ฉากความโกลาหลครั้งนี้ก็ได้จบลงแล้ว สุดท้ายหวังเซียงฉินก็ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล ส่วนเด็กในท้อง ซีเหมินจินเหลียนคิดว่าคงรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ ในใจรู้สึกเสียใจเช่นกัน อย่างน้อยๆ เด็กในท้องก็ไม่รู้เรื่องอะไร แต่ยิ่งเกลียดชายชู้สารเลวคนนั้น…
ในระหว่างทางกลับบ้านซีเหมินจินเหลียนรู้สึกแปลกใจ จึงถามออกไปว่า “ชายชู้ของหวังเซียงฉินเป็นใครกัน”
ทางฝั่งตระกูลหลินเรื่องราวทุกอย่างก็ได้คลี่คลายลงแล้ว หลินเสวียนหลานเริ่มซื้อหุ้นในมือจากญาติที่เหลือ ขอแค่มีเงินเรื่องทุกอย่างก็ง่ายขึ้น หากเป็นตามที่จ่านป๋ายเคยพูดไว้ อย่างมากสุดหนึ่งเดือนพวกเขาจะสามารถซื้อหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ได้ทั้งหมด
จ่านป๋ายตกตะลึง คำถามนี้ซีเหมินจินเหลียนเคยถามเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เขาเลยพูดออกไปอย่างส่งๆ คิดไม่ถึงว่าวันนี้เธอยังจะถามขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ไม่ว่าอย่างไรในอนาคตก็ต้องรู้ แต่เขาก็ยังไม่อยากที่จะบอกเธอ
ซีเหมินจินเหลียนเห็นสีหน้าเขาผิดปกติไป เช่นนั้นก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น เลยถามออกไปว่า “คุณเป็นอะไรไป”
“ไม่…ไม่ได้เป็นอะไร…” จ่านป๋ายรีบพูดออกมา “จินเหลียน พวกเราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลยนะครับ ชู้ของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร เราจะไปสนใจคนแบบนั้นทำไมกัน”
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินแล้วในใจก็ยิ่งรู้สึกสงสัย แต่ทำได้เพียงพยักหน้าตอบ “ช่างเถอะ” แต่ในใจก็เริ่มคาดเดาไปต่างๆ นานา หรือว่าเธอจะรู้จักชู้ของหวังเซียงฉิน? ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นใครกัน ทำไมจ่านป๋ายถึงได้อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่ยอมบอกเธอ หรือว่าจะเป็นหลินเสวียนหลาน?
ไม่น่าใช่? หลินเสวียนหลานน่ะหรือจะสนใจหวังเซียงฉิน
“จินเหลียน คุณเป็นอะไรไปครับ” แม้ว่าจ่านป๋ายจะขับรถอยู่ แต่เขาก็คอยมองสังเกตเธอ เมื่อเห็นสีหน้าของเธอแสดงท่าทีแปลกๆ ออกมาเขาก็ถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“หลินเสวียนหลานเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียนพูดชื่อที่สงสัยอยู่ในใจขึ้นมา
“หา!” จ่านป๋ายรู้สึกมึนงงก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณคิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย ถ้าหลินเสวียนหลานรู้เข้าเขาจะโกรธก็คงไม่แปลก เขาจะไปชอบผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไงกันครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเป็นใครล่ะ ทำไมคุณถึงต้องปิดบังฉันด้วย” ซีเหมินจินเหลียนถาม “หรือว่าจะเป็นคุณ?”
“ผม?” จ่านป๋ายได้ยินเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี ทำไมเธอถึงพยายามถามคำถามนี้ให้ได้นะ
“คุณไม่พูดก็ดีอยู่หรอก แต่พอคุณพูดขึ้นมาฉันก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ ในเมื่อไม่ใช่พวกคุณ แล้วทำไมถึงบอกฉันไม่ได้ล่ะ?” ซีเหมินจินเหลียนถาม
“เรื่องนี้” จ่านป๋ายลังเลเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยากบอกเธออยู่ดี จึงได้แต่ยิ้ม “ครั้งหน้าคุณก็ลองถามหลินเสวียนหลานดูเถอะครับ ผมไม่บอกหรอก!”
“เหอะ!” ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปอีกทางแล้วพูด “คืนนี้ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว!”
จ่านป๋ายเห็นท่าทางของเธอที่กำลังงอนเช่นนั้น ในใจก็รู้สึกดีหัวเราะออกมา
“กี่โมงแล้วคะ” ซีเหมินจินเหลียนมองไปที่นอกหน้าต่าง เห็นสีของท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง
“น่าจะประมาณหกโมงครึ่งครับ ไม่ต้องรีบร้อน ยังเร็วเกินไปที่จะกินข้าว ถ้าอย่างนั้นพวกเราหาข้าวกินข้างทางแล้วค่อยกลับไปดีไหม” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนส่ายหัวพูด “กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นไปบ้านคุณกัน!”
