ทำไมถึงเป็นเจ้า

 

 

 

 

 

เถิงเฟิงเหลือบมองถังเฉียน เถิงเสวี่ยชูกิ่งไม้สีทองขึ้นอีกครั้ง เถิงเฟิงจึงกระโจนออกไปราวกับวานร แต่ก็ยังดีที่ช่วยปิดประตูให้อย่างเข้าใจสถานการณ์ 

 

 

“อาจารย์ มาพบศิษย์มีสิ่งใดจะสั่งหรือเจ้าคะ” 

 

 

เถิงเสวี่ยสอบถามอาการป่วยของซูซินเหลียนพอเป็นพิธี ถังเฉียนบอกรายละเอียดให้อาจารย์รู้โดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย พอเถิงเสวี่ยฟังจบก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า 

 

 

“ช่วงนี้เจ้าไม่ต้องไปยุ่งกับนาง อาจารย์เองก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะโยงใยไปมากมายขนาดนี้ รอให้แก้ปัญหาไอพิษได้ก่อน อาจารย์ถึงค่อยแก้ปัญหาให้นางเอง” 

 

 

ถังเฉียนไว้ใจเถิงเสวี่ยมาก ฟังที่นางพูดแล้วจึงสะกดความอยากรู้อยากเห็นในใจของตนไว้ ที่สำคัญเพราะนางเป็นคนขี้ขลาด เรื่องนี้หากถ้าเถิงเสวี่ยต้องการให้ถังเฉียนไปทำ เกรงว่านางเองก็ไม่มีความกล้าที่จะทำต่อ 

 

 

“เจ้ารู้จักของสิ่งนี้หรือไม่” 

 

 

เถิงเสวี่ยยื่นกิ่งไม้สีทองอันนั้นให้กับถังเฉียน นางรู้สึกว่ากิ่งไม้สีทองอันนี้หนักมาก ด้านตัดเป็นสีหยกดูแปลกตา นางมองแล้วก็ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร เถิงเสวี่ยไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ นางสังเกตดูอย่างละเอียดแล้วจึงพูดว่า 

 

 

“แมลงปีศาจตัวนั้นของเจ้าล่ะ” 

 

 

ถังเฉียนตอบอย่างเรื่อยเปื่อย 

 

 

“คงจะนอนอยู่กระมังเจ้าคะ ช่วงนี้อากาศร้อน มันชอบนอนบ่อยๆ ปกติให้มันทำอะไรก็ขี้เกียจ ศิษย์มีความรู้น้อย ไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่” 

 

 

เถิงเสวี่ยรับกิ่งไม้คืนมา หมุนเบาๆ พลางพูดว่า 

 

 

“เถิงเฟิงบอกว่าแมลงของเจ้าตัวนั้นยังหาอาหารที่เหมาะสมไม่ได้ ควรจะรู้ว่าน้ำค้างยามเช้าดอกหลงหยางกับกลีบดอกปี้เสวี่ยไม่ใช่ของที่หาได้ทั่วไป จะหาของสองสิ่งนี้ย่อมไม่ง่ายเลย เจ้าเตรียมจะเลี้ยงมันด้วยสิ่งใด” 

 

 

พอถังเฉียนคิดถึงเรื่องนี้ก็ปวดหัวขึ้นมา 

 

 

“ไหนเลยศิษย์จะมีความสามารถไปหาของวิเศษเช่นนั้นได้ แต่หงซีสาวใช้ของซูซินเหลียนมอบน้ำจากบ่อน้ำพุถังหมิงให้ศิษย์ไว้ไม่น้อย พอจะทำให้มันอยู่รอดได้ระยะหนึ่ง” 

 

 

ถังเฉียนไม่ได้เล่าเรื่องที่นางใช้เลือดของตนเองช่วยให้ฉู่จิ่งเหยาฟื้นชีวิตและยังใช้เลือดเลี้ยงเสี่ยวจินให้อาจารย์รู้ นางบอกเพียงว่าเลือดของตนมีประโยชน์บางอย่าง ส่วนที่ฉู่จิ่งเหยารอดตายก็เพราะร่างกายเขาแข็งแรงกว่าคนทั่วไป ส่วนเสี่ยวจินนั้น นอกจากเถิงเฟิงแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวจินชอบกินเลือดนาง ทั้งยังสามารถสื่อสารกับนางได้ด้วย 

 

 

สำหรับคนภายนอกแล้วมันก็แค่มีพลังโจมตีสูง เพียงแต่ยังเลือกอาหารอยู่บ้างก็เท่านั้น ดังนั้นเถิงเสวี่ยจึงพอใจในคำตอบของนาง เพียงแต่เอ่ยว่า 

 

 

“สิ่งนี้เรียกว่ากิ่งไม้ทองใบไม้หยก แต่เวลานี้เป็นเพียงกิ่งไม้ทองเท่านั้น เจ้าสามารถเอามันไปแช่ในน้ำจากน้ำพุถังหมิง รอให้มันงอกใบไม้หยกออกมา แล้วปล่อยให้ใบไม้หยกร่วงลงมาเอง แล้วค่อยเอาให้แมลงปีศาจตัวนี้กิน จะดีกว่าเอาน้ำจากน้ำพุถังหมิงให้มันกินโดยตรง” 

 

 

เถิงเสวี่ยพูดจบจึงมอบกิ่งไม้ทองใบไม้หยกให้กับถังเฉียน นางดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับของล้ำค่าเช่นนี้ แน่นอนว่ายิ่งรู้สึกสำนึกในบุญคุณของเถิงเสวี่ยมากยิ่งขึ้น 

 

 

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้นางตื้นตันใจจริงๆ นั้นยังเป็นอีกเรื่องต่างหาก เถิงเสวี่ยนั้นค่อนข้างที่จะอยู่สันโดษไม่ยอมออกมาง่ายๆ กิ่งไม้ทองใบไม้หยกนั้นเป็นของวิเศษ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่จำเป็นต้องมามอบให้ด้วยตนเองเช่นนี้ ทั้งยังบอกอีกว่าให้ถังเฉียนต้อนรับหมอผีท่านสุดท้ายในวันพรุ่งนี้ 

 

 

กล่าวได้ว่าจำต้องไปเชิญหลายครั้งกว่าที่หมอผีท่านนี้จะยอมออกมา เถิงเสวี่ยกำชับถังเฉียนให้ดูแลต้อนรับเป็นอย่างดี ทั้งยังบอกนางว่ารอให้หมอผีท่านนี้มาถึง ต้องร่วมกับนางเพื่อเพิ่มพลังทิพย์  พิธีกรรมที่พวกนางทำในครั้งนี้ลำบากยากเข็ญมาก ขอให้ถังเฉียนตั้งใจเรียนรู้จากหมอผีท่านนี้ 

 

 

ถังเฉียนได้เรียนรู้จากเถิงเสวี่ยแล้วว่าจะสร้างพลังทิพย์ได้อย่างไร เพียงแต่นางยังไม่ได้เข้าสังกัด จำเป็นต้องให้หมอผีศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่งกับหมอผีใหญ่อีกท่านหนึ่งจึงจะสามารถดำเนินการเปลี่ยนแปลงร่างนางได้ จากนั้นนางจึงจะกลายเป็นภาชนะที่จะรองรับไอทิพย์แห่งฟ้าดิน จึงจะสามารถใช้พลังอำนาจของหมอผีศักดิ์สิทธิ์ได้