ตอนที่ 443 มนุษย์จะไม่ยอมถูกข่มขู่

Legend of the mythological genes

ตอนที่ 443 มนุษย์จะไม่ยอมถูกข่มขู่

 

“มนุษย์จะไม่ยอมถูกข่มขู่!”

 

เมื่อพูดคําเหล่านี้ มันก็ราวกับดาวอังคารและโลกได้ชนกัน สั่นคลอนจักรวาลด้วยพลังอันยิ่งหทัยคําพูดนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเจตนาที่ยากจะสั่นคลอน

 

หัวใจเหล็กกล้าจะหวั่นไหวได้อย่างไร

 

เมื่อพูดคําเหล่านี้ สายตาของนายพลสงครามก็ยิ่งเย็นชา เต็มไปด้วยเจตฆ่ารุนแรง

 

นายพลอีกสองและนักรบดวงดาวทุกคนบนสนามรบต่างรู้สึกเห็นด้วยกับการตัดสินใจนี้

 

คลื่นวิญญาณสีดํานี้ได้คร่าชีวิตสหายของพวกเขาไปมาก แต่พวกมันกลับบอกว่าอยากจากไปมันจะไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?

 

เลือดที่ไหลรินออกจากมนุษย์ ต้องได้รับการชดใช้พวกเขาจะเอาคืนเผ่าวิญญาณให้มากกว่าเป็นร้อยเท่า

 

มนุษย์เหนือกว่าในการต่อสู้นี้และทุกคนที่รอดชีวิตก็ไม่คิดให้อภัยสัตว์ประหลาดต่างดาวเหล่า

 

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเผ่าวิญญาณเป็นฝ่ายเหนือกว่า พวกมันคงไม่ปล่อยพวกเขาไป

 

ไม่มีเสียงวุ่นวาย มนุษยทั้งหมดที่เข้าร่วมสงคราม ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ การบ่มเพาะ หรือสถานะทั้งหมดล้วนมีความเห็นตรงกัน

 

พวกเขาจะกวาดล้างเผ่าวิญญาณโดยไม่ให้เหลือรอดสักชีวิต

 

ถ้าพวกเขาไม่ขจัดความชั่วร้ายนี้ออกจากรากเหง้า พวกมันก็จะกลับมาใหม่

 

มีเพียงการกวาดล้างพวกมันทั้งหมดถึงสามารถรับรองได้ว่าจะไม่มีปัญหาในอนาคต

 

ทุกคนมีความคิดเห็นเดียวกัน จิตสังหารทะยานขึ้นฟ้าราวกับเป็นวัตถุ พวกมันบิดเบือนอวกาศกระตุ้นแสงดาวให้ยุ่งเหยิง สร้างภาพลวงตาแสนสับสนวุ่นวาย

 

แรงกดดันที่มองไม่เห็นครอบคลุมหัวใจทุกคน

 

แม้แต่แม่ของเผ่าวิญญาณก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมันได้สติ มันก็รู้สึกถึงความอัปยศ

 

ในฐานะแม่ของเผ่าวิญญาณที่ทําลายล้างกาแลคซี่มานับไม่ถ้วน มันกลับเริ่มรู้สึกกลัวมนุษย์นต่ําเหล่านี้!

 

มันโกรธในความขี้ขลาดของมัน มันยังรู้เดือดดาลกับความจริงที่มนุษย์กล้าตอแยมัน มันคําราม ก่อให้เกิดคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแผ่ขยายออกไป

 

“บัดซบเจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ํา ในเมื่อพวกแกกําลังรนหาที่ตาย งั้นก็มาตายไปด้วยกัน!”แม่ของเผ่าวิญญาณโกรธจนขาดสติ ความรู้สึกโกรธเติมเต็มหัวใจมัน

 

ร่างใหญ่โตมันบิดอย่างบ้าคลั่งและรูที่อัดแน่นเหมือนรังแตนก็พ่นสสารออกมามากมายพวกมันเต็มไปด้วยรังสีมลพิษที่มีความหนืดเหมือนปิโตรเลียม

 

ปั้บ ปั้บ ปั้บ!