“คุณว่าอะไรนะ?” จ่านป๋ายเกือบจะเหยียบคันเร่งผิดเป็นเบรก ก่อนจะถามอย่างตกใจ
“ฉันบอกว่าพวกเรากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นค่อยไปกินข้าวที่บ้านคุณกัน คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณพ่อคุณ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เป็นอะไรไป จะไม่ต้อนรับฉันเข้าบ้านคุณเหรอ?”
“ทำไม?” จ่านป๋ายพยายามออกแรงควบคุมพวงมาลัย จู่ๆ ก็รู้สึกว่ากระดูกนิ้วมือที่กดไปนั้นเจ็บขึ้นมา
“เรื่องครั้งนั้นฉันติดค้างจ่านมู่ฮวาไว้ วันนี้เขานัดฉันให้ไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านของคุณ เพราะฉะนั้นฉันเลยรับปากเขาไปแล้ว อีกสักพักคุณไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่อยากเป็นคู่ควงของเขา แต่จะยอมเป็นคู่ควงของคุณ” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม
จ่านป๋ายเดิมทีที่อยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อฟังประโยคสุดท้ายแล้วในใจก็มีแรงกระตุ้นขึ้นมาพร้อมพยักหน้าพูด “ตกลงครับ ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
ถ้าหากตนไม่ไป ก็กลัวจะเสียเปรียบจ่านมู่ฮวา เท่าที่เขารู้มาปกติจ่านมู่ฮวาไม่เคยพาผู้หญิงกลับบ้าน แม้ว่าข้างนอกเขาจะมีผู้หญิงมาติดพันมากมายก็ตาม…
“ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านบน คุณก็เลือกชุดสำหรับงานเลี้ยงแล้วเปลี่ยนเสีย ฉันจะใส่สีฟ้า…” ซีเหมินจินเหลียนยิ้ม พูดพลางรีบขึ้นไปด้านบน
จ่านป๋ายเห็นสีหน้าที่ดูมีความสุขของเธอแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา จ่านมู่ฮวา ร้ายกาจนัก! ในเมื่อซีเหมินจินเหลียนพูดมาแบบนี้ เขาก็ต้องรีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เลือกชุดสูทสีน้ำเงิน มองไปที่กระจกพลางผูกเนคไท อดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้มออกมา
ซีเหมินจินเหลียนปกติไม่ชอบแต่งหน้า แต่เมื่อออกงานเลี้ยงแบบนี้ เธอก็ขอแต่งหน้าอ่อนๆ แล้วสวมใส่เดรสสีฟ้า ยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินลงมาด้านล่าง เมื่อเห็นจ่านป๋ายเปลี่ยนเป็นชุดสูทก็ยิ้มออกมา “เสี่ยวป๋าย นึกไม่ถึงเลยว่าคุณใส่ชุดสูทแล้วจะดูดีขนาดนี้!”
“หมายความว่า ตอนที่ผมไม่ใส่ชุดสูทผมดูไม่ดีเหรอครับ?” จ่านป๋ายพูด
“ฉันไม่ชอบผู้ชายหน้าหวานอย่างจ่านมู่ฮวาคนนั้น…” ซีเหมินจินเหลียนพูด “มองแล้วไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลย คุณคิดดูสิผู้ชายอายุอย่างเขา จะสวยขนาดนี้ไปเพื่ออะไรกัน”
จ่านป๋ายส่ายหน้า ความคิดของผู้หญิง คุณคิดทั้งชาติก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก
“จินเหลียน แล้วคุณชอบผู้ชายแบบไหนเหรอ” จ่านป๋ายถามหยั่งเชิงเธอ
“หืม…” ซีเหมินจินเหลียนเหลือบมองไปที่เขาแล้วพูดขึ้น “คุณรู้แล้วยังจะถามไปทำไมอีก”
จ่านป๋ายไม่เข้าใจ แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียดก็มีแต่ความคลุมเครือ จู่ๆ ก็นึกถึงเพลงๆ หนึ่งที่ร้องว่ายังไงนะ ‘จิตใจของผู้หญิง ทางที่ดีที่สุดอย่าไปทายเลย’
ประตูทางเข้าของบ้านตระกูลจ่าน ซีเหมินจินเหลียนได้เห็นแล้วก็รู้สึกตกใจในความหรูหรายิ่งใหญ่ แม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อได้มาเห็นกับตาตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่ดี เธอคล้องแขนจ่านป๋ายแล้วพูดว่า “เสี่ยวป๋าย ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันยังเป็นคนจนอยู่”
“อย่างนั้นหรือครับ?” จ่านป๋ายพูดอย่างไม่แปลกใจ “ทำบ้านเสียใหญ่โต แต่บ้านก็ยังไม่เหมือนบ้าน!”
