ส่วนที่ 4 ตอนที่ 81 กลายเป็นคนโง่

ความลับแห่งจินเหลียน

ห้องรับแขกที่เดิมทีกำลังโกลาหลอยู่นั้นก็เงียบสงบลง ตอนนั้นหลินเจิ้งกำลังจดจ้องไปที่หลินเสวียนหลาน หวังเซียงฉินยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “แกมีสิทธิพูดในบ้านหลังนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” 

 

หลินเสวียนหลานมองไปที่หวังเซียงฉินแล้วพูดขึ้น “ผมไม่มีสิทธิพูดในตระกูลก็จริง แต่ทุกคนไม่อยากรู้พินัยกรรมของคุณปู่เหรอครับ?” 

 

ญาติที่เดิมทีรู้สึกมีความคิดเห็นโต้แย้งกับหลินเสวียนหลานทั้งหมดก็พากันเงียบเสียงลง ความจริงแล้วบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ก็ไม่มีอนาคตอะไรอีกแล้ว ถึงไม่ถูกซื้อหุ้นก็ต้องนำทุนเข้ามา แต่เวลานี้ใครจะยอมเป็นคนเสียเปรียบล่ะ? เพราะอย่างนั้นบรรดาญาติสนิทที่พากันถือหุ้นบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ทั้งหมด ใครจะวางใจได้ลงกัน 

 

สิ่งที่ไม่สบายใจมากไปกว่านั้นก็คือ ก่อนที่คุณปู่หลินจะตาย เขาได้ทิ้งพินัยกรรมเอาไว้ แน่นอนว่าต้องเขียนเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่ไว้อยู่แล้ว จะทำธุรกิจย่ำแย่ต่อไปอย่างนี้ หรือมีแผนการอื่น หรือจะบอกว่าความกังวลทั้งหมดของพวกเขาไม่มีค่า เพราะคุณปู่อาจเตรียมทุกอย่างก่อนที่เขาจะไม่มีชีวิตอยู่ไว้แล้ว 

 

สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจมากสุดก็คือคุณปู่เอาหุ้นในมือให้ใครกันแน่? 

 

ทุกคนต่างรู้ ใครที่ได้รับหุ้นพวกนั้นในมือของคุณปู่ ใครคนนั้นก็เป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทหลินซื่อ จิวเวอรี่ ใครคนนั้นก็มีโอกาสในการตัดสินใจทุกอย่าง 

 

“ผมเชิญทนายจางมาที่นี่แล้ว” หลินเสวียนหลานพูดด้วยน้ำเสียงสม่ำเสมอ สายตามองไปที่คุณลุงคุณป้า และน้องๆ ทุกคน ที่ได้แต่ถอนหายใจ ตระกูลแบบนี้ จะทำเรื่องใหญ่ได้อย่างไร? งานศพคุณปู่เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดได้ก็แค่การแบ่งมรดก… 

 

ทนายจางอายุประมาณสี่สิบปี ชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วนเตี้ย ตอนนี้แนบกระเป๋าเอกสารไว้ข้างตัว เดินเข้ามาจากข้างนอก เมื่อเห็นผู้คนแล้วก็พยักหน้าทักทายพูดว่า “ขอโทษครับ ขอโทษครับผมมาสายแล้ว” 

 

ญาติมิตรที่พบเห็นต่างไม่พูดอะไรออกมา มาช้าอย่างไรก็ดีกว่าไม่มา เพียงแต่สีหน้าของหลินเจิ้งไม่ได้สู้ดีนัก พูดได้ว่าสีหน้าของเขาย่ำแย่มาก 

 

“ทนายจาง ต้องรบกวนคุณแล้วครับ” หลินเสวียนหลานพูดขึ้น จากนั้นก็ส่งไมโครโฟนต่อให้เขา 

 

ทนายจางหยิบไมโครโฟนต่อจากเขา กระแอมในลำคอแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่าน ตอนนี้นายท่านหลินก็ได้จากโลกนี้ไปแล้ว ผมขอแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้อย่างสุดซึ้ง แต่ผู้เสียชีวิตได้ก้าวเข้าสู่สวรรค์แล้ว ส่วนคนที่ยังอยู่อย่างเราต้องจัดการทุกอย่างให้ถูกต้อง เพื่อให้นายท่านตายตาหลับอย่างสงบสุข” 

 

จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็ยิ้มออกมา คำพูดเปิดงานศพก็เป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น มักจะพูดแต่ประโยคนี้ แต่ทนายจางพูดแล้วกลับไม่ให้ถึงความรู้สึกที่น่าเชื่อถือเลย 

 

