บทที่ 483 ยิ่งพูดยิ่งแย

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฉันในวันนั้น เหมิงหยานก็คงไม่ต้องพลาดการสอบเลย ยิ่งไม่มีทางที่จะล้มเลิกความฝันตั้งแต่เด็กของเธอหรอก”

“ถึงแม้หลังจากนั้นเหมิงหยานจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ แต่เรื่องนี้มันทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับนางแย่ลงเรื่อย ๆ ถึงที่สุด”

ท่ามกลางสายลมจากทะเลที่พัดเข้ามา จี้เยียนหรันส่ายหัวอย่างขมขื่น ในเวลานี้ เธอได้เปิดเผยความลับที่ถูกฝังลึกลงไปในหัวใจของเธอให้กับเย่เทียนฟัง

“แต่นี่มันก็นานมากแล้ว ตอนนี้เธอคงมีชีวิตที่ดีในกองทัพแล้ว……”

เย่เทียนยกมือขึ้นแล้วลูบคางของเขาและแนะนำว่า “ถ้าคุณขอโทษเธอหน่อย บางทีความสัมพันธ์ของพวกคุณอาจจะคืนดีได้นะ”

“ฉันเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด แต่ว่า……”

จี้เยียนหรันสีหน้าขมขื่นและพูดอย่างจนใจว่า “ฉันกล้าบอกคุณได้เลยนะ ทุกครั้งที่เราเจอกัน ฉันอยากขอโทษนางมาก แต่ทุกครั้งนางจะพูดจาเสียดสีฉัน คุณก็รู้จักฉันดี ฉันจะขอโทษในตอนนี้ฉันโกรธอยู่ได้ไงล่ะ?”

“หรือว่าให้ผมลองไปคุยกับหยุนเหมิงหยานก่อน?”

เย่เทียนขว้างบุหรี่ที่มุมปากของเขาลงไปในทะเลและมองไปที่จี้เยียนหรันอย่างจริงใจ

ซึ่งดูจากสีหน้าของจี้เยียนหรันแล้ว เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าเธอต้องการขอโทษอย่างสุดซึ้งมากแค่ไหน แต่ว่ากำแพงของนิสัยความเคยชินมาขวางกันเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถละทิ้งศักดิ์ศรีนั้นได้

รวมไปถึงทุกครั้งที่พวกเธอเจอกัน หยุนเหมิงหยานก็จะหาเรื่องทะเลาะกับเธอก่อน ซึ่งมันก็ยิ่งทำให้เธอยากที่จะเอ่ยคำขอโทษ

ถึงแม้การเข้าหาหยุนเหมิงหยานก่อน ด้วยนิสัยแข็งกร้าวของหยุนเหมิงหยานแล้วอาจจะถูกปฏิเสธหรือเหวี่ยงกลับ แต่ถ้าสามารถคลี่คลายความเหินห่างของพวกเธอทั้งสองได้ เย่เทียนก็ยอมรับความรู้สึกแย่ๆ นี้!

“อื้ม”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง จี้เยียนหรันก็รวบรวมความกล้าและพยักหน้าตอบ

โดยที่ไม่รอช้า ในเมื่อจี้เยียนหรันเจ้าของเรื่องไม่ปฏิเสธ เย่เทียนก็ไม่เลือกที่จะอยู่ต่อบนดาดฟ้า เขาจึงลากจี้เยียนหรันกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยงอีกรอบ

เมื่อกวาดมองไปโดยรอบ ด้วยไหวพริบที่ดี เย่เทียนก็สามารถมองเห็นหยุนเหมิงหยาน

ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นการรวมตัวของเหล่ากองทัพ ซึ่งแน่นอนว่าหมาป่าต้องมีมากกว่าเหยื่ออยู่แล้ว ดังนั้นผู้หญิงที่อยู่ในนี้จะต้องมีชายฉกรรจ์มากมายคอยรุมล้อม

แต่ว่าหุ่นอันร้อนแรงของหยุนเหมิงหยานนั้นกลับตรงกันข้าม เพราะมีผู้ชายไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ข้างกายเธอ ซึ่งมันแต่ต่างกับผู้หญิงคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง

สาเหตุเพราะว่าชายเหล่านั้นรู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าหาหยุนเหมิงหยาน เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นที่สุดในงานนี้!

