บทที่ 960 เปิดเผยความลับ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ทันทีที่หลิงหยุนพูดถึงสำนักดาบสวรรค์ใบหน้างดงามของฉินตงเฉี่วยก็เปลี่ยนเป็นผิดปกติไปทันที..
  นางไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหลิงหยุนตรงๆและแสร้งเมินมองไปทางแสงระยิบระยับที่กำลังทอประกายอยู่บนผิวน้ำในทะเลสาบ แล้วก็เอาแต่นิ่งเงียบ..
  หลิงหยุนเข้าใจดีว่าเพราะเหตุใดฉินตงเฉี่วยจึงมีท่าทางเปลี่ยนไปเช่นนั้น..
  ฉินตงเฉี่วยเป็นศิษย์สำนักดาบสวรรค์แต่เวลานี้นางกลับมีส่วนรู้เห็นในการกระทำที่ร่ำลือไปทั่วทั้งยุทธภพของหลิงหยุน นางจึงเปรียบเสมือนคนกลางที่อยู่ระหว่างสองฝ่าย และตกอยู่ในสถานะที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก..
  หลิงหยุนไม่เร่งรัดฉินตงเฉี่วยแต่กลับเดินไปหยุดยืนนิ่งเงียบข้างกายนาง เขาต้องการให้ฉินตงเฉี่วยได้มีโอกาสทบทวนให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา
  หลังจากที่ฉินจิวยื่อจากไปฉินตงเฉี่วยจึงนับเป็นผู้อาวุโสที่สุดในครอบครัว และเป็นคนที่หลิงหยุนรักมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าฉินตงเฉี่วยจะตัดสินใจเช่นใด หลิงหยุนย่อมต้องเคารพการตัดสินใจของนางเสมอ..
  ฉินตงเฉี่วยเหม่อมองไปทางทะเลสาบและกำลังควบคุมอารมณ์อ่อนไหวที่กำลังขึ้นๆลงๆอยู่นี้ จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่จิตใจ และอารมณ์ของนางจึงค่อยๆ สงบนิ่งลงได้..
  ในที่สุดฉินตงเฉี่วยก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เบา“เด็กดื้อ.. เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าไม่เพียงเป็นศิษย์สำนักดาบสวรรค์ แต่สำนักดาบสวรรค์ยังมีบุญคุณต่อตระกูลฉินด้วย..!”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบไปว่า “น้าหญิง.. เรื่องนี้ท่านคงต้องเล่าให้ข้าฟัง!”
  ฉินตงเฉี่วยจึงเล่าต่อ“ความจริงแล้ว.. เมื่อครั้งที่เจ้าเดินทางไปปักกิ่ง ข้าเองก็ได้ส่งได้สาส์นไปที่สำนักดาบสวรรค์ และหวังว่าทางสำนักจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเจ้า แต่.. แต่ข้าก็ต้องผิดหวัง!”
  หลิงหยุนนิ่งเงียบไม่ตอบแต่ในใจนั้นกลับกำลังตื่นเต้นอย่างมาก นั่นเพราะจากคำพูดของฉินตงเฉี่วย เห็นได้ชัดว่านางเลือกที่จะยืนเคียงข้างเขา!
  “แม้ว่าสำนักดาบสวรรค์จะใช้กระบี่โลหิตแดนใต้เป็นข้ออ้างกล่าวหาเจ้าเป็นคนของพรรคมารแต่ความจริงแล้วพวกเขาต่างก็กำลังตามหาสิ่งของในตำนานจีนโบราณ..”
  หลิงหยุนยิ้มเยาะและพูดขึ้นลอยๆ“เมื่อใดที่สมุดจักรพรรดิถือกำเนิดขึ้น ทั่วหล้ามีเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครอง..”
  ฉินตงเฉี่วยถึงกับขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเคยได้ยินคำกล่าวนี้เช่นกัน ใครบอกกับเจ้างั้นรึ?”
  หลิงหยุนบอกเล่าแก่ฉินตงเฉี่วไปตามความจริง“ครั้งแรกที่ข้าได้ยินคำพูดนี้.. ก็จากปากของไป่หยวนเจีย!”
  ฉินตงเฉี่วยพยักหน้าสายตาของนางเหม่อมองไปทางที่ตั้งของหลุมยักษ์ ซึ่งอยู่ระหว่างเขามังกรกับผาหยกด้านใต้เนิ่นนานก่อนจะรำพึงรำพันออกมา..
  “พู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิถือกำเนิดขึ้นในเมืองจิงฉูแล้วจริงๆสินะ!”
