคนที่ช่ำชองและเหี้ยมเกรียมกว่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนมากนัก เมื่อทรงตรัสออกมาแบบนี้ก็แสดงว่าจักต้องทำแบบนี้แน่นอน ถึงตอนนั้นชะตาชีวิตของตนนี้ก็คงนับว่าถึงจุดจบเสียแล้ว 

 

 

หลี่เต๋อจิ่งฝืนรับพระบัญชาเอาไว้ แต่ในใจนั้นอยากฆ่าตัวเองให้ตายนัก เวลาแบบนี้นั้นยิ่งไม่ควรที่จะโผล่หัวออกมาเลย เขาเล่นเกินขอบเขตไปเสียหน่อย ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ประจบสอพลอสำเร็จแล้ว แต่ตนนั้นก็นับว่าทรุดลงเลยเชียว