ตอนที่ 220 สาวน้อยใต้แสงจันทรา

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

นับตั้งแต่ที่คนชุดคลุมหน้าผู้นั้นปรากฎตัวขึ้นมา นางก็รู้แล้วว่าตนเองติดกับ

 

 

ที่เจ้าติ๊งต๊องไปขโมยแผนที่สมบัติมาได้ ดูท่าคงจะเป็นเพราะถูกคนวางแผนไว้

 

 

หรืออาจบอกว่า มีคนตั้งใจชักนำมันไปขโมย

 

 

และเพราะก่อนหน้านี้เจ้าติ๊งต๊องไปก่อเรื่องที่พระตำหนักตี้หัวสำเร็จไปหลายครั้ง ดังนั้นนางจึงละเลยเรื่องเหล่านี้ไป

 

 

ติ๊งต๊องจะอย่างไรก็เป็นเพียงแค่ไก่ตัวหนึ่ง สมองหรือก็มีแค่นั้น ไหนเลยจะสู้กับคนที่เจ้าเล่ห์เจ้ากลได้กัน ดูท่าต่อให้ถูกเอาตัวไปขายก็ยังช่วยเขานับเงินด้วยซ้ำ

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่โทษว่ามัน เพียงโทษตัวเองที่ประมาทผู้อื่นเกินไป

 

 

เพราะใจคิดแต่ว่าไม่อยากจะให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงกะจะนำแผนที่มาคืนอย่างเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าคนอื่นวางแผนขุดหลุมรอนางเอาไว้อยู่แล้ว

 

 

แม้กระทั่งแผนที่แผ่นนี้ก็ยังมีกับดัก

 

 

คำสาปอาฆาต

 

 

สิ่งของที่แต่เดิมก็มีความอาฆาตแค้นฝังลึกอยู่แล้วเช่นนี้ เมื่อผนึกคำสาปอาฆาตลงไปยิ่งเสริมความรุนแรงขึ้นอีกเป็นพันเท่า จนทำให้มันกลายเป็นอสุรกายขึ้นมา พอถูกนำมาใช้โจมตีในระยะประชิดเช่นนี้ ก็สามารถผลักนางลงหลุมมรณะได้เลยทีเดียว!

 

 

หัวใจของนางเจ็บปวดจนด้านชาที่ร้ายกาจที่สุดก็คือถูกฉีกกระชากตราประทับศักดิ์สิทธิ์บนดวงจิตของนางออกมา ความเจ็บปวดนี้ไม่ต่างอะไรกับถูกถลกหนัง

 

 

คิดจะเอาสิ่งของของเจ้ ก็ต้องดูว่าพวกเจ้ามีปัญญาหรือไม่!

 

 

คนอย่างตู๋กูซิงหลันนั้นไม่ธรรมดา นางทั้งอึดและทน โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความตายตรงหน้า นางก็จะสู้ชนิดที่ต่อให้ปลาตายแหขาด ก็ไม่ขอนั่งรอความตายอยู่กับที่ ให้ฝ่ายตรงข้ามมาตัดศีรษะไปง่ายๆ อย่างเด็ดขาด

 

 

 

 

แต่แผนการหมูกินเสือเช่นนี้ ก็สามารถผลักนางไปจนถึงเส้นตายได้จริงๆ ตู๋กูซิงหลันได้แต่ต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดออกมา นางเพิ่มกริชในมือ กรีดลงไปบนฝ่ามือในทันที โลหิตสดไหลทะลักออกมา

 

 

มืออีกข้างกวาดวาดยันต์โลหิต ริมฝีปากก็ร่ายคาถา ปลุกพลังของหยกที่ถูกฉีกออกขึ้นมา นางถ่ายเทพลังทั้งหมดลงไปในยันต์โลหิตของตนเอง

 

 

ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจมองเห็นรูปลักษณ์ของนางได้อย่างชัดเจน เห็นเพียงเส้นผมของนางปลิวกระจาย ร่างในชุดสีดำลอยคว้างอยู่ในอากาศ

 

 

 

 

พลังของหยกสรรพชีวิตและโลหิตของนางก่อกำเนิดเป็นยันต์โลหิต กลายเป็นยันต์ทำลายล้างที่จะระเบิดศัตรูให้กลายเป็นผุยผง!

 

 

วิญญาณทมิฬไม่ได้ห้ามปรามนาง ตอนนี้มันได้แต่ทุมเทพลังไปสกัดใบหน้าหนังมนุษย์ที่กัดอยู่บนหัวใจของตู๋กูซิงหลัน

 

 

หนังมนุษย์ชิ้นนี้มีแรงพยาบาทรุนแรง เมื่อได้รับคำสาปพยาบาทก็ยิ่งกระตุ้นแรงอาฆาตไปอีกร้อยพันเท่า ถือเป็นคู่มือที่เผ็ดร้อนของมัน

 

 

ดูท่าฝ่ายตรงข้ามมิได้ประมาท ถึงกับใช้เลือดเนื้อมาสร้าง มิว่าอย่างไรก็ต้องคว้านเอาหยกสรรพชีวิตในกายของตู๋กูซิงหลันออกมาให้ได้

 

 

จากนั้น……ก็เอาชีวิตนางไปด้วย!

