บทที่ 484 หมีดำเซวหมานจื่อ

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“แล้วไอ้หมอนั่นมันอยู่ค่ายไหน? ทำไมมันใจกล้าขนาดนี้!”

“ถึงกล้ามาแย่งแฟนของเซวหมานจื่อ สงสัยเบื่อโลกแล้วสิท่า?”

“เป็นลูกวัวแรกเกิดที่ไม่กลัวแม้แต่เสือจริงๆ!”

หลังจากเข้าใจว่าเย่เทียนเป็นคนที่ตามจีบหยุนเหมิงหยาน ทุกคนก็ยิ่งตะลึงงันเข้าไปใหญ่

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นการรบกวนเย่เทียนกับหยุนเหมิงหยานที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ทั้งสองยังคงสู้กันอย่างดุเดือด

แน่นอนว่าทั้งสองไม่ได้เลือกใช้กำลังภายในใดๆ แต่ใช้เพียงการต่อสู้ในระยะประชิดตัวล้วนๆ

ที่สำคัญ ตั้งแต่เริ่มต้น เย่เทียนยังไม่ได้เลือกที่จะโต้ตอบเธอเลย เพียงแค่ป้องกันและหลบการโจมตีของเธอเท่านั้น

“นี่คุณกำลังดูถูกฉันอยู่เหรอ?”

กลับเป็นหยุนเหมิงหยานที่รู้สึกหัวร้อนมากขึ้น เพราะทุกการหลบหลีกการโจมตีของเย่เทียน มันจะเป็นการดูถูกเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความตั้งใจตั้งแต่แรกที่เธออยากรู้เพียงแค่ฝีมือของเย่เทียนนั้นได้หมดไปนานแล้ว แต่มันกลับแทนที่ด้วยความโกรธ ในตอนนี้ เธออดไม่ได้ที่จะจัดการเย่เทียนให้สาแก่ใจ!

ภายใต้ความรู้สึกแบบนี้ การโจมตีของหยุนเหมิงหยานก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ด้วยหุ่นอันบอบบางแต่ระเบิดพลังอันน่าทึ่ง และร่างของเธอก็พุ่งเข้าหาเย่เทียนราวกับสายฟ้า

“หือ?!”

เย่เทียนสุดจะทนแล้ว ในที่สุดเขาก็หยุดหลบเลี่ยงการโจมตีของอีกฝ่าย ซึ่งดูเหมือนจะช้า แต่ที่จริงแล้วเขายื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากการต่อสู้มาสักพัก เขาก็เข้าใจถึงความสามารถโดยรวมของหยุนเหมิงหยานแล้ว และเขาสามารถรับประกันได้ว่าหมัดนี้จะทำให้หยุนเหมิงหยานรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย และจะไม่ถึงกับสาหัส

ซึ่งทุกคนในงานไม่ใช่นักสู้กระจอกข้างทาง แล้วพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการโจมตีถัดไปของทั้งคู่เป็นการตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะ ดังนั้นทุกคนถึงกับกลั้นหายใจเพื่อรอดูว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในครั้งนี้!

แต่ในขณะที่หมัดของทั้งสองกำลังจะประสานเข้าหากัน เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชนโดยไม่มีการแจ้งเตือนก่อน!

ทุกคนเห็นแค่ภาพเลือนราง แต่หลังจากตั้งสติได้ พวกเขาก็พบว่าเงาร่างนั้นได้ยืนอยู่ระหว่างเย่เทียนกับหยุนเหมิงหยานด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าแล้ว!

พุ้ม! พุ้ม!

เสียงหมัดปะทะกันดังขึ้นสองครั้งตามลำดับ แต่เป็นเงาร่างคนนั้นที่หมัดของทั้งสองได้อย่างง่ายดาย!

บรรยากาศตึงเครียดทันที ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่สามารถตามสถานการณ์ได้และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยซ้ำ

“เซวหมานจื่อ!”

ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ในที่สุดเสียงอุทานก็ดังขึ้นจากฝูงชน และมันได้ปลุกทุกคนตื่นจากความตกใจ

เซวหมานจื่อไม่ได้เป็นผู้ชายที่หล่อเหลา แต่ใบหน้าอันแหลมคมของเขานั้นราวกับว่าถูกตัดด้วยใบมีด ดวงตาที่เหมือนพญาเสือคู่นั้นเฉียบคมดุจดาบ และยังเปล่งแสงผลิบานเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้คนไม่กล้าสบตาเขาเลยด้วยซ้ำ

แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือ เซวหมานจื่อคนนี้สูงเกือบสองเมตร ด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อย่างเป็นระเบียบ ซึ่งดูแล้วเหมือนหมีดำที่แข็งแกร่งมาก!