 

สถานะพลังงานบนไมโครเมธาทุกคนพุ่งสูงขึ้นและส่งเสียงเตือน มันมาถึงระดับที่แทบทะลุจ่อชื่อ

 

ไมโครเมชาไม่สามารถทนต่อการแผ่รังสีของพลังงานได้และเริ่มพ่นประกายไฟฟ้าออกมา

 

ใบหน้าของเฟิงหลินและคนอื่นดํามืด พวกเขารีบปิดเครื่องตรวจจับพลังงานขอ งชุดเพื่อป้องกันไม่ให้เสียหาย

 

ถ้าไม่มีชุดพวกเขาจะไม่สามารถอยู่รอดในอวกาศได้

 

กระแสพลังงานรุนแรงพุ่งมาเหมือนคลื่น โจมตีค่ายกลสังหารสามมิติ

 

ภายใต้เสียงร้องของแม่มัน อสูรวิญญาณมากมายพากันขาดสติ พวกมันโจมตีสามนายพลราวกับพวกมันไม่สนใจชีวิต อยากทําลายค่ายกลจากภายนอกและสร้างเส้นทางให้แม่ของพวกมัน

 

การต่อสู้ระหว่างสองเผ่าพันธุ์ไม่มีที่ให้ถอย เว้นแต่อีกฝ่ายจะถูกถอนรากถอนโคน การต่อสู้จะดําเนินต่อไป

 

มนุษย์และเผ่าวิญญาณเข้าตะลุมบอนกัน

 

ผู้บ่มเพาะมนุษย์ทุกคนพากันกินยาพันธุกรรมที่เตรียมไว้ เติมเต็มพลังงานของพวกเขา

 

เขตปกครองราชาลิง!

 

ในช่วงเวลาวิกฤต เฟิงหลินคงเบื่อชีวิตถ้าเขาคิดออมมือ

 

เฟิงหลินประสานมือและเปิดใช้เขตปกครองราชาลิงจนถึงขีดสุด สร้างเป็นม่านพลังที่ไม่อาจข้าม

 

พลังงานปะทะกัน ลมและไฟ สายฟ้าผ่าลงมาเหมือนดาบแหลม ฟันรอยแยกมากมายในอวกาศ…

 

ฉากภายในเขตปกครอกครองราชาลิงเหมือนจุดจบของโลก มันคล้ายกับสัตว์ประหลาดที่มองไม่เห็น กลืนกินเผ่าวิญญาณไปมากมาย จากนั้นก็ย่อยพวกมัน บดขยี้พวกมันเป็นอนุภาคพลังงานพื้นฐานในจักรวาล มันน่ากลัวมาก

 

ไม่ว่าเผ่าวิญญาณจะมีมากแค่ไหน พวกมันต่างก็ถูกลบหายไปจนสิ้น

 

ภาพจําแลงเงินอู่!

 

กลิ่นอายพวยพุ่งขึ้นและเงาร่างยิ่งใหญ่บนเต่าดําก็ปรากฏ เงาร่างนั้นมีหมวกเมฆและถือดาบสะกดอสูรไว้ มันคือเงินอู่หญิงที่มีรูปลักษณ์เหมือนจ้าวเยวี่ยเอ๋อร์

 

เงินอู่หญิงใช้ดาบแหลมผ่าลงมา สะกดปีศาจและอสูรร้ายทั้งหมด

 

การลงทัณฑ์แห่งแสง

 

แสงอันยิ่งใหญ่ปรากฏออกมาเหมือนเมฆ วังงดงามปรากฏท่ามกลางแสงและมีเหล่าเทพธิดาร่ายรําอยู่รอบๆ มันราวกับสรวงสวรรค์ ขับไล่สิ่งชั่วร้ายทั้งหมด

 

ท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์ เผ่าวิญญาณทั้งหมดต่างระเหย

 

ผู้บ่มเพาะหลายคนสู้สุดชีวิต สามนายพลเองก็ไม่ได้หย่อนยาน พวกเขาทุ่มพลังและชี วิตทั้งหมดเพื่อล้อมโจมตีหลุมขาววิญญาณ

 

แม่ของเผ่าวิญญาณค่อยไถลลงไปในเหวลึกแห่งความตายโดยไม่สามารถหยุดอะไรได้มันฝืนปะทะค่ายกลด้วยร่างใหญ่ราวกับมันคลุ้มคลั่ง อยากฝืนเปิดทางออกไป

 

แม่ของเผ่าวิญญาณเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอํานาจเหนือล้นในจักรวาล และขณะที่มันยังเสี่ยงชีวิตคลื่นทําลายล้างก็ส่งออกไป ค่ายกลเองยังเริ่มสั่นคลอน