 

 

ช่างชั่วร้ายนัก!

 

 

ทันทีที่ยันต์โลหิตของตู๋กูซิงหลันสำแดงฤทธิ์ออกไป ท้องฟ้าทั่วตำหนักหยู่เฉียนกงก็กลายเป็นสีแดงดุจเลือด

 

 

คืนนี้เดิมทีเป็นข้างขึ้นสิบห้าค่ำ ตอนแรกยังมีหมู่เมฆบดบังแสงจันทร์อยู่ แต่ทันทีที่ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดง เมฆทั้งหลายก็ยังกระจายหายไป

 

 

เหลือเพียงดวงจันทร์กลางฟ้าที่ถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงฉานเท่านั้น

 

 

ที่เบื้องหน้าของดวงจันทร์ มีสาวน้อยนางหนึ่งที่มีหมอกโลหิตกำจายอยู่รอบตัว เส้นผมยาวของนางปลิวไสว ทั่วทั้งร่างเปล่งประกายด้วยแสงสีแดงดุจเลือด

 

 

เงาหลังของนางคล้ายปรากฎเป็นร่างจำแลงสีแดงดำโอบล้อมตัวนางเอาไว้ และจดจ้องลงมายังศัตรูอย่างโหดเ**้ยม

 

 

พวกเขาไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน เห็นเพียงเงาคนอันเลือนลางที่อยู่ในหมอกทึบเท่านั้น!

 

 

ภายใต้ดวงจันทราสีเลือด นางดูประหนึ่งเป็นนางมารที่ก้าวออกมาจากโลกปีศาจ

 

 

ดูลึกลับและน่ากลัวจนต้องหวาดผวา

 

 

บรรยากาศรอบด้านตกอยู่ในห้วงลี้ลับ ผู้คนทั้งหลายราวกับโดนมนต์สะกด ไม่มีใครกล้าขยับหรือส่งเสียงร้อง ได้แต่เฝ้ามองอย่างแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับกำลังชมดูจิตรกรรมอันล้ำเลิศในพิภพ

 

 

คนชุดดำใต้ผ้าคลุมเองก็ตกตะลึงไป ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นศพมีชีวิต แต่เมื่อต้องเผชิญกับพลังของยันต์โลหิตที่สร้างขึ้นจากพลังของหยกสรรพชีวิต เขาเองก็ยังหวาดกลัวขึ้นมา

 

 

ในมือของเขากำแส้เอาไว้ ได้แต่แอบถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างเงียบๆ

 

 

ตั้งแต่ก่อนที่จะไปเมืองลี่โจว เขาก็ร่วมมือกับอันหร่วนสืบหาฐานะของสาวน้อยผู้นี้อย่างเงียบๆ มาตลอด รวมถึงเรื่องที่ในวังนี้มีกลิ่นอายของหยกสรรพชีวิตด้วย

 

 

สืบหาอย่างละเอียดละอออยู่หลายรอบ ในที่สุดก็เป็นจริงดังคาด นางไม่เพียงแต่เป็นสาวน้อยที่คลุมหน้านางนั้น ทั้งยังมีหยกสรรพชีวิตอยู่ในร่าง

 

 

ตอนที่องค์หญิงแห่งต้าเหยียนมาที่นี่ด้วยเรื่องของแผนที่กรุสมบัติ พวกเขาจึงได้คิดแผนนี้ออกมา

 

 

ตอนแรกก็ล่อลวงเจ้าไก่โง่ๆ นั่นไปขโมยข้าวของของฮ่องเต้ พอฮ่องเต้มิได้ทรงเอาความ ไทเฮาน้อยก็ลดความระแวดระวังลง

 

 

ดังนั้นเมื่อเจ้าไก่ดำขนฟูนั่นไปขโมยแผนที่สมบัติ ไทเฮาน้อยจึงตกหลุมพรางอย่างง่ายดาย

 

 

พวกเขาวางเบ็ดเอาไว้ รอให้นางมาติดกับได้สำเร็จ

 

 

ถึงอย่างไรนางก็อายุยังน้อย ทั้งวันทั้งคืนมัวแต่ระแวดระวังฮ่องเต้ ทั้งยังต้องป้องกันว่าจะมีคนลอบลงมือจัดการนาง สมาธิและพลังย่อมมีอย่างจำกัด

 

 

หากมิใช่ว่าพวกเขาวางแผนการเอาไว้เช่นนี้ ปลาใหญ่อย่างนางจะมาติดเบ็ดง่ายๆ ได้อย่างไร?