  ครั้งนี้..หลิงหยุนถึงกับใจเต้นแรงพร้อมกับแอบคิดในใจว่า ‘น้าหญิง.. ท่านเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยงั้นรึ!’ แต่ก็แสร้งทำเป็นนิ่งเงียบ..
  ฉินตงเฉี่วยถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะพูดต่อว่า “ท่านอาจารย์แห่งสำนักดาบสวรรค์เป็นผู้บอกข้าเอง ข่าวคราวเรื่องนี้ต่างร่ำลือไปทั่วทั้งยุทธภพ ชาวยุทธทั้งหลายต่างก็จับตามอง แม้ว่าจะเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันมานานนับพันปี แต่หากมีการยืนยันขึ้นเมื่อได.. เมื่อนั้นยุทธภพคงต้องวุ่นวายอย่างที่สุด!”
  “วันนี้ถึงเวลาที่ข้าเองต้องบอกความจริงกับเจ้าเสียที!ที่ข้าเดินทางมาจิงฉูนั้น เพราะได้รับคำสั่งให้ลงไปค้นหาสมุดจักรพรรดิในค่ายกลมังกรหยิน-หยางที่ก้นหลุมยักษ์!”
  “แต่ประจวบกับที่พี่สาวของข้ากำลังจะออกเดินทางพอดีข้าจึงต้องอยู่ดูแลเจ้ากับหลิงยู่มาจนถึงบัดนี้..”
  หลิงหยุนเองเมื่อได้รู้ความจริงก็ถึงกับตกใจจนนิ่งอึ้งไปนานแต่เมื่อรู้สึกตัวก็ได้แต่ถามออกไปโง่ๆ
  “น้าหญิง..ตั้งแต่ท่านมาจิงฉู ข้ายังไม่เห็นท่านลงไปสำรวจหลุมยักษ์นั่นเลยสักครั้ง”
  ฉินตงเฉี่วยได้แต่ยิ้มพร้อมกับส่ายหน้า“เจ้าเด็กโง่.. ตั้งแต่ที่ข้าได้พบหน้าเจ้า ข้าก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้าได้ลงไปสำรวจหลุมยักษ์นั่นมาแล้ว เหตุใดข้ายังต้องลงไปสำรวจอีกเล่า”
  จากนั้นฉินตงเฉี่วยก็หันไปจ้องหน้าหลิงหยุนนิ่งนานก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น..
  “หลิงหยุน..วันนี้ข้าขอถามเจ้า – เจ้าใช่ ‘คนผู้นั้น’ หรือไม่”
  ทันทีที่ได้ยินคำถามของฉินตงเฉี่วยใจของหลิงหยุนถึงกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรง และเกิดการต่อสู้อยู่ภายในใจ..
  ‘ข้าควรบอกความจริงกับน้าหญิงหรือควรปิดให้เป็นความลับต่อไปดีนะ!’
  แต่หลิงหยุนกลับใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ไม่นานนักเขาหันไปยิ้มให้กับฉินตงเฉี่วย และพูดกับนางผ่านกระแสจิต
  -น้าหญิง..ท่านคาดเดาได้แม่นยำยิ่งนัก ถูกต้องแล้ว.. ข้าคือ ‘คนผู้นั้น’ จริงๆ! เวลานี้ทั้งสมุดจักรพรรดิ และพู่กันจักรพรรดิล้วนอยู่ในร่างกายของข้า!–
  ในที่สุดความสงสัยในใจของฉินตงเฉี่วยก็ได้รับการยืนยันจากปากของหลิงหยุนแต่นางกลับไม่มีท่าทีตกใจ หรือตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย ฉินตงเฉี่วยเพียงแค่เหลือบมองหลิงหยุน และตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
  หลิงหยุนยังคงพูดต่อ“น้าหญิง.. เรื่องเช่นนี้หากท่านไม่เอ่ยปากถามข้า ข้าย่อมไม่พูดออกมาเองแน่ แต่ในเมื่อท่านเอ่ยปากถาม ข้าย่อมต้องพูดความจริง!”
  หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“เรื่องนี้หากน้าหญิงไม่เอ่ยถาม ข้าย่อมไม่พูดออกมาแน่ แต่ในเมื่อท่านเอ่ยปากถาม ข้าก็ต้องพูดความจริงเช่นกัน!”
  ฉินตงเฉี่วยพยักหน้ารับรู้สีหน้าของนางบ่งบอกว่ามีความสุขอย่างมาก จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
  “นอกจากข้าแล้วมีใครรู้เรื่องนี้อีกบ้างเจ้าต้องบอกข้ามาตามความจริง.. อย่าได้ปกปิดแม้แต่น้อย!”