 

สีหน้าของสามนายพลซีดเซียวและร่างกายก็สั่นสะท้าน พวกเขาล้วนเป็นผู้บ่มเพาะที่ฝ่าฝันสถานการณ์เสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน เจตจํานงพวกเขาแข็งแกร่งมากจนถึงขั้นไม่สนใจสภาพร่างกายตัวเอง พวกเขาต้องกวาดล้างแม่ของเผ่าวิญญาณซึ่งเป็นศัตรูของมนุษย์ไม่ให้มันหวนกลับมาได้อีก

 

ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้อยู่บนเส้นบางๆ พวกเขาต่างพากันเพิ่มความรุนแรงของการโจมตี

 

“บัดซบ!ไม่คิดเลยว่าฉันจะต้องมาตายในเงื้อมมือของสิ่งมีชีวิตที่ด้อยสุดในจักรวาล”เมื่อตระหนักว่ามันยากจะหลบหนีได้ แม่ของเผ่าวิญญาณก็อับอายมาก ไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ มันเริ่มชนกับค่ายกลด้วยความดุร้ายกว่าเดิม แต่ทว่า ร่างมันก็ยังถูกทําลายลงช้าๆพลังมันยิ่งอ่อนแรง

 

ในที่สุดก็จบ?

 

เมื่อเห็นแม่ของเผ่าวิญญาณกําลังสู้อย่างสิ้นหวังเหมือนอสูรร้ายที่ถูกขัง ไม่สามารถรอดพ้นชะตากรรมได้ ทุกคนที่เห็นก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้

 

การต่อสู้นี้เริ่มต้นจากการทําลายหลุมดําและทําลายภูมิภาคดวงดาววิญญาณ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับกองทัพวิญญาณนับสิบล้าน มีคนตายเกลื่อนไปหมด สุดท้ายทุกอย่างก็กําลังจะจบแล้วจริงๆ?

 

ไม่ว่าจิตใจพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มนุษย์ก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ ด้วยชัยชนะในมือ แม้แต่สามนายพลก็ยังถอนหายใจโล่งอกลและการกระทําก็หยุดลงไปชั่วขณะ

 

แต่ทว่า ในเวลา0.0001วินาทีนั้น แม่ของเผ่าวิญญาณกลับได้พักหายใจและดวงตา นับร้อยมันก็ทอประกายชั่วร้าย” มนุษย์ จงพินาศไปกับฉัน!”

 

วินาทีต่อมา มันก็พองตัวขึ้นเป็นพันเท่า ทําให้เกิดรอยตกขึ้นทั่วตัว จากนั้นร่างข นาดใหญ่มันก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นจุดเล็กๆที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า

 

รูปแบบมันหดตัวลงอย่างรวดเร็ว พลังงานมันรวมกัน ปลดปล่อยกลิ่นอายทํา ลายล้างโลกออกไป

 

“ไม่ดีแล้ว!”สีหน้าของสามนายพลเปลี่ยนไป พวกเขาไม่คิดว่าแม่ของเผ่าวิญญาณจะคิดพลีชีพตัวเองตอนพวกเขาหยุดพักหายใจ พวกเขาระดมพลังอย่างบ้าคลั่ง อยากยับยั้งมันอีกครั้ง

 

แต่ทว่า ทุกอย่างนั้นสายไปแล้ว!

 

แม่ของเผ่าวิญญาณหัวลงเป็นจุด ราวกับมันกําลังสัมผัสกับแก่นแท้ของจักรวาล กลายเป็นเอกฐานแรงโน้มถ่วงที่มีพลังไร้สิ้นสุด วินาทีต่อมา มันก็ปะทุขึ้น

 

หายนะแห่งจักรวาล!

 

แสงมันคือแสง!

 

เอกฐานแรงโน้มถ่วงระเบิดและทุกสิ่งมีชีวิตก็หยุด มีเพียงแสงที่เหมือนแสงแรกของจักรวาลถึงดํารงอยู่ แต่ก็เต็มไปด้วยพลังทําลายล้าง

 

ค่ายกลถูกทําลายทันที

 

มนุษย์ทั้งหมดที่ไม่สามารถหลบได้ทันต่างถูกแสงสีขาวปกคลุม ไม่เหลือร่องรอยเลยแม้แต่น้อย