บทที่ 485 แฟนสุดเข้มงวดของเซวฟู่เหลิน

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“งั้นผมขอเลือกสู้กับคุณสักตั้งก็แล้วกัน! ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่ต้องไปนอนโรงพยาบาลครึ่งเดือน!”

เดิมทีเย่เทียนก็โกรธเรื่องของเซ่เจียอยู่แล้ว อีกอย่างตอนนี้เขาก็ยอมถอยแล้วด้วย แต่เซวหมานจื่อก็ยังไม่ยอมเขา ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนโกรธจนได้

“ว้าว!”

ทันทีที่เขาพูดคำนี้ ทุกคนในงานถึงกับตกใจและสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างห้ามตัวเองไม่ได้

“ให้ตายสิ! ไอ้หมอนี่มันบ้าพอที่จะท้าทายเซวหมานจื่อเลยเหรอ?!”

“เราไม่เคยเห็นไอ้หมอนี่เลยนะ สงสัยเป็นเด็กใหม่สิท่า?”

“ไอ้เด็กคนนี้มันอยู่เขตไหนกันแน่? สงสัยเป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่รู้จักความน่ากลัวของเสือซะแล้ว!”

ต้องเข้าใจว่าเซวหมานจื่อเป็นถึงนักรบอันดับหนึ่งในเขตทหารทุกเขตที่ถังเหวินหลงเป็นผู้รับผิดชอบ และยังเป็นมือวางอันดับหนึ่งของผู้ท้าชิงการแข่งขันการคัดเลือกของทีมสายฟ้าประจำปีนี้อีกด้วย!

“ฮ่า ๆ! ไม่เลว ไม่เลวจริง! นานแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับผมแบบนี้”

แต่ว่า เซวหมานจื่อนั้นกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่ทุกคนคาดเดาไว้ เขาหัวเราะออกมาดังๆ แล้วยื่นมือออกไปหาเย่เทียน “พี่ชาย ผมชื่อเซวฟู่เหลิน ชื่อเล่นชื่อเซวหมานจื่อ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ?”

“หืม?!”

เย่เทียนถึงกับตะลึงและยื่นมือออกไปอย่างสงสัย “เย่เทียน!”

“ที่แท้ก็คือเย่เทียนนี่เอง?”

เซวหมานจื่อทำหน้าเหมือนได้ค้นพบทวีปใหม่ ดวงตาเยี่ยงเสือโคร่งของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นออกมา “กล้าหาญแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านถังชื่นชมคุณขนาดนี้”

แม้จะพูดแบบนี้ แต่มือของเซวหมานจื่อที่จับมืออันกว้างใหญ่ของเย่เทียนก็เพิ่มแรงบีบเพื่อพยายามจะทรมานเขา

อย่ามองว่าเซวหมานจื่อเป็นคนร่างใหญ่แล้วไร้สมอง แต่มันกลับตรงกันข้าม เพราะเขาละเอียดอ่อนมากกว่าที่คิด

เมื่อพูดถึงเรื่องใกล้ตัวที่สุด ถังเหวินหลงเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงในคืนนี้ แล้วถ้าเขาก่อความวุ่นวายด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้ ผลที่ตามมาคือเขาจะต้องถูกทำโทษโดยการล้างห้องน้ำอย่างน้อยหนึ่งเดือนแน่นอน!

และถ้าพูดถึงเรื่องไกลตัวที่สุด เขากับเย่เทียนต่างก็เป็นผู้ถูกเลือกในการเข้าร่วมการแข่งขันการคัดเลือกของทีมสายฟ้า แล้วถ้าหากเขาทำให้เย่เทียนบาดเจ็บจนกระทั่งมีผลกระทบต่อผลการแข่งขันล่ะ ถังเหวินหลงจะปล่อยเขาไว้หรือ?

เมื่อสัมผัสถึงแรงบีบในมือ คิ้วที่เพิ่งคลายลงของเย่เทียนก็ขมวดขึ้นอีกครั้ง เขามองไปที่เซวหมานจื่อที่ยังคงแสดงรอยยิ้มบนใบหน้าและแสยะยิ้มในใจอย่างไม่หยุด

เขายอมรับว่าเซวหมานจื่อแรงเยอะมาก อย่างน้อยเทียบเท่ากับชายฉกรรจ์สามคนได้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าจะรังแกเขาได้ง่ายๆ!