 

 

เพียงแต่คิดไม่ถึงว่า ไทเฮาน้อยผู้นี้จะเคี้ยวยากถึงเพียงนี้

 

 

มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ก็ยังไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว

 

 

ทำให้เขาย้อนคิดไปถึงยามก่อนหน้านางคิดจะ’ แยกร่างถอดดวงจิต’ ออกมาจัดการกับเขา

 

 

คนทั่วไปคงไม่อาจเชื่อว่าไทเฮาน้อยที่ยามปกติอ่อนแอบอบบาง ที่จริงแล้วร้ายกาจจนน่าตระหนกเช่นนี้

 

 

ทันใดนั้นดวงตาทั้งคู่ของตู๋กูซิงหลันก็สาดหมอกสีแดงออกมา ดวงหน้าที่งดงามกลายเป็นเยือกเย็นประหนึ่งจอมมารจากขุมนรก นางยกข้อมือขึ้นมา กระดิกนิ้วเรียวยาวเพียงเบาๆ ก็เห็นยันต์โลหิตสีแดงที่อยู่ตรงหน้าแผ่พลังกดดันลงมา

 

 

“ตูม บรึม บรึม!” ผู้คนทั้งหมดได้ยินเสียงฟ้าผ่าสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจากดวงจันทราสีเลือดฟาดเปรี้ยงลงมา

 

 

ตำหนักหยู่เฉียนกงก็สั่นสะเทือนไปทั้งหลังในทันที

 

 

เศษกระเบื้องปลิวกระจายว่อน ร่วงหล่นลงบนพื้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กำแพงตำหนักแตกกราวลงมาแรงกดมหาศาลบดขยี้ลงไปราวกับจะบี้ตำหนักหยู่เฉียนกงทั้งหลังให้แหลกลาญ

 

 

สาวน้อยผู้อยู่ใต้เงาจันทราผู้นั้น ดูราวกับจอมมาร!

 

 

พอนางยกมือขึ้นมาอีกครั้ง ก็บังคับให้ยันต์โลหิตนั่นส่งพลังกดทับลงไปอีก

 

 

ใต้ยันต์โลหิต คนชุดดำใต้ผ้าคลุมรู้สึกราวกับถูกภูเขาขนาดใหญ่กดทับลงมาเหนือศีรษะ เขากวาดแส้ในมือออกไป คิดจะทำลายยันต์โลหิตแผ่นนั้นให้แหลกเป็นชิ้นๆ

 

 

แต่ว่าแส้ยังไม่ทันจะตวัดไปถึงยันต์โลหิตก็ถูกหมอกสีแดงลายล้อมเอาไว้จนไม่อาจขยับ

 

 

เขาได้ยินเสียง “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” จากตัวแส้อยู่ไม่กี่ครั้ง ก็เห็นแส้เส้นนั้นถูกหมอกสีแดงทำลายจนกลายเป็นผุยผง!

 

 

ชายผู้นั้นตกตะลึงไป! แส้โครงกระดูกของเขาสามารถกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งอย่างที่สุด ตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่เคยเกิดริ้วรอยขึ้นมาแม้แต่น้อย แต่ว่าวันนี้กลับถูกหมอกสีแดงของนางทำลายไปแล้วกว่าครึ่ง?

 

 

เขาไม่อยากจะเชื่อ

 

 

แต่ตู๋กูซิงหลันไม่ให้เวลาเขาได้ครุ่นคิดเลยสักนิด ยันต์สีแดงแผ่นนั้นแผ่ขุมพลังบดขยี้ลงมาอย่างต่อเนื่อง

 

 

ชุดคลุมสีดำบนร่างของชายผู้นั้นถูกแรงกดอัดจนแหลกสลายเผยให้เห็นศีรษะที่ล้านโล้นสีดำ

 

 

บนหนังศีรษะของเขามีภาพอักขระที่แปลกประหลาดและซับซ้อน ใบหน้าที่ปราศจากสีเลือดนั้นปูดโปนไปด้วนเส้นเอ็นสีดำจนทั่วทั้งใบหน้า แค่เห็นก็ทำให้คิดไปถึงศพโบราณที่ตายไปแล้วเป็นร้อยเป็นพันปีที่ถูกขุดออกมาจากสุสาน

 

 

ภายใต้แสงสีแดงที่เจิดจ้าคนในบริเวณรอบตำหนักหยู่เฉียนกงล้วนมองเห็นสภาพของเขาได้ในทันที แต่ละคนตกใจกลัวจนเกือบจะฉี่ราด

 

 

กลางดึกคืนนี้ พวกเขาถึงกับเจอผีเข้าแล้วจริงๆ!

 

 

ปีนี้เป็นปีที่ภูติผีปีศาจออกอาละวาดหรือไร? ถึงกลับกล้าบุกเข้ามาถึงในรั้วในวัง ไม่รู้หรือไงว่าฮ่องเต้ของพวกเขาได้รับการปกป้องคุ้มครองจากสวรรค์ เป็นผู้ที่สวรรค์เลือกแล้ว

 

 

 

 

——

 

 

คุยกันนิดนึง: คิดเหมือนกันไหม? อาหลันจะตายแล้ว พี่เต้หายไปไหนนน

 

 

(โทรตามด่วนๆ)