ในสถานะที่พวกเขาไม่สามารถสู้กับหยุนเหมิงหยานได้ ถ้าหากพวกเขาเลือกที่จะเข้าหาเธอ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะถูกเธอทารุณกรรมได้

แต่เย่เทียนไม่ได้เหมือนคนกลุ่มนี้ เขาจึงไม่ได้สนใจเรื่องจิปาถะเหล่านี้

“เยียนหรัน คุณรอที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมลองเข้าไปคุยกับเธอก่อน”

ในขณะนี้ หลังจากคุยกับจี้เยียนหรันเสร็จ เย่เทียนก็ตรงเข้าไปหาหยุนเหมิงหยาน

“หยุนเหมิงหยาน ว่างคุยเป็นการส่วนตัวไหมครับ?”

เมื่อเหลือบมองไปที่ชายร่างกำยำสองคนที่ยืนอยู่ข้างหยุนเหมิงหยาน เย่เทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นเบาๆ

“ฉันจำคุณได้ คุณชื่อเย่เทียนใช่ไหม?”

เมื่อเสียงดังขึ้นข้างหู หยุนเหมิงหยานก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เธอหันมองไปก็พบว่าเย่เทียนเป็นคนที่เรียกชื่อเธอ จากนั้นรอยยิ้มอันแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ

ไม่เพียงแค่เธอเท่านั้น ชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้างเธอก็ยิ้มแปลกๆ และถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมกัน

“หืม?!” เย่เทียนสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา และเกิดความสับสนนัยน์ตาสีเข้มของเขา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายถึงอะไร

กูไม่ใช่เสือกินคนนะ ทำไมต้องถอยไปไกลขนาดนี้?

“ได้ข่าวว่าคุณไม่ใช่สมาชิกในกองทัพเลย แต่ท่านถังกลับชื่นชมในตัวคุณมาก?”

รอยยิ้มอันมีนัยของหยุนเหมิงหยานแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น “ถ้าอยากคุยกับฉันเป็นการส่วนตัว งั้นก็แสดงให้ฉันเห็นสิว่าคุณมีดีแค่ไหน ถึงทำให้ท่านถังชื่นชมในตัวคุณขนาดนี้ได้!”

ทันทีที่พูดจบ และก่อนที่เย่เทียนจะตอบสนอง หยุนเหมิงหยานก็มีการเคลื่อนไหว มือหยกสีเขียวงดงามของเธอกำหมัดแน่นๆ จากนั้นชกไปที่เย่เทียนด้วยความรุนแรง

“นี่! คุณคิดจะทำอะไรเนี่ย?!”

กำปั้นในรู้ม่านตาของเย่เทียนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และในที่สุด เขาก็เข้าใจว่าทำไมชายฉกรรจ์สองคนนั้นถึงต้องถอยหลังออกไปสองสามก้าว

ในขณะที่กำปั้นกำลังจะกระแทกเข้ากับเย่เทียน เขารีบขยับขาและหลบการโจมตีนั้นอย่างง่ายดาย

“เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าคุณเอาชนะฉันได้ ฉันอาจจะพิจารณาคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวได้!”

ในขณะที่พูด หยุนเหมิงหยานก็เหวี่ยงเท้าอีกข้างหนึ่งเพื่อแตะไปที่เย่เทียน

เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ เขาไม่อยากสู้กับหยุนเหมิงหยานเพื่อทำให้เป็นจุดสนใจของที่นี่ แต่หยุนเหมิงหยานก็พูดอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าอยากช่วยจี้เยียนหรันจริงๆ เขาจำเป็นต้องต่อสู้กับเธอ!

“คุณพูดเองนะ!”

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เย่เทียนก็จนใจและถอยหลังไปสองก้าวเพื่อหลบการโจมตีของหยุนเหมิงหยานอีกครั้ง

“ลูกผู้ชาย คำไหนคำนั้น!”

หยุนเหมิงหยานตะโกนออกมา เท้าของเธอลอยขึ้นกลางอากาศและเตะไปที่ใบหน้าของเย่เทียน

พรึ่บ!