เมื่อความตั้งใจเปลี่ยนไป เย่เทียนส่ายไหลของเขาเบาๆ และมือขวากระตุกเล็กน้อย จากนั้นมืออันกว้างใหญ่ของเซวหมานจื่อก็ถูกสะบัดออกไปอย่างง่ายดาย!

พรึ่บ!

เซวหมานจื่อไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะใช้วิธีนี้ เขาจึงไม่ทันตั้งตัว ร่างกายที่แข็งแรงราวกับหมีดำของเขาก็สะดุดและถอยหลังไปครึ่งก้าว

เขาแค่ถอยไปครึ่งก้าวเท่านั้น!

แต่ถึงกระนั้น มันก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ

ทำไมเซวฟู่เหลินถึงถูกเรียกว่าเซวหมานจื่อ?

ก็เพราะหมอนี่ไม่เพียงแต่มีหุ่นที่คล้ายกับหมีดำ แต่พละกำลังและความโหดเหี้ยมของเขาก็เหมือนกับหมีดำอีกด้วย!

แต่ถึงอย่างนั้น เย่เทียนก็ยังสามารถผลักเขาออกไปครึ่งก้าวโดยที่ยังไม่ได้ใช้กำลังภายในเลย แล้วจะไม่ทำให้ทุกคนตกใจได้อย่างไร?!

“น้องเย่ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าทำไมท่านถังถึงชื่นชมคุณขนาดนี้”

แม้จะเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบเล็กน้อย แต่สีหน้าของเซวหมานจื่อไม่ได้แสดงอาการโกรธใดๆ เลย เขายังคงมองไปที่เย่เทียนอย่างลึกซึ้ง

ก่อนที่เย่เทียนจะตอบกลับ เซวหมานจื่อก็หันกลับไปแล้วตะโกนต่อผู้คนโดยรอบที่กำลังเฝ้าดูอยู่ “พอได้แล้ว แยกย้ายกันไปให้หมดเลย! เดี๋ยวท่านถังออกมาจะหาว่าผมมาสร้างปัญหาในงานอีก เดี๋ยวผมก็ถูกลงโทษให้ไปขัดห้องน้ำหนึ่งเดือนหรอก!”

“ฮ่า ๆ!” ผู้ชมต่างพากันหัวเราะคิกคัก แม้จะรู้สึกผิดหวังในใจ แต่ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะยืนดูต่อและแยกย้ายกันออกไปหมด

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเซวหมานจื่อนั้นจะดูน่ากลัวแล้วไปบ้าง แต่ในใจหรืออุปนิสัยโดยรวมของเขานั้นเป็นคนดีมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้หญิงอย่างหยุนเหมิงหยานจะยอมเป็นแฟนเขา!

“เย่เทียน คุณโอเคไหม?”

จากนั้น ในที่สุดจี้เยียนหรันก็เดินเข้ามา ใบหน้าอันบอบบางและงดงามของเธอเต็มไปด้วยความกังวล

“ผมดูไม่โอเคเหรอ?”

เย่เทียนยิ้มกว้างจนเห็นฟันหน้าสีขาวของเขา แต่สายตายังคงเหลือบมองไปที่หยุนเหมิงหยานที่กำลังดึงเซวหมานจื่อเดินออกไปและถามอย่างสงสัยว่า “เซวหมานจื่อคนนั้นคือใครกันแน่? ผมว่าทุกคนในนี้กลัวเขามากเลยนะ!”

“หมอนั่นมาจากเขตทหารลู่หลิง เขาเข้าร่วมกองทัพเมื่อห้าปีก่อน จนทุกวันนี้ เขาได้ชนะการแข่งขันทักษะการต่อสู้ของเขตทหารลู่หลิงเป็นเวลาสี่ปีติดต่อกันแล้ว และยังได้รางวัลชนะเลิศของเขตทหารเจียงห้วยอีกสองสมัยด้วย”

ก่อนที่จี้เยียนหรันจะตอบคำถาม เฉิงหลงที่เพิ่งเดินเข้ามาก็อธิบายขึ้นก่อน “สี่ปีที่แล้วเขาไม่ได้ถูกเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันการคัดเลือกของทีมสายฟ้า เดิมทีทุกคนคิดว่าเขาจะเข้าร่วมกับหน่วยเดอะคิงอีกสองหน่วยแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขารอถึงสามปี และในที่สุดก็ถูกเลือกให้เป็นตัวจริงของทีมสายฟ้าจนได้!”