เมื่อมองไปที่เซวหมานจื่อที่ยืนอยู่ตรงกลางและปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้ ในที่สุดจี้เยียนหรันก็เริ่มรู้สึกกังวลและแทบห้ามใจไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปห้าม

“อย่าไป!”

แต่เธอเพิ่งก้าวออกไปเพียงแค่สองก้าว เฉิงหลงที่ไม่รู้มาเมื่อไหร่ก็ได้ห้ามจี้เยียนหรันเอาไว้

“แต่ว่า……” จี้เยียนหรันพยายามจะอธิบาย

“ท่านถังก็อยากรู้เหมือนกันว่าเย่เทียนกับเซวหมานจื่อ ใครจะเก่งกว่า!”

เฉิงหลงยิ้มอย่างจำใจ และดวงตาคู่นั้นที่มองเซวหมานจื่อก็เต็มไปด้วยความกลัว

อย่ามองว่าเขาเป็นหัวหน้าหน่วยชางหลงเลย เพราะเขาก็เคยพ่ายให้กับเซวหมานจื่อมาแล้ว!

ซึ่งมันแตกต่างจากการต่อสู้กับเย่เทียน แม้ว่าเย่เทียนจะแข็งแกร่งเหมือนกัน แต่ในใจลึกๆ ของเฉิงหลงก็ยังมีความคิดที่จะไม่ยอมแพ้เย่เทียน

แต่สำหรับการต่อสู้กับเซวหมานจื่อนั้น เขาไม่กล้ามีความคิดที่จะไม่ยอมแพ้เลยด้วยซ้ำ เพราะเซวหมานจื่อคนนี้เป็นเหมือนไทแรนโนซอรัสในร่างมนุษย์ชัดๆ!

“หืม?!”

จี้เยียนหรันขมวดคิ้วอย่างกะทันหัน แต่เธอจำเป็นต้องหยุดลงแล้วมองไปที่ใจกลางความสนใจของผู้คนด้วยความกังวล

เมื่อมองไปที่ชายร่างกำยำที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้า เย่เทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นและรู้สึกขุ่นเคืองใจไม่น้อย

พี่ชาย มาแบบนี้ ไม่คิดจะให้สุ้มให้เสียงหน่อยเลยหรือ?

เย่เทียนรู้ดีว่ามีคนกำลังหมายหัวถังเหวินหลงด้วยราคาอันมหาศาล เมื่อกี้เขายังคิดว่าคนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันคนนี้คือนักล่าค่าหัว ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาที่ว่องไวของเขา เกรงว่าคงมีเลือดกระเซ็นเต็มพื้นไปแล้ว

นอกเหนือสิ่งอื่นใด เพราะในตัวของเซวหมานจื่อคนนี้มีจิตสังหารแผ่ออกมาเป็นระยะๆ จึงทำให้เย่เทียนยากที่จะไม่เข้าใจผิด

แต่ถึงอย่างนั้น เย่เทียนก็รู้ว่าชายผู้แข็งแกร่งราวกับหมีดำคนนี้ต้องเป็นคนที่โหดเหี้ยมและเคยคลานออกมาจากซากศพอย่างแน่นอน!

มิฉะนั้น มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีจิตสังหารที่รุนแรงเช่นนี้ในตัวเขา!

ด้วยเหตุนี้ หลังจากรู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาสีหมึกคู่นั้นของเย่เทียนที่จับจ้องไปที่เซวหมานจื่อก็จริงจังมากขึ้น และเขาได้จัดให้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อยู่ในระดับที่อาจสร้างภัยคุกคามต่อเขาได้

“เขารังแกฉัน!”

หยุนเหมิงหยานก็เพิ่งหายจากอาการตกใจเช่นกัน เมื่อมองไปที่เซวหมานจื่อซึ่งปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้ เธอก็ทำหน้าบูดบึ้งแล้วชี้ไปที่เย่เทียน

“เดี๋ยวนะ ผมรังแกคุณยังไง?”

เย่เทียนถึงกับตกใจและโบกมือปฏิเสธทันที “ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมยังไม่ได้สวนกลับคุณเลยนะ อีกอย่างการโจมตีครั้งสุดท้ายเขายังเข้ามารับแทนคุณด้วย”

“เหมิงหยาน คุณยืนห่างหน่อย!”