แต่เย่เทียนเหยียดมือออกไปราวกับความเร็วสายฟ้า จากนั้นคว้าข้อเท้าของหยุนเหมิงหยานมาและกระชากแรงๆ

แต่ว่า หยุนเหมิงหยานที่กล้าโจมตีเย่เทียนแบบนี้ เธอต้องมีความสามารถในระดับหนึ่งอยู่แล้ว

หลังจากปรับกระบวนท่าอย่างรวดเร็ว เธอก็กลับลงสู่พื้นอย่างง่ายดาย แต่ก่อนที่เธอจะหันกลับมา เสียงทะลุผ่านอากาศดังขึ้นในหูของเธอ เธอจึงรีบชกออกไปด้วยกำปั้นของเธอแรงๆ

บูม!

เสียงกระทบดังก้องขึ้น ทั้งสองชนเข้าหากันและกระเด็นออกไปหลายเมตร

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หยุนเหมิงหยานราวกับเสือโคร่งที่ถูกแตะก้น เธอพุ่งเข้าหาเย่เทียนอีกครั้งด้วยความโกรธ

แต่เย่เทียนยังดูเฉยเมย เขาไม่ได้แสดงอาการกลัวใดๆ และป้องกันการโจมตีของหยุนเหมิงหยานได้ทุกกระบวนท่า

ซึ่งเขาแค่ป้องกันและหลบการโจมตีเท่านั้น แต่ไม่เคยคิดจะสวนกลับเลยสักครั้ง!

“โอ้ ไอ้หมอนั้นเป็นใครกันแน่? กล้าดียังไงมายุยงหยุนเหมิงหยาน?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ! แต่วันนี้มันจบไม่สวยแน่!”

“ถูกต้อง ต่อให้มันเอาชนะหยุนเหมิงหยานได้ แล้วมันจะรับมือเซวหมานจื่อได้เหรอ?!”

ตามที่เย่เทียนคาดไว้ไม่ผิด การที่ทั้งสองปะทะกันอย่างกะทันหันนั้น มันจึงเป็นการดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในตอนนี้ ผู้คนก็มุมเข้ามาและชี้ไปที่ทั้งสองแล้วแสดงความคิดเห็นมากมาย แต่ไม่มีใครคิดจะห้ามเลยสักคน

แม้แต่จี้เยียนหรันที่คอยเฝ้าดูทั้งสองอยู่ทุกวินาที หลังจากที่เธอตกใจในช่วงแรกแล้ว ตอนนี้เธอสงบสติอารมณ์ได้และยืนอยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ

เท่าที่เธอรู้จักเย่เทียนมา เธอรู้ถึงความสามารถของเขาเป็นอย่างดี เธอเชื่อว่าเย่เทียนจะไม่เสียเปรียบ ที่ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะไม่ทำร้ายหยุนเหมิงหยานอย่างแน่นอน

ในขณะนี้ ชายฉกรรจ์สองสามคนที่ยืนอยู่ข้างหยุนเหมิงหยานตั้งแต่แรกก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน ไม่เพียงเท่านั้น เพราะยังมีคำถามมากมายที่ยิงไปที่พวกเขา ซึ่งต่อให้พวกเขามีคนละสิบปากก็ไม่อาจตอบคำถามเหล่านั้นได้!

แต่ชายฉกรรจ์หนึ่งในนั้นรู้สึกรำคาญจนเหลือทน เขาจึงตวาดส่งเสียงดังขึ้นอย่างไม่ลังเล “พอกันทีๆ หยุดถามได้แล้ว ไอ้หมอนั่นคือคนที่ตามจีบเหมิงหยาน!”

ทันทีที่ประโยคนี้ดังขึ้น ผู้คนในนั้นก็ยิ่งสงสัย

ใครในนี้ไม่รู้ว่าหยุนเหมิงหยานเป็นแฟนสาวของเซวหมานจื่อบ้าง? แล้วไอ้หมอนี่มันกล้าดียังไง ถึงกล้ามายุ่งกับทหารสุดโหดของกองทัพ?!

เชื่อว่าเย่เทียนไม่เคยคิดมาก่อนว่าชายฉกรรจ์เหล่านี้จะยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา แม้กระทั่งจินตนาการความสัมพันธ์ของเขากับหยุนเหมิงหยานไปมั่วซั่ว……