ซีเหมินจินเหลียนหัวเราะหึหึ จ่านป๋ายคล้องมือเธอไว้เแล้วเดินเข้าไปประตูด้วยกัน
“คุณซีเหมิน คุณมาแล้ว ผมรอคุณตั้งนาน” เมื่อเดินถึงปากประตู จ่านมู่ฮวาที่ใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัวก็เดินออกมา เอื้อมมือไปลากเธอและจ่านป๋ายให้ออกจากกันพร้อมยิ้มขึ้น “ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า สายตาของผมก็คอยเฝ้ารออยู่ที่หน้าประตู กลัวว่าคุณจะไม่มา”
“ฉันดูเป็นคนผิดคำพูดขนาดนั้นเลยหรือคะ?” ซีเหมินจินเหลียนพูด ในขณะที่พยายามหลีกหนีอย่างรวดเร็วและรักษาระยะห่างจากจ่านมู่ฮวา
“ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว!” จ่านมู่ฮวายิ้ม “คุณซีเหมิน งานเลี้ยงยังไม่เริ่มเลย ผมพาคุณไปเยี่ยมชมบ้านของพวกเราก่อนดีไหมครับ”
ซีเหมินจินเหลียนหันหน้าไปมองจ่านป๋าย ต้องการปฏิเสธ แต่อยู่ๆ จ่านมู่ฮวาก็พูดออกมาว่า “มู่หรง คุณพ่อรอพบแกอยู่ที่ห้องสมุด แกไปเองเถอะ”
จ่านป๋ายไม่เข้าใจ คุณพ่อจะรอเขาอยู่ที่ห้องสมุดเพื่ออะไรกัน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะมา?
“ตอนเช้าคุณซีเหมินบอกฉันแล้วว่าจะมาพร้อมกันกับแก ฉันก็แค่รายงานคุณพ่อไป” จ่านมู่ฮวารีบอธิบาย
จ่านป๋ายพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับซีเหมินจินเหลียน “คุณเที่ยวเล่นรอบบ้านไปก่อน อีกสักพักผมจะกลับมา” พูดพลางตนเองก็เดินเข้าไปข้างใน เดินผ่านฉากกั้นอันใหญ่ในห้องรับแขกอย่างคุ้นเคยแล้วรีบขึ้นไปยังด้านบน
ซีเหมินจินเหลียนเห็นเงาของเขาหายไปก็ได้แต่ถอนหายใจ ที่นี่เป็นบ้านของเขา แต่ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่ามีอันตรายอยู่ในนั้น?
“คุณซีเหมิน เชิญครับ!” ท่าทางของจ่านมู่ฮวาดูสุภาพอ่อนน้อม เชื้อชวนซีเหมินจินเหลียนให้เข้าไป ภายในห้องรับแขกด้านล่างมีแขกที่นั่งรวมตัวอยู่ด้วยกันบ้างแล้ว พูดสนทนาหัวข้อต่างๆ ที่สนใจ
ซีเหมินจินเหลียนกำลังหาที่นั่งเพื่อรอจ่านป๋ายอยู่พอดี เธอรับปากกับจ่านมู่ฮวาว่าจะมาร่วมงานเลี้ยงนี้ แต่เธอไม่ได้รับปากว่าจะเป็นคู่ควงของเขา รอให้จ่านป๋ายกลับมา เธอจะอยู่ในงานต่ออีกสักหน่อยแล้วค่อยรีบกลับไป คนพวกนี้เธอไม่รู้จักสักคน ดูแล้วน่าจะเป็นญาติมิตรเพื่อนสนิทของตระกูลจ่าน
“ไปเถอะ ผมจะพาคุณไปนั่งด้านบน คิดดูแล้วที่นี่คุณก็ไม่มีเพื่อนที่รู้จัก ถ้าจะนั่งเฉยๆ ก็กลัวจะเบื่อเสียก่อน รอให้งานเลี้ยงเริ่ม ผมจะไม่รบกวนคุณแล้ว!” จ่านมู่ฮวายิ้ม
“ก็ได้ค่ะ” ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเขาพูดอย่างนั้นแล้วก็ปฏิเสธไม่ลง เดินขึ้นไปด้านบนพร้อมกันกับเขา
“คิดว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างครับ” จ่านมู่ฮวามองเธอด้วยความมั่นใจ ขอแค่เป็นผู้หญิง ย่อมที่จะชอบห้องนี้ที่เขาตกแต่งอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ
“คุณรวบรวมดอกกล้วยไม้มากมายมาจากที่ไหนกัน” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องอบอุ่น มีกระจกโปร่งใสเป็นผนัง มีดอกกล้วยไม้พันธุ์หายากที่ไม่เคยได้ยิน เรียงรายอยู่หลายกระถางสร้างความสดใส
“ชอบสินะครับ?” จ่านมู่ฮวาพูดในขณะที่พาเธอเข้าไป ชี้ไปที่เก้าอี้แล้วพูด “นั่งเถอะ”
“บ้านของคุณก็มีอารมณ์สุนทรีย์จริงๆ นะคะ กลัวว่าห้องดอกไม้นี้ ค่าใช้จ่ายคงนับไม่ถ้วนใช่ไหมคะ” ซีเหมินจินเหลียนนั่งลงบนเก้าอี้ นี่เป็นงานอดิเรกของคนรวยและคนที่ไม่มีอะไรจะทำ คนธรรมดาทำไม่ได้หรอก ส่วนคนที่ไม่มีเวลาก็คงคิดไม่ถึงว่าจะทำอะไรแบบนี้
จ่านมู่ฮวาเห็นเธอชอบก็รู้สึกดีใจยิ้มแล้วพูดว่า “ค่าใช้จ่ายช่างมันเถอะครับ แต่การรวบรวมความหลากหลายของดอกกล้วยไม้นี่สิ ทำให้ผมยุ่งยากพอสมควร”
“คุณชอบดอกกล้วยไม้หรือ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ
“ครับ หรือว่าคุณไม่ชอบ?” จ่านมู่ฮวาถามกลับ
“สวยมาก” ซีเหมินจินเหลียนพูด “เพียงแต่…”
“แต่อะไรเหรอ” จ่านมู่ฮวาถามอย่างไม่เข้าใจ
“ดอกกล้วยไม้ที่อยู่ในห้องเหล่านี้ มันก็ดูมีมูลค่าเกินไป เทียบไม่ได้กับดอกไม้ที่อยู่ตามธรรมชาติ” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้น เมื่อก่อนตอนที่เธอเคยอยู่ที่บ้านเก่า บนภูเขาสามารถเห็นกล้วยไม้ป่า สีของมันสดใส เปรียบเทียบไม่ได้กับดอกกล้วยไม้ชั้นดีที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าดอกกล้วยไม้นั้นจะเป็นแค่พันธุ์ธรรมดา…
“สิ่งของมากมายไม่อาจจะดีพร้อมไปได้ทั้งคู่ ชีวิตคนเราก็เท่านี้” จ่านมู่ฮวายิ้ม ไม่สนใจที่จะพูดจาแอบพูดกระทบซีเหมินจินเหลียน
“ครั้งก่อนคุณพูดว่า จะเจรจาการร่วมงานในเรื่องเพชร?” ซีเหมินจินเหลียนไม่อยากถกเถียงเรื่องดอกกล้วยไม้กับเขา เลยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าหากคุณอยากจะซื้อ ก็มาจองสินค้าที่ผมได้ ผมรับรองว่าจะให้ราคาคุณต่ำกว่าในตลาดถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ สำหรับคุณภาพ คุณสามารถหาคนที่เข้าใจมาดูสินค้าก่อนได้แล้วค่อยจอง รับสินค้าไปก่อนแล้วค่อยจ่ายเงิน” จ่านมู่ฮวาพูด
“มีเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยหรือ” ซีเหมินจินเหลียนแม้ว่าจะไม่เข้าใจในเรื่องของธุรกิจ แต่ตรรกะในเรื่องของการเสียเปรียบเธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหัวแสดงถึงความไม่เชื่อ
ในขณะที่จ่านมู่ฮวากำลังจะพูดอะไรขึ้นนั้น เขาก็เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนพลีคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อเหมือนกับคนดูแลบ้านเดินมาที่ปากประตูของห้องดอกไม้แล้วผายมือขึ้น “คุณชาย คุณท่านเรียกให้คุณไปหาครับ”
จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้วขึ้น เมื่อเห็นคนดูแลบ้านทำสีหน้าใส่เขา ไม่นานก็เข้าใจจึงรีบพยักหน้า “มาดูแลเสิร์ฟชาผลไม้ต้อนรับคุณซีเหมินด้วย เดี๋ยวผมไปเดี๋ยวนี้”