“ถึงว่าพวกคุณกลัวเขาขนาดนี้”

เย่เทียนลูบคางด้วยท่าทางที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้แสดงอาการตกใจใดๆ

เพราะเมื่อพิจารณาหลังจากการจับมือกับเซวหมานจื่อแล้ว เขารู้ว่าเซวหมานจื่อเป็นคนที่มีพรสวรรค์ทางด้านพละกำลังมาก หากควบคู่กับการฝึกฝนพลังภายในไปด้วย คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่สามารถสร้างอนาคตที่รุ่งโรจน์ได้

ในเวลาเดียวกัน หลังจากทักทายกับผู้คนที่สนิท เซวหมานจื่อก็กับจับมือหยุนเหมิงหยานแล้วเดินไปอีกมุมของงานเลี้ยง

“ไอ้คนเถื่อน! คนบ้า! คุณทำอะไรอยู่? ไอ้หมอนั่นมันแกล้งฉันนะ ทำไมคุณไม่จัดการมันแทนฉันล่ะ?!”

หยุนเหมิงหยานที่ดูแข็งแกร่งอยู่เสมอ แต่ในที่สุดก็เผยความเป็นผู้หญิงในตัวออกมา ในขณะนี้เธอมุ่ยปากและทำหน้าน้อยใจมาก

“เหมิงหยาน คุณอย่าเพิ่งโกรธสิ คุณฟังผมก่อน”

เซวหมานจื่อรีบยื่นมือออกไปเพื่อให้หยุนเหมิงหยานตบ และรอยยิ้มที่ประจบสอพลอก็ปรากฏขึ้นบนแก้มที่หยาบกร้านของเขา “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากแก้แค้นแทนคุณนะ แต่ไอ้หมอนั่นมันไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!”

เมื่อดูจากปฏิกิริยาของผู้คนแล้ว พวกเขาชินกับภาพนี้มานานแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องที่รับได้ยากสำหรับชายฉกรรจ์อย่างเซวหมานจื่อจริงๆ!

แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็เป็นวิธีในการพิสูจน์ความจริงใจของเซวหมานจื่อที่มีต่อหยุนเหมิงหยาน ไม่อย่างนั้น ใครจะอยากขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ล่ะ?

“นั่นเป็นเหตุผลของคุณเหรอ? ฉันไม่ยอม!”

“ทุกครั้งที่มีเรื่องกัน ฉันสั่งให้คุณหยุด แต่คุณจะแถมให้เขาอีกหลายหมัดกว่าจะยอมหยุด? ครั้งนี้ฉันสั่งให้คุณสู้ แต่คุณกลับไม่สู้”

น่าเสียดายที่หยุนเหมิงหยานไม่ยอมฟังเหตุผลของเขาเลย เธอแม้กระทั่งพูดจาขึ้นเสียงและส่ายหน้าหนีด้วยความน้อยใจ

“เหมิงหยาน คุณฟังผมก่อนสิ!”

สีหน้าเซวหมานจื่อเต็มไปด้วยความขมขื่น “ก็พื้นที่แค่นี้ ถ้าผมสู้กับมันจริงๆ มันจะเละไม่เป็นท่าน่ะสิ”

“อีกอย่างคืนนี้เป็นงานเลี้ยงของท่านถังด้วย ยังไงก็ตาม เขาเป็นถึงหัวหน้าของหัวหน้าผมนะ ถ้าผมทำที่นี่พังจริงๆ แล้วท่านถังจะไม่เล่นงานผมเหรอ?”

“ที่สำคัญ ลงโทษผมคนเดียวก็แล้วไป เพราะผมเป็นผู้ชาย ลำบากหน่อยไม่เป็นไรหรอก แต่มันจะกระทบไปถึงคุณน่ะสิ!”

“ฉันไม่สน ฉันโกรธแล้ว!”

หยุนเหมิงหยานพยักหน้าเหมือนยังมีความในใจ แต่เธอเข้าใจความกังวลของเซวหมานจื่อ

แต่ความเข้าใจก็อยู่ส่วนของความเข้าใจ เพราะเธอยังรู้สึกโมโหในช่วงที่สู้กับเย่เทียน รวมไปถึงภาพของจี้เยียนหรันที่ทำตัวสนิทสนมกับเย่เทียน

“ก็……”

เซวหมานจื่อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าเขาได้ตัดสินใจบางอย่าง จากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เอางี้ไหม เดี๋ยวผมจะเรียกมันขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วผมจะสั่งสอนมันให้คุณเอง!”

เซวหมานจื่อผู้ซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ที่น่าสงสาร ช่างมีแฟนที่เข้มงวดจริงๆ!