ภายในห้องรับแขกเงียบสงัดลง ทนายจางนำเอกสารหนึ่งชุดออกมาจากกระเป๋า 

 

ในใจของทุกคนก็คิดขึ้นมาได้ว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สุดท้ายของทุกคน ทนายจางก็เข้าใจว่าทุกคนรู้สึกอย่างไรเลยยิ้มแล้วพูดว่า “ผมจะไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วนะครับ จะรีบประกาศพินัยกรรมที่นายท่านหลินเขียนไว้ ตามพินัยกรรมนายหลินระบุไว้ว่า หุ้นที่อยู่ภายใต้ชื่อเขาของบริษัทหลินชื่อจิวเวอรี่ รวมถึงคฤหาสน์ทั้งหมดมอบให้แก่หลินเสวียนหลานแต่เพียงผู้เดียว ส่วนของสะสมส่วนตัวของนายท่านมอบให้แก่หลินเซียนเอ๋อร์ไว้เป็นสินสอด…” 

 

“เป็นไปไม่ได้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้!” หลินเจิ้งรีบลุกขึ้นมา ไม่จริง คุณพ่อจะยกมรดกทั้งหมดให้แก่        หลินเสวียนหลานคนเดียวได้อย่างไร แล้วเขาล่ะ? 

 

“คุณหลินเจิ้ง ช่วยสงบสติอารมณ์หน่อยครับ!” ทนายจางพูด “นี่เป็นพินัยกรรมที่นายท่านหลินเขียนเองกับมือ ถ้าคุณไม่พอใจผมเองก็จนปัญญา นอกจากนี้นายท่านหลินยังมีของบางอย่างที่จะให้คุณ คุณอย่าเพิ่งร้อนใจไป” 

 

คฤหาสน์และหุ้นทั้งหมดให้หลินเสวียนหลาน แล้วคุณพ่อยังจะมีมรดกอะไรเหลือไว้ให้เขาอีก?        สายตาอำมหิตราวกับงูพิษของหลินเจิ้งจ้องมองไปที่หลินเสวียนหลานอย่างดุดัน 

 

“คุณหลินเสวียนหลาน” ทนายจางส่งต่อเอกสารให้กับหลินเสวียนหลาน “นี่เป็นสิ่งที่นายท่านเขียนไว้ให้คุณเป็นการส่วนตัว ผมว่าคงไม่สะดวกนักถ้าเราจะประกาศกันต่อหน้าคนอื่นๆ แบบนี้” 

 

“มีอะไรที่ประกาศไม่ได้?” หวังเซียงฉินตะโกนขึ้นมา 

 

ทนายจางไม่ได้สนใจเธอ ก่อนจะยื่นเอกสารนั่นส่งให้กับหลินเสวียนหลาน หลินเสวียนหลานรู้สึกแปลกใจ ความจริงที่คุณปู่มอบหุ้นบริษัทและคฤหาสน์แก่เขา เขาก็รู้สึกคาดไม่ถึงแล้ว 

 

“คุณหลินเซียนเอ๋อร์อยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ” ทนายจางถามขึ้น 

 

เหลียนเซียนเอ๋อร์สวมด้วยชุดสีขาวทั้งร่างดูเรียบง่าย แต่นั่นก็ยิ่งดูสง่างามมากขึ้น ความสวยของเธอดึงดูดผู้คน เมื่อได้ยินเช่นนั้นเดินไปที่ข้างหน้าทนายจางเพื่อทักทาย 

 

“นี่เป็นรายการสินสอดที่นายท่านทิ้งไว้ให้คุณ คุณดูเองดีกว่าครับ” ทนายจางพูด 

 

“ขอบคุณค่ะ” หลินเซียนเอ๋อร์ยิ้มมุมปากบางเบาแล้วรับมันไป คุณปู่ยังรักเธอ เธอเป็นเด็กผู้หญิง ไม่มีสิทธิ์ในการสืบทอดหุ้นของบริษัทมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่างน้อยคุณปู่ก็ได้ทิ้งสินสอดไว้ให้เธอ เมื่อคิดอย่างนี้แล้วเธอก็คิดถึงคุณปู่ที่แสนดีของเธอ อดไม่ได้ที่น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง  

 

หลินเสวียนหลานเปิดซองเอกสารซองนั้น ก่อนจะหยิบเอกสารขึ้นมาดู นี่ก็เป็นลายมือของคุณปู่จริงๆ เรื่องนี้ไม่ผิด แต่เนื้อหาข้างในมันทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้ แม้ว่าเขาเต็มใจที่จะทำตามพันธะสัญญานี้ แต่เธอไม่ได้ต้องการเขา…เมื่อคิดได้เท่านี้เขาก็เริ่มมองหาซีเหมินจินเหลียน 