แต่น่าเสียดายที่เซวหมานจื่อไม่ฟังคำอธิบายของเย่เทียนเลย เขาได้แต่โบกมือให้กับหยุนเหมิงหยานถอยห่างออกไป

หยุนเหมิงหยานก็หวังอย่างยิ่งว่าจะให้เซวหมานจื่อมาจัดการเย่เทียนแทนเธออยู่แล้ว เธอจึงถอยห่างออกไปเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับทั้งสองได้ต่อสู้กัน

ทุกคนในงานต่างก็เกิดความสนใจและมองดูทั้งสองที่อยู่ท่ามกลางผู้คนราวกับกำลังดูหนังแอคชั่น

คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งที่มีต้นกำเนิดลึกลับ ส่วนอีกคนคือราชาแห่งโลกทหารที่มีชื่อเสียง แล้วใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่?

ดังคำกล่าวที่ว่า คนดูสนุกไม่กลัวเรื่องมันจะใหญ่แค่ไหน!

ทุกคนในตอนนี้เริ่มจุดประกายความสนใจและเริ่มพูดคุยซุบซิบกัน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ทั้งสองเพราะกลัวจะพลาดฉากสำคัญไป

เมื่อพิจารณาจากการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนกับหยุนเหมิงหยานก่อนหน้านี้ ฝีมือของเย่เทียนก็พอใช้ได้เหมือนกัน แล้วถ้าเทียบกับเซวหมานจื่อคนนี้ล่ะ ผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร?!

“คุณดูไม่คุ้นหน้าเลยนะ มาจากเขตทหารไหน?”

เซวหมานจื่อผู้แข็งแกร่งราวกับหมีดำอาศัยความได้เปรียบจากความสูงแล้วมองลงไปที่เย่เทียน

“ผมไม่อยากมีเรื่อง”

เมื่อสัมผัสถึงความไม่เป็นมิตรของเซวหมานจื่อ เย่เทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ

“ผมก็ไม่อยากมีปัญหาเหมือนกัน”

เซวหมานจื่อส่ายหัวเบาๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา “แต่เมื่อกี้คุณรังแกแฟนผม ถ้าผมปล่อยคุณไปแบบนี้ ผมคงไม่ใช่ลูกผู้ชายสินะ?”

“หึ?!”

เย่เทียนมองไปที่หยุนเหมิงหยานอย่างประหลาดใจ จากนั้นมองกลับไปที่เซวหมานจื่อ ซึ่งในใจของเขารู้สึกเหนือคำบรรยายจริงๆ

หากไม่ได้เห็นด้วยตาของเขาเอง เขาคงไม่คิดว่าสองคนนี้เป็นคู่รักกัน มันช่างเป็นโฉมงามกับเจ้าชายอสูรในเวอร์ชันในชีวิตจริงเหลือเกิน!

“เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย จะหาว่าผมรังแกเธอได้ไง?”

เมื่อชำเลืองมองผู้คนโดยรอบ สีหน้าของเย่เทียนก็ยิ่งตึงเครียด

ถ้าเป็นไปได้ เขาไม่อยากเป็นจุดสนใจของผู้คนจริงๆ เพราะการถูกมองเป็นลิงในโชว์โรงละครสัตว์นั้นมันช่างน่าขายหน้าเหลือเกิน

“หมัดเมื่อกี้ ถ้าผมรับไม่ทัน เหมิงหยานคงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว!”

เซวหมานจื่อส่ายหัว “ผมจะให้คุณสองทางเลือก หนึ่งคือคุณต้องให้ผมชกคุณหนึ่งหมัด แล้วคุณไปขอโทษเหมิงหยาน”

“สองคือคุณมาสู้กับผม แล้วผมจะเป็นคนส่งคุณไปนอนที่โรงพยาบาลสักครึ่งเดือนเอง!”

สีหน้าของเย่เทียนกลายเป็นความเย็นชาทันที เขาอุตส่าห์ยอมถอยหนึ่งก้าวแล้ว แต่เซวหมานจื่อคนนี้ยังบีบบังคับเขา คงคิดว่าเขาเป็นแมวป่วยที่ไม่ยอมสู้คนแล้วสินะ?!

“งั้นผมขอเลือกสู้กับคุณละกัน! ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่ต้องไปนอนโรงพยาบาลครึ่งเดือน!”