  หลิงหยุนเห็นฉินตงเฉี่วยที่จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม จึงได้แต่ยิ้มและตอบไปตามความจริง
  “ผู้ที่รู้เรื่องพู่กันจักรพรรดิก็มีเฉิงเม่ยเฟิงเสี่ยวเม่ยเม่ย แต่หญิงสาวสองคนนี้ท่านยังไม่เคยพบมาก่อน แล้วก็มีเซียนเอ๋อ เฉินเฉิน หนิงน้อย ถังเมิ่ง เสี่ยวอู๋ ส่วนท่านแม่น่าจะพอรู้บ้าง..”
  “ส่วนสมุดจักรพรรดินั้น..มีเพียงข้าผู้เดียวที่รู้! แต่ตู้กู่โม่แห่งตระกูลตู้กู่อาจจะพอคาดเดาได้บ้าง..”
  สีหน้าของฉินตงเฉี่วยเปลี่ยนไปทันทีและร้องออกมาอย่างเดือดดาล “เจ้าเด็กบ้า.. เรื่องสำคัญเช่นนี้ เจ้าให้ผู้คนมากมายรู้ได้อย่างไรกัน”
  หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆพร้อมกับถามขึ้นว่า “น้าหญิง.. ตอนนี้ท่านเองก็รู้อีกคนแล้วไม่ใช่รึ”
  จากนั้นหลิงหยุนก็อธิบายต่อทันที“น้าหญิง.. ทั้งหมดทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่านความเป็นความตายมาพร้อมกับข้า ส่วนลึกในใจของเข้าเชื่อใจพวกเขายิ่งนัก..”
  “ดูอย่างเกาเฉินเฉิน..แม้นางจะถูกเฉินเจี้ยนกุ่ยจับตัวไป อีกทั้งยังถูกมันใช้เนตรปีศาจสะกดจิต นางก็ยังรักษาความลับเรื่องนี้ไว้ได้ ข้าเชื่อว่าคนอื่นๆ ก็ไม่ต่างจากเฉินเฉิน!”
  ฉินตงเฉี่วยได้แต่พยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะพูดออกมาว่า
  “ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน..”
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อว่า “ความจริงแล้วข้าเองก็อยากจะบอกความลับเรื่องนี้กับหลิงยู่เช่นกัน แต่ข้าเกรงว่ามันจะกลับกลายเป็นการนำพาหายนะมาสู่นาง จึงเลือกที่จะไม่บอกดีกว่า..”
  ฉินตงเฉี่วยถึงกับปรบมือและเอ่ยชมหลิงหยุน “เจ้าทำถูกต้องแล้ว! คิดไม่ถึงว่าผู้ที่จะต้องพบกับทัณฑ์สวรรค์จะเป็นเจ้าเด็กดื้อจริงๆ!”
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมตอบกลับไปว่า“เฮ้อ.. น่าจะนับเป็นโชคร้ายของข้าเสียมากกว่า!”
  หลังจากที่ได้บอกความลับที่ยิ่งใหญ่นี้ให้กับฉินตงเฉี่วยรู้หลิงหยุนก็รู้สึกโล่งใจ และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก..
  ฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนดูผ่อนคลายมากขึ้นแล้วจึงหัวเราะออกมาพร้อมกับชายตามองหลิงหยุน แล้วจึงพูดขึ้นว่า
  “ดูเหมือนเจ้าเองก็มีเรื่องราวอยู่ภายในใจไม่น้อย..มีอะไรงั้นรึ”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ถูกต้อง.. ข้ามีเรื่องต้องครุ่นคิดมากมาย!”
  “เจ้าคิดจะจัดการปัญหาเช่นใด”
  หลิงหยุนยิ้มหยันแล้วจึงตอบกลับไปว่า “จะทำเช่นใดได้เล่าน้าหญิง ข้าก็ต้องยอมรับมัน แล้วก็เผชิญหน้ากับมัน!”
  ฉินตงเฉี่วยถามต่อ“แล้วเจ้าคิดจะจัดการกับสำนักดาบสวรรค์เช่นไร”
  หลิงหยุนตอบยิ้มๆ“สำหรับสำนักดาบสวรรค์.. ข้าจะเชื่อฟังคำพูดของท่าน หากท่านต้องการให้ข้าเจรจากับพวกเขา ข้าก็จะทำตาม!”…novel-lucky
  หลิงหยุนเห็นฉินตงเฉี่วยถอนหายใจด้วยความโล่อกจึงพูดต่อว่า “น้าหญิง.. ท่านจะบอกข้าได้หรือยังว่าสำนักดาบสวรรค์พูดอะไรกับท่านกันแน่”
  ฉินตงเฉี่วยขมวดคิ้วในขณะที่ตอบกลับไปว่า“ศิษย์พี่ใหญ่สั่งให้ข้าไปพบบนยอดหลงเหมินคืนนี้! หลังจากคืนนี้ไปข้าจึงจะรู้..”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นลูบศรีษะตนเองพร้อมกับพูดขึ้นว่า“งั้นรึ! เขาหลงเหมินอยู่ไม่ไกลจากเขามังกร แม้ทัศนียภาพจะไม่งดงามนัก แต่ก็เหมาะที่จะใช้เป็นสถานที่เจราจา..”
  ฉินตงเฉี่วยคิ้วขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย“เจ้าเด็กดื้อ.. เจ้าอย่าได้ทำพูดเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรง อย่าลืมว่าเวลานี้ทุกคนในยุทธภพต่างก็รู้ว่าเจ้าครอบครองกระบี่โลหิตแดนใต้ เวลานี้เจ้าจึงนับว่าเป็นเทพแห่งมารไปโดยปริยาย! ต่อให้ข้ามีร้อยปากก็ไม่สามารถล้างข้อกล่าวหาให้เจ้าได้!”
  หลิงหยุนได้ฟังถึงกับหัวเราะและพูดออกมาอย่างไม่แยแส “ข้าจะเป็นเซียนหรือว่าเป็นมาร จะอยู่ฝ่ายธรรมะ หรือว่าอธรรม.. ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ใดจะมากำหนดให้ข้าเป็นได้!”
  “อีกอย่าง..ความลับเรื่องที่แม่ผู้ให้กำเนิดของข้าคือธิดาพรรคมารคนก่อน อาจจะถูกเปิดเผยเมื่อไหร่ก็ได้ ถึงตอนนั้นก็คงไม่พ้นถูกกล่าวหาเป็นคนของพรรคมารอยู่ดี!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปมองหน้าฉินตงเฉี่วยพร้อมกับถามขึ้นว่า“น้าหญิง.. หากท่านตัดสินใจที่อยู่เคียงข้างข้า ในสายตาของชาวยุทธ ท่านจะไม่กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับพรรคมารงั้นรึ”
  ฉินตงเฉี่วยได้ฟังถึงกับหน้าแดงและพูดขึ้นว่า “เจ้าเด็กดื้อ.. ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะอยู่เคียงข้างเจ้า!”
  และได้แต่คิดในใจโดยไม่สามารถเอ่ยออกมาได้‘เจ้าเด็กดื้อ.. ต่อให้ต้องทรยศต่อสำนัก และอยู่บนเส้นทางมารจริงๆ ข้าก็ยินดีร่วมเดินเคียงกับเจ้า!’
  หลิงหยุนเองได้แต่คิดว่าในเมื่อฉินตงเฉี่วยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเลือกที่จะอยู่ข้างเขายังมีสิ่งใดที่เขาต้องกังวลใจอีกเล่า
  หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับร้องบอกไปอย่างมั่นใจ“น้าหญิง.. ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
  “หากสำนักดาบสวรรค์รู้กาลเทศะข้าก็จะปราณีพวกเขา แต่หากผู้ใดกล้าทำให้ท่านต้องอึดอัดใจ ข้า.. จะไม่ปราณีพวกมันไว้แน่!”
  ฉินตงเฉี่วยส่ายหน้า“หลิงหยุน.. นี่เป็นเรื่องภายในสำนัก ข้าให้เจ้าไปด้วยไม่ได้!”
  เมื่อฉินตงเฉี่วยย้ำเช่นนี้หลิงหยุนจึงไม่คะยั้นคะยออีก “ได้.. ได้.. ถ้าเช่นนั้นท่านไปผู้เดียว ส่วนข้าจะรอฟังข่าวอยู่ที่บ้าน”
  ฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนรับปากเช่นนี้จึงรู้สึกโล่งใจ และสบายใจอย่างมาก..
  “เด็กดื้อ..วันนี้เจ้าไม่ทำให้ข้าโมโหเลย.. ข้ามีความสุขมากจริงๆ!”
  “ข้ารับปากจะปกปิดความลับให้กับเจ้า!”
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ท่านเป็นน้าหญิงของข้า ไม่บอกท่าน จะให้ข้าบอกใครเล่า”
  ฉินตงเฉี่วยส่งยิ้มหวานให้กับหลิงหยุนแต่ใจของหลิงหยุนเวลานี้กลับลอยไปไกลถึงเขาหลงเหมินแล้ว!
  “น้าหญิง..ศิษย์พี่ใหญ่ของท่านมีนามว่าอะไรรึ”
  “กัวเสี่ยวเทียน!”