 

ในมุมหนึ่งซีเหมินจินเหลียนกำลังพูดคุยอยู่กับจ่านป๋าย 

 

หลินเสวียนหลานถอนหายใจออกมา คุณปู่เลอะเลือนไปแล้ว เขามั่นใจในตัวหลานของตนเกินไป ข้างกายของซีเหมินจินเหลียนมีจ่านป๋ายอยู่ เกรงว่าคงไม่ได้ให้ใครคนอื่นง่ายๆ… 

 

เมื่อเหม่อลอยไปไกลเขาก็คิดถึงตอนนั้นที่เขาเคยไปเสี่ยงเซียมซีความรักที่หางโจว เซียมซีอธิบายว่าอย่างไรนะ? รอให้ถึงเวลาที่ดอกบัวสีทองแย้มบานหรือ… 

 

เวลาที่ดอกบัวสีทองแย้มบาน เขาเห็นแล้ว วันนั้นตอนกลางคืน เขาขับรถชนเธอ คืนวันนั้นรถของเขาชนเข้ากับวัตถุหนักอย่างจัง แต่ข้างทางตอนนั้นไม่มีของอะไรที่เสียหายจากการโดนชน คืนวันนั้นเขาเห็นดอกบัวสีทองเบ่งบาน… 

 

เขารู้ว่าเขาดื่มมากไป แต่ดอกบัวสีทองนั่นก็ลอยอยู่ตรงหน้าเขา ถึงเขาอยากจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แต่มันก็ยากที่จะลืมเช่นกัน 

 

“คุณหลินเจิ้ง นี่ให้คุณครับ” ทนายจางหยิบเอกสารชุดหนาหนึ่งชุดให้เขาเช่นกันแล้วส่งไปให้ 

 

“นี่คืออะไร” หลินเจิ้งสงสัย ตอนนี้แม้แต่ของสะสมของคุณพ่อยังให้หลินเซียนเอ๋อร์ หุ้นบริษัทและคฤหาสน์มอบให้หลินเสวียนหลานทั้งหมด เขาไม่รู้ว่าคุณพ่อมีของอะไรที่เหลือไว้ให้เขาอีก? ไหนจะการปรากฏตัวของทนายจาง ถ้าเขาไม่โผล่มา ไม่มีพินัยกรรมของคุณพ่อฉบับนี้ เรื่องทุกอย่างก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น อย่างน้อยบริษัทก็ไม่ต้องตกไปอยู่ในมือของหลินเสวียนหลาน 

 

เขามองหลินเสวียนหลานด้วยความโกรธแค้น หลินเจิ้งรับเอกสารชุดนั้นมาจากมือทนายจาง เปิดมาและอ่านดูอย่างละเอียด 

 

“แม้ว่าผมจะไม่รู้ว่านายท่านจะเหลืออะไรไว้ให้คุณ แต่นายท่านเคยพูดไว้ว่า เพราะสิ่งนี้คุณถึงไม่มีสิทธิคู่ควรที่จะได้รับหุ้นของบริษัทหลินซื่อจิวเวอรี่และอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด” ทนายจางใบหน้ายิ้มอย่างเดิม 

 

เพียงแต่ประโยคนี้ เมื่อหลินเจิ้งได้ยินแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยน่าฟังเท่าไหร่ ในเอกสารข้างในมีอะไรบันทึกไว้ในนั้นกัน? 

 

จ่านป๋ายและซีเหมินจินเหลียนเองก็เตรียมรอฟัง “เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น” 

 

ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ในทันที เกรงว่าทนายจางคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร พินัยกรรมฉบับนี้ของคุณปู่หลินคงจะถูกใครทำอะไรมาก่อนแล้ว 

 

“คุณทำอะไร” ซีเหมินจินเหลียนถาม 

 

“คุณทายสิครับ” จ่านป๋ายพูด 

 

“อย่างมากคุณคงจะทำอะไรกับพินัยกรรมนั่น แล้วยังจะทำอะไรได้อีก?” ซีเหมินจินเหลียนพูด 

 

“คุณรู้แล้วยังจะถามผมทำไมอีก” จ่านป๋ายพูด 

 

นิ้วมือของหลินเจิ้งเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา สีหน้ายิ่งดูไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม เดิมทีใบหน้าที่พอจะไปวัดไปวาได้ตอนนี้มันบิดเบี้ยว เส้นเลือดสีเขียวรอบคอก็เหมือนจะแตก 

 

“ที่รัก พี่เป็นอะไรไปคะ” หวังเซียงฉินเห็นท่าทางของหลินเจิ้งผิดปกติ สิ่งที่เธอสนใจมากที่สุดคือ คุณพ่อตายแล้ว มรดกของพวกเขาจะแบ่งกันอย่างไร เธอที่อยากจะใช้ชีวิตอยู่บนกองทองเสพสุขทั้งชาติ มันจะพอหรือไม่ แต่ดูจากท่าทีของหลินเจิ้งแล้ว เหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้? 

 

มันก็ถูก หุ้นบริษัทและคฤหาสน์ก็ไปหมดแล้ว แล้วยังมีอะไรที่ให้เขาได้อีก? 

 

“ผู้หญิงไร้ยางอาย!” หวังเซียงฉินไม่ถามยังดีเสียกว่า พอถามขึ้นมาหลินเจิ้งก็ตะคอกเสียงด่ามาอย่างสุดเสียง 

 

คนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างตกใจไปตามๆ กัน หันไปมองหวังเซียงฉินและหลินเจิ้ง 

 

 “ที่รัก พี่พูดอะไรกัน?” ต่อหน้าผู้คนมากมาย หวังเซียงฉินยังคงเก็บสีหน้าและความหน้าด้าน ถามออกไปอีกครั้ง “ใครกันที่ไร้ยางอาย? คุณพ่อไม่ได้ให้สมบัติพี่ แล้วพี่จะมาโมโหลงใส่ฉันทำไม” 

 

“นั่นเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงชั้นต่ำไร้ยางอาย!” หลินเจิ้งโกรธจัด พูดขณะที่ในมือของเขาขยำกระดาษด้วยความเคียดแค้นและขว้างมันไปใส่หน้าหวังเซียงฉิน หวังเซียงฉินถูกกระดาษปาใส่เข้าอย่างจัง ทันใดนั้นก็รู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมา นับตั้งแต่ที่เธอตั้งท้อง หลินเจิ้งก็คอยดูแลเอาใจใส่เธอดีมาโดยตลอด ไม่เคยโกรธหรือโมโหใส่เธอ ไม่สิๆ แม้แต่พูดเสียงดังเขายังไม่กล้า แต่วันนี้เธอถูกเขาทำให้ขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย มันทำให้เธอทั้งอายและโกรธจึงด่ากลับไปว่า “คุณเป็นบ้าอะไร วันนี้กินยาหรือยัง?” 

 

“คุณกล้าด่าผมเหรอ?” หลินเจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็ใช้หลังมือฟาดไปที่ใบหู ตบหน้าของหวังเซียงฉินจนสะบัดไปอีกทาง จากนั้นก็ไม่รอให้หวังเซียงฉินเข้าใจ ใช้เท้าหนักๆ เหยียบไปที่ท้องน้อยๆ ของหวังเซียงฉิน 

 

หวังเซียงฉินหวีดร้องออกมาอย่างทรมาน ก่อนที่ล้มไปนอนที่พื้น มือทั้งสองข้างกุมท้องไว้เจ็บปวดไปทั้งตัว 

 

“น้องรอง นี่แกทำอะไรลงไป?” หลินเหวินเดินเข้ามาอยากจะพูดปลอบ 

 

“พี่ใหญ่ พี่ถอยออกไป เมื่อก่อนผมมันโง่เอง ไม่ยอมฟังคำเตือนของพี่ กลับไปเชื่อใจผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของชู้ที่ไหนก็ไม่รู้!” หลินเจิ้งพูดขึ้นเสียงดัง 

 

“คุณ…คุณพูดอะไร?” หวังเซียงฉินรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ สายตาตรงหน้ามืดดำไปหมด ภายในท้องเจ็บรวดร้าวมาก… 

 

หลินเจิ้งยังคิดที่จะกระทำการป่าเถื่อนต่อไป แต่ยังดีที่ถูกหลินเหวินจับเขาไว้ ส่วนผู้หญิงที่มีอยู่กี่คนก็รีบมาพยุงหวังเซียงฉินขึ้น เห็นว่าทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยคราบเลือด 

 

“คุณพ่อได้ทิ้งจดหมายก่อนตายเอาไว้ รวมถึงผลรับรองที่ออกโดยโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ ผมไม่มีทางที่จะมีลูกได้ แล้วเด็กในท้องของผู้หญิงคนนี้จะมาจากไหน? คุณกล้าที่จะเลี้ยงผู้ชายข้างนอกลับหลังผม คุณเห็นผมเป็นตัวอะไร?” หลินเจิ้งสั่นเทาไปทั้งตัว ตนเป็นเด็กในกำมือให้เธอหลอกใช้ คิดไม่ถึงว่าลูกในท้องของเธอจะเป็นลูกของคนอื่น ส่วนตนกลายเป็นคนโง